ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1333

ดวงตาของเย่เทียนจับจ้องมาที่เขา

เป็นคือฉีหยู่เหิงของตระกูลฉี

เมื่อเขาสบตาเย่เทียนเขาก็เกิดความรู้สึกราวกับถูกสัตว์ร้ายจ้องมองแต่เดิมเขาคิดว่าตนมีความมั่นใจอยู่บ้างท่ามกลางฝูงชน แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตนเองคิดมากเกินไป

เขามีลางสังหรณ์ที่หนักแน่นว่าหากเย่เทียนลงมือ อย่างนั้นเขาจะต้องโดนโจมตีอย่างหนัก!

ไม่ถูก! ไม่ได้อย่างหนัก แค่เป็นถูกฆ่าในคราวเดียว!

ลางสังหรณ์นี้รุนแรงมาก ฉีหยู่เหิง ก้าวถอยหลังไปสามก้าวทันที ก่อนจะถูกคนอื่นผลักถึงค่อยยืนได้อย่างมั่นคง

“กฎ? ในเมื่อเป็นกฎก็ย่อมควรปฏิบัติตาม แต่ถ้าคนบางคนไม่ทำตามกฎ ก็อย่าโทษที่ฉันหยาบคาย!”

เย่เทียนแค่นเสียง จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่จัตุรัสหน้าประตู

หลังจากเข้าไปในสำนักชิงเหมิน บรรดาผู้ที่กำลังพิจารณาว่าเย่เทียนที่ดุดันแบบนี้อาจก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดีก็รู้สึกยินดีขึ้นมาในทันที

เป็นเส้นลมปราณทิพย์จริงๆ! อีกทั้งยังเป็นเส้นลมปราณทิพย์ที่เข้มข้นมาก!

แม้ว่าจัตุรัสจะไม่ใช่สถานที่ที่มีเส้นลมปราณทิพย์แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็สามารถแสดงถึงสถานการณ์โดยรวมของเส้นลมปราณทิพย์ทั้งหมดได้ เมื่อเผชิญกับแรงกระทบนี้ บรรดาผู้ที่แต่เดิมคิดจะถอยหนีก็ต้องเป็นฮึดสู้ขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เย่เทียนนั้นดุดันจริงๆ แต่พวกเขาหลายคนขนาดนี้มีหรือจะกลัวเขา?

พวกเขาปลอบโยนตัวเองด้วยวิธีนี้ สายตาของคนเหล่านี้ที่มีต่อเย่เทียนก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา

“ในเมื่อต้องการทำตามกฎ ชนะสองเกมในสามเกม ขอแค่สำนักชิงหนังของเราพิสูจน์ว่าเรามีพลังพอที่จะตั้งสำนัก คิดว่าทุกท่านคงไม่มีใครคัดค้านแล้วใช่ไหม!”

นักพรตเหอสอดมืออยู่ในเสื้อคลุมของตน สายตามองดูพวกเขาอย่างเฉยเมย

“แน่นอน! นั่นคือกฎตั้งแต่ตอนเริ่มต้น ฉันคิดว่าสำนักชิงหนังก็น่าจะมีความแข็งแกร่งเช่นกัน!” ซือหม่ามู่หยาง พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริง กฎนี้มีความยืดหยุ่นมากเกินไป

ท้ายที่สุดแล้ว การชนะสองในสามเกมนี้จะต้องดูว่าเอามาเปรียบเทียบกับใคร หากเป็นสำนักเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักก็สามารถส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันนี้ในเชิงพิธีการมากกว่าการแข่งขันจริงๆ

ถึงเวลานั้นขอแค่สมาพันธ์นักบู๊โบราณยอมรับก็พอ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของสำนักชิงหนังนั้นแตกต่างกันออกไป ท้ายที่สุดแล้วบรรพบุรุษที่ตั้งกฎนี้ไว้เกรงว่าก็คงไม่ได้คาดคิดว่าสำนักในภายหลังจะมีเส้นลมปราณทิพย์อยู่ในครอบครอง!

หากเป็นเพียงเส้นลมปราณทิพย์ก็แล้วไป แต่ปัญหาที่แท้จริงคือเย่เทียนและสมาพันธ์นักบู๊โบราณของพวกเขาไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่กลับเป็นศัตรูกัน!

สำหรับพวกเขาแล้วย่อมจะไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนแน่ อีกทั้งพวกเขาก็มีกำลังคนมากมาย เบื้องหลังก็ยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากโลกบู๊โบราณ แบบนี้พวกเขาจะไม่สามารถหยุดสำนักชิงหนังได้เลยหรือ?

“อย่างนั้นก็อย่าพูดพร่ำอีก เริ่มได้!”

เย่เทียนนั่งลงในตำแหน่งของตน ขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งลงเช่นกัน

เฉิงชิ่งขยับดาบยาวของเขาแล้วพูดว่า “ฉันเริ่มก่อน!”

