อาศัยความมืดยามค่ำคืนที่ปกคลุม เย่เทียนก็แอบย่องเข้าไปในอาคารสูงอย่างไร้สุ้มเสียง พวกที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์ในหอประชุมของแก๊งหวงจี๋อยู่ด้านบนก็ไม่ทันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่รู้ว่าผู้จัดการคิดอะไรอยู่ อยู่ดีๆ จะไปช่วยฮาชิโมโตะ มินาโตะทำไมไม่รู้?”
“นั่นนะสิ! ฮาชิโมโตะ มินาโตะเป็นคนของกิลด์แห่งความมืด เป็นศัตรูตัวฉกาจของบริษัทเราแท้ๆ!”
“การที่ผู้จัดการทำแบบนี้ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว พวกนายสองคนก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ!”
หลายกลุ่มนั้นแอบคุยกันเบาๆ ทันใดนั้นที่ประตูดาดฟ้าก็มีเสียงผิดปกติดังขึ้น ทำให้พวกเขารับรู้ได้ทันที
“แกไปดูซิ!”
ชายที่เป็นหัวหน้าได้ชักปืนกลมือขนาดเล็กออกมากระบอกหนึ่ง ส่งสัญญาณให้ชายที่สวมหมวกแก๊ปไปตรวจดู
ชายหมวดแก๊ปพยักหน้า และได้ชักปืนกลเล็กออกมาเหมือนกัน แล้วเดินย่องมาถึงที่ประตูดาดฟ้า
แกร็ก!
ประตูดาดฟ้าถูกเปิดออก มองเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง แต่กลับมองไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติเลย จึงรู้สึกเบาใจขึ้นมาทันที แล้วหันไปพูดกับพวกพ้องว่า “ไม่มีอะไร! สงสัยลมจะพัดโดนอะไรเข้าล่ะมั้ง!”
ระหว่างที่พูด เขาก็จะปิดประตูทั้งที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ แต่พอปิดได้ครึ่งหนึ่ง กลับทำยังไงก็ปิดไม่ลง!
“ฉัน……”
ชายหมวกแก็ปหน้าซีดทันที รีบยกปืนกลขึ้นมาเล็งไปที่เย่เทียน พร้อมกับตะโกนส่งสัญญาณให้เพื่อน
แกร็ก!
แต่ทว่า เย่เทียนจะไปให้โอกาสเขาได้ยังไง มือขวายื่นออกไปราวกับสายฟ้า แล้วสับไปที่ลำคอของชายหมวกแก๊ปอย่างแรง
คำพูดที่ชายหมวกแก๊ปจะพูดก็ต้องกลืนลงคอไป และสลบไปทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้ดึงดูดความสนใจของพวกพนักงานบริษัทอีกครั้ง จึงพากันหันหน้ามา พอเห็นเย่เทียนที่เห็นคนแปลกหน้ากับชายหมวกแก๊ปที่ล้มอยู่บนพื้นแล้ว และอยากหยิบอาวุธอุ่นที่อยู่ในอกออกมา
แต่ทว่า ในตอนที่เย่เทียนซัดชายหมวกแก็ปจนสลบ ก็ได้หยิบปืนกลมือของเขาขึ้นมา แล้วเหนี่ยวไกด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นโดยไม่เปิดโอกาสให้คนเหล่านั้นแม้แต่น้อย
…..
ในตอนที่เย่เทียนกำลังปะทะกับพนักงานบริษัทที่สังเกตการณ์นั้น ในหอประชุมสำนักงานใหญ่ของแก๊งหวงจี๋ กลับกำลังตกอยู่ในความเงียบ
หลังผ่านไปพักใหญ่ กู่เจิ้นเจียงถึงตั้งสติได้ แล้วหันไปตะคอกใส่เหลยเหลาหู่ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำว่า “เหลยเหลาหู่ นี่มันหมายความว่ายังไง!”
ต่อให้ฝันเขาก็นึกไม่ถึงว่า เหลยหเลาหู่ที่นัดกันไว้อย่างดีจะมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้
“กู่เจิ้นเจียง นี่คุณยังมองไม่ออกอีกเหรอ? หลายปีที่ผ่านมาของคุณมันช่างไร้ค่าซะจริง!”
ยังไม่ทันที่เหลยเหลาหู่จะทันได้ตอบ อูชิงเจ๋อก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “จะบอกคุณให้เหลยเหลาหู่ร่วมมือกับผมมาตลอด ไอ้โง่อย่างคุณโดนