ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1342

แรงกดดันอันมหาศาลทำให้เท้าทั้งสองของเหลิ่งฉิงโฉวจมสู่ในพื้น

“แก๊กๆ!”

เหลิ่งฉิงโฉวจ้องเย่เทียนอย่างโหดร้าย ในที่สุดเขาก็ประมาทเสียแล้ว

วิธีการโจมตีของเขาใช้ความเฉียบไวเป็นหลักมาโดยตลอด ถ้าเกิดจะต้องปะทะฝีมือกันขึ้นมาจริงๆ เขาย่อมเสียเปรียบแน่

ส่วนภายใต้พลังหมัดที่มาพร้อมแรงกดดันมากมายนี้ของเย่เทียน เดิมทีเขาไม่มีทางสำแดงความเฉียบไวของตนเองออกมาได้ ได้เพียงฝืนต้าน สำหรับเขาแล้วนี่คือการตกอยู่ในกับดักของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

“แยก!”

ร่างกายเหลิ่งฉิงโฉวสั่นไหวทันใด คาดไม่ถึงแยกจากหนึ่งเป็นสองก่อนจะปรากฏตัวที่ด้านหน้าเย่เทียน

ซ้ายคนขวาคน ถึงแม้ความเร็วยังเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่นิ้วมือที่มาพร้อมพลังปราณอันดุร้ายพุ่งตรงไปทางใบหน้าของเย่เทียน กลายเป็นลักษณะที่โจมตีขนาบข้างแล้ว

อยู่ภายใต้กับดักที่เย่เทียนตั้งใจวางไว้แล้วยังพอจะมีความเร็วในการตอบสนองเช่นนี้ได้ เหลิ่งฉิงโฉวยังมีของอยู่มากทีเดียว

หมัดของเย่เทียนเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ปะทะด้วยกันกับนิ้วมือของเหลิ่งฉิงโฉวไปโดยตรง จากนั้นภาพคนทั้งสองของเหลิ่งฉิงโฉวก็กลายเป็นไอสีดำลอยหายไปในอากาศ

“ฮู้!” ในมือเหลิ่งฉิงโฉวดึงร่างกายของซือหม่ามู่หยางเอาไว้ ราวกับลากศพอยู่เลย

หลังจากปล่อยมือออก ซือหม่ามู่หยางมองท้องฟ้าแบบดวงตาไร้สติ

“เจ้าสำนักเย่ ดูแล้วฉันดูถูกนายมาตลอดเลย!” อารมณ์ของเหลิ่งฉิงโฉวไม่ดีเอามากๆ

เดิมทีคิดว่าสยบเย่เทียนเป็นแค่เรื่องที่ง่ายดาย และจะได้รับเส้นลมปราณทิพย์มาแบบสบายๆ พอเป็นแบบนี้ยังสามารถทำให้แดนของเขาขึ้นไปอีกชั้นได้ด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ชี่ทิพย์ฟื้นคืนมา โชคดีมีอยู่ทั่วทุกที่ ไม่แน่ว่านี่ก็คือโอกาสดีของตนเองล่ะ?

แต่ตอนนี้ดูแล้ว ทุกอย่างที่ตนเองวางแผนมาอย่างลำบากล้วนถูกเย่เทียนทำพังแล้ว ไม่เพียงแค่นี้ ยังทำลายศักดิ์ศรีของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีกด้วย น่ารังเกียจถึงที่สุด

“ผู้อาวุโสเหลิ่ง ไม่ต้องพูดไร้สาระมากขนาดนั้นหรอก จะสู้ก็สู้ได้แล้ว!”

เย่เทียนพูดจบมองซือหม่ามู่หยางที่นอนอยู่บนพื้นแบบไม่ขยับเขยื้อนแวบหนึ่ง “น่าเสียดายที่วันนี้หัวหน้าซือหม่าต้องตายแน่ ฉันบอกแล้วไง!”

“หึๆ เย่เทียน ฉันยอมรับว่านายมีความสามารถอยู่บ้าง แต่คิดจะฆ่าคนต่อหน้าฉัน เหมือนว่านายยังอ่อนหัดไปหน่อย!”

เหลิ่งฉิงโฉวฝึกฝนมาหลายปี ยังมีลูกไม้อยู่มาก

ก็เหมือนกันกับวิชาแยกร่างเมื่อสักครู่นี้ คนหมื่นคนฝึกฝนอาจจะมีหมื่นวิธีบรรลุ

เมื่อสักครู่เงาดำสองร่างนั้นล้วนเป็นของปลอม ส่วนแรงโจมตีเดิมทีไม่คุ้มค่าให้พูดถึง เดาว่าแม้เย่เทียนจะไม่ได้ป้องกันสักนิดเดียว ถึงถูกตีโดนผิวหนังก็อาจจะไม่บาดเจ็บเลย

ประเด็นสำคัญที่สุดคือลักษณะพลังอันนั้น

อยู่ภายใต้การเพิ่มขึ้นของลักษณะพลังนั้น ไม่ว่าเป็นใครระหว่างที่รีบร้อนล้วนจะปล่อยให้เงาโจมตีตนเองได้ง่ายๆ และนี่ก็คือวิธีที่เขาหลบออกมา

ความสามารถเอาชีวิตรอดเขาย่อมมีเป็นธรรมดา ความสามารถป้องกันตัวก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

บีบไพ่หยกจนแหลก แสงสีขาวแทรกเข้าในร่างกายของซือหม่ามู่หยาง

หลังจากที่แสงสีขาวแทรกเข้าไป ในที่สุดดวงตาของซือหม่ามู่หยางมีความรู้สึกสดใสอยู่บ้าง เส้นลมปราณที่ยุ่งเหยิงอยู่ในร่างกายเขานั้นกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การฟื้นฟูของแสงสีขาว

“ไพ่หยกเกิดใหม่? นี่คือไพ่หยกเกิดใหม่สินะ! ฉันไม่ได้ดูผิดมั้ง!”

ท่ามกลางสมาพันธ์นักบู๊โบราณมีเสียงร้องตกใจลอยมาเป็นระลอก

“ไม่เสียแรงเป็นคนที่มาจากสำนักใหญ่ ของดีในมือมากจริงๆ นะ! ผู้อาวุโสเหลิ่งใจกว้างมาก!”

ในสมาพันธ์นักบู๊โบราณมองเห็นเหลิ่งฉิงโฉวไม่เสียดายที่จะใช้ไพ่หยกเกิดใหม่มาช่วยชีวิตซือหม่ามู่หยางเอาไว้ ด้านสภาพจิตใจจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง

แต่ว่าสามเซียนตงเหอที่ถูกคนดูแลอยู่ด้านข้างกลับส่งเสียเยาะเย้ยออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ

พวกเขาล้วนสู้สุดกำลังเพื่อสมาพันธ์นักบู๊โบราณ แต่สุดท้ายล่ะ? มีเพียงไม่กี่คนดูแลเท่านั้น แต่ทว่านี่ทำให้การตัดสินใจที่พวกเขาต้องบากหน้าไปพึ่งพาเย่เทียนแน่วแน่ขึ้นแล้ว อย่างน้อยสิ่งที่เย่เทียนมอบให้พวกเขาคือผลประโยชน์ของจริง ยิ่งทำให้คนชื่นชอบมากกว่าความรู้สึกจอมปลอมแบบนั้น

“เจ้าสำนักเย่ ชนะแล้ว!” ซือหม่ามู่หยางยิ้มกริ่มทำมือเคารพต่อเย่เทียนแล้ว รอยยิ้มบนหน้าเขียนความรู้สึกเยาะเย้ยไว้เต็มที่

ไม่มีทางเลือก โลกของนักบู๊โบราณก็ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สถานการณ์ที่นายคิดว่าชนะแน่เป็นเพียงสิ่งที่นายคิดเท่านั้น อยากจะพลิกแพลงสถานการณ์ยังไม่ค่อยง่ายดายเสียทีเดียว

เย่เทียนโบกมือแล้ว “ใช่แล้ว ฉันจำได้ว่าเมื่อกี้เคยบอกว่าวันนี้หัวหน้าซือหม่าต้องตายแน่ คนเราอะนะ ต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ!”

“สิ่งที่เคยพูดก็จำเป็นต้องทำให้ได้ หัวหน้าซือหม่า นายว่ายังไงล่ะ?”

ซือหม่ามู่หยางร่างกายแข็งทื่อครู่หนึ่ง “ฉันคิดว่านายทำไม่ได้!”

“วันนี้นายตายแน่ ฉันพูดแล้ว!”

เย่เทียนดีดนิ้วดังขึ้นทีหนึ่ง การกระทำนี้สามเซียนตงเหอรู้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร

“นาย......”

คำพูดของซือหม่ามู่หยางยังไม่ทันจบ เปลวไฟดวงหนึ่งลุกขึ้นมาจากบนเท้าของเขาโดยตรง และในชั่วขณะหนึ่งก็กลืนกินเขาไป แม้กระทั่งทำให้เขาที่ยังไม่ทันพูดจนครบประโยคดีก็เปลี่ยนเป็นขี้เถ้ากองหนึ่งเรียบร้อย

การเคลื่อนไหวของทุกคนแข็งค้างแล้ว ราวกับถูกคนแสดงวิชาเข้าฌานสะกดไว้

ลูกตาของเหลิ่งฉิงโฉวหดตัวฉับพลัน “นายกำลังบังคับฉันให้ลงมือ!”

สีหน้าของเย่เทียนก็เย็นชาลงมา “เมื่อกี้ไม่ว่านายจะลงมือยังไงฉันก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้น กติกาเป็นพวกนายตั้งกันเอง ฉันเคารพกติกา!”

“แต่ตอนนี้ต่างออกไป!”

เย่เทียนหัวเราะออกมา “ไม่ว่าเป็นการต่อสู้แบบไหนฉันก็รับไว้หมด แต่พวกนายน่าจะรู้ดี เวลานี้เริ่มต่อสู้อีกครั้งก็คือการยั่วยุต่อสำนักชิงหนัง ลักษณะเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ย่อมเปลี่ยนเป็นธรรมดา!”

“ผู้อาวุโสเหลิ่ง นายพิจารณาดีแล้วจริงเหรอ?”

เย่เทียนพูดจบทั้งหมดเงียบงันลงมา ตอนนี้ทุกคนอารมณ์ดูซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะซือหม่ามู่หยางตายอย่างคลุมเครือเช่นนี้ พวกเขารู้สึกสั่นเทาทั้งตัวและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่