เมื่อเห็นเฉิงชิ่งออกมา ซือหม่ามู่หยาง ก็แสดงท่าทางคาดไม่ถึง

ถูฮุยแต่เดิมก็เป็นจุดแข็งที่สุดของเย่เทียน และมีโอกาสชนะก็สูงมาก ดังนั้นเขาจึงคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่าถูฮุยจะต้องออกมา และนั่นเขาถึงค่อยคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายในการต่อสู้นี้

ถึงจะไม่สามารถกำจัดออกไปได้โดยตรง แต่ก็สามารถขัดขวางโอกาสในการร่วมแข่งขันของเขา

เมื่อเทียบกับการได้รับเส้นลมปราณทิพย์กับการกำจัดเย่เทียน ราคาที่ต้องจ่ายนี้อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อมองดูเฉิงชิ่งที่สายตาเกรี้ยวกราด ซือหม่ามู่หยาง ก็หัวเราะขึ้นมา

เป็นราชาแห่งตระกูลเฉิงอยู่ดีไม่ว่าดี ทำไมต้องมาลุยน้ำโคลนให้ได้? พวกตาแก่ในตระกูลเฉิงคงเลอะเลือนไปหมดแล้ว แม้กระทั่งจุดนี้ก็ยังมองไม่ออก!

ในเมื่อนายได้ตัดสินใจแล้ว อย่างนั้นก็อย่าโทษฉันไม่เกรงใจ

“โม่เฟยนี่คือคู่ต่อสู้เก่าของนายแล้ว!”

โม่เฟย แต่งกายด้วยชุดสีดำล้วน ลำตัวยืดตรงราวกับปืนยาว ด้านหลังมีกระบี่ยาวที่มีความสูงเกือบเท่ากับเขาอยู่ เขาก็คืนักดาบ!

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่อีก!”

น่าเสียดายที่การต่อสู้ในสนามไม่ใช่สิ่งที่เขาจะหยุดยั้งได้อีกต่อไป

หากเขาไม่ได้ต่อสู้กับเย่เทียนมาก่อน เขาก็อาจจะเข้าแทรกแซงในขณะการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ได้โดยตรง

แต่หลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งของเย่เทียนเขาก็ย่อมไม่มีทางจะเปิดโอกาสให้เย่เทียนสร้างปัญหาได้อีก

ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างล้วนอยู่ในกฎเกณฑ์ แม้ว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะประสบความพ่ายแพ่ก็ต้องยอมรับ! นี่คือประโยชน์ของกองกำลัง

คนอื่นย่อมมองไม่เห็นถึงจุดนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ตำหนิโม่เฟยไปตามๆ กันก็เท่านั้น

เพียงแต่นี่เพียงแค่การตำหนิเบาๆ เท่านั้นเอง โม่เฟยเป็นผู้แข็งแกร่ง หากเผชิญหน้ากับโดยตรงพวกเขาไหนเลยจะกล้า?

ทั้งสองฝ่ายปะทะจนแยกจากกันออกมา โม่เฟยใช้กระบี่ค้ำตัวและหายใจหอบหนักราวกับวัวควาย

เฉิงชิ่งในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ได้ต่างกัน บนตัวของเขามีบาดแผลมากมาย แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความสนุก

“กระบี่เยี่ยนหยุนสิบแปด ก็มีดีแค่เท่านี้เอง!”

“หึ โอหัง!”

โม่เฟยที่ปากโต้กลับแต่ในใจกลับตกตะลึง ครั้งสุดท้ายที่เขาต่อสู้กับเฉิงชิ่ง อีกฝ่ายกลับยังไม่สามารถต้านทานการเคลื่อนไหวของตัวเองได้เลยสักกระบวนท่า แต่มาตอนนี้?

เขากลับสามารถต่อสู้เสมอกับตัวเองในช่วงทดลองกระบวนท่าได้!

ไม่เพียงเท่านั้น จิตดาบของเฉิงชิ่งก็ยังนำซึ่งความยุ่งยากให้เขาไม่น้อย

กระบี่ยาวที่อยู่ในมือของโม่เฟยนั้นทรงพลังและหนักหน่วง ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะยาว หากยังยืดเยื้อก็จะทำให้เขาตกเป็นฝ่ายถูกรุกแทน

ในทางตรงกันข้ามจิตดาบของเฉิงชิ่งยังคงรุนแรงเช่นเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตดาบที่ไม่ลดละลงเลยของเขาได้ทำลายวิชากระบี่ของโม่เฟยไปอยู่หลายครั้ง

“ยังไม่ยอมแพ้?”

ใบหน้าของเฉิงชิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย "ในเมื่อไม่ยอมแพ้ก็สู้กันอีก! วันนี้ฉันจะต้องสยบนายให้ได้!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่