อย่าดูตอนที่ตู้เคอหลินยั่วยุเย่เทียนและแสดงท่าทีว่าไม่ขาดตกบกพร่องเงิน ราคาหนึ่งร้อยล้านถือเป็นราคาที่เกินงบของเขาแล้ว
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย เป็นเพียงแค่ลูกผู้ดีมีเงินที่มีเงินให้ใช้อย่างจำกัดก็เท่านั้น
เขาเป็นคุณชายใหญ่ตู้ผู้สง่างามซึ่งมีขีดจำกัดในการเอาเงินออกมาใช้ได้เพียงหนึ่งร้อยล้านเท่านั้น เด็กอย่างเย่เทียนจะมีเงินขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
"เฮ้!?นายคงไม่ได้เสนอราคาอย่างประมาทเลินเล่อหรอกใช้ไหม?"
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เคอหลินก็มองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “แต่อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนนายนะ หากตอนสุดท้ายไม่มีเงินจ่ายล่ะก็บริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดจะไม่ปล่อยนายไม่อย่างแน่นอน”
“นี่เป็นเรื่องของบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัด มีอะไรให้นายต้องเป็นกังวล?”
เย่เทียนมุ่ยปากพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้ม “หรือว่านายกลัว?”
“กลัว?ฉันตู้เคอหลินเนี่ยนะกลัว?”
ความโกรธของตู้เคอหลินพลุ่งพล่านขึ้นในทันที “ไม่ใช่แค่เงินหรอกหรือ!ตั้งแต่เด็กมากูไม่เคยขาดเงินเลยแม้แต่น้อย!”
“หนึ่งร้อยสิบล้าน!”
แม้ว่าในตัวไม่มีเงิน แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ดูเย้ยหยันของเย่เทียนแล้วมีหรือที่เขาจะสนใจมากนัก
ยังไงซะ บริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดจะกล้าทำให้คุณชายใหญ่ตู้ต้องลำบากงั้นเหรอ?คิดแล้วก็แค่กลับไปโดนท่านปู่ทุบหลังเข้าให้ก็เท่านั้น
เมื่อมองเห็นเย่เทียนและตู้เคอหลินสองคนนั้นต่างเสนอราคาเพิ่มทีละสิบล้าน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น มันทำให้ใบหน้าของผู้คนที่ดูการแสดงอยู่นั่นอึ้งทึ่งไปหมด
นี่มันเป็นการล้มธุรกิจครอบครัวเกินไปแล้ว ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินไป ช่างน่าอิจฉาเสียจริง!
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่ดีเพราะไม่ว่าใครก็คงอยากใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นกัน?!
“หนึ่งร้อยสามสิบล้าน!”
เย่เทียนไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อยแต่กลับเพิ่มราคาประมูลเพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มพุ่งถึงยี่สิบล้านในครั้งเดียว
“นาย……”
มุมตาของตู้เคอหลินกระตุกอย่างแรง มองไปที่เย่เทียนด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
“ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอ ฉันเองก็ไม่ขาดเหลือเหมือนกัน”
เมื่อสังเกตสายตาของตู้เคอหลินที่ถูกฉายออกมา เย่เทียนก็ยักไหล่อย่างเฉยเมยพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ไม่ว่าจะมันของอะไร มันก็มีมูลค่าของมันอยู่แล้ว ลองเพิ่มราคาขึ้นหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร?”
คำพูดของเขานั้นหมายถึงความหมายอย่างอื่น ซึ่งหมายถึงการเอาชนะตู้เคอหลินได้ไม่มากก็น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะไปพูดมูลค่าของสร้อยคอรักนิรันดร์เส้นนี้ได้อย่างแม่นยำกันล่ะ?
ตู้เคอหลินที่ยังบ้าระห่ำก็ยังพอมีสมองอยู่บ้าง ตอนนี้ราคาประมูลนั้นสูงกว่าราคาเริ่มต้นจองถึงสี่เท่า การที่ต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ในการประมูลคงกลับไปถูกดุด่าและไม่แน่ว่าแม้แต่บัตรเอทีเอ็มก็คงถูกระงับไปด้วย
“หยุดการประมูลสักครู่!ฉันต้องการให้พวกนายตรวจสอบทรัพย์สินของเขา ดูว่าเขาจะเอาเงินหนึ่งร้อยสามสิบล้านออกมาประมูลได้จริงหรือไม่!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เคอหลินก็ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ไปที่เย่เทียนและตะโกนใส่ผู้ดำเนินการประมูลที่อยู่บนเวที
เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้ประมูลราคาต่อ เขาเองก็ต้องสนใจท่านปู่ที่บ้านด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีที่จะบังคับให้เย่เทียนออกไป
เย่เทียนหัวเราะอย่างโง่เขลาแต่กลับรู้สึกโล่งใจ
ทรัพย์สินของเขาหากรวมกันทั้งหมดแล้วคงอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยวน นี่ยังรวมเงินหนึ่งร้อยล้านที่เฉินหวั่นชิงมอบให้เขาเมื่อวานนี้อีก หากตู้เคอหลินยังคงเสนอราคาต่อไปเรื่อยๆ เขาเองก็คงไม่ไปต่อแล้ว
นอกจากนี้ด้วยนิสัยของเฉินหวั่นชิง หากต้องใช้เงินมหาศาลในการได้ครอบครองสร้อยคอรักนิรันดร์มาก็เกรงว่าอารมณ์ของเธอก็คงจะไม่ดีนัก
ไม่ว่าอย่างไรด้วยการยืนขึ้นและซักถามของตู้เคอหลินก็ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันซุบซิบกันโดยไม่ต้องสงสัย
“คุณชายตู้ทำอะไรน่ะ?คงไม่ได้ไม่มีเงินแล้วใช้วิธีนี้หรอกใช่ไหม?”
“หากคุณชายตู้ไม่มีปัญหาอะไรอื่นแล้ว งั้นขอความกรุณานั่งลงและพวกเราจะทำการประมูลต่อนะครับ”
ต่อเหรอ?
ในกระเป๋าไม่มีเงินแล้วจะให้เขาไปต่อได้อย่างไรกัน?!
“นายเป็นแค่คนธรรมดา กล้าเป็นศัตรูกับฉันที่เกาะนกนางนวลแห่งนี้ นายจะต้องเสียใจไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน!”
ตู้เคอหลินพูดกดดันใส่เย่เทียนด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดพร้อมกับเมินเฉยต่อสาวผู้ร้อนแรงในทันที เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธพร้อมกับเดินจากไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสียหน้าต่อหน้าผู้คน ทุกคนในที่แห่งนี้รู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยเย่เทียนไปอย่างง่ายดายเป็นแน่
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง สร้อยคอรักนิรันดร์ก็มาอยู่ในกระเป๋าของเย่เทียนอย่างไม่คาดฝันแล้ว
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องคาดฝันสำหรับเย่เทียนเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหมือนอุบัติภัยครั้งใหญ่ของผู้คนอีกด้วย
ตั้งแต่ที่ตู้เคอหลินปรากฏตัวและพูดจาอย่างเย่อหยิ่งจองหอง เกือบทุกคนต่างพากันคิดว่าสร้อยคอรักนิรันดร์จะตกเป็นของเขาเสียแล้ว
แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ก็คือสร้อยเส้นนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่รู้ที่มาอย่างเย่เทียน
“คุณชายเย่ เจ้านายของผมอยากพบคุณตามลำพังสักหน่อยครับ ไม่ทราบว่าคุณพอจะสะดวกไหม?”
เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง เสี้ยงเหวินก็ได้เดินเข้ามาหาที่ด้านหน้าของเย่เทียนด้วยท่าทีที่เคารพนับถือเป็นอย่างมาก
“ตามลำพัง?”
คิ้วของเย่เทียนขมวดในทันทีพร้อมกับหันมามองเฉินหวั่นชิงโดยไม่รู้ตัว
เฉินหวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “เย่เทียน ฉันเหนื่อยพอดีเลย อยากจะกลับไปพักที่โรงแรมก่อนสักหน่อย นายไปเถอะ!”
เมื่อเย่เทียนได้ยินจึงยิ้มพอใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นข้ออ้างของเฉินหวั่นชิง การได้แต่งงานกับภรรยาแบบนี้จะมีอะไรให้ร้องขออีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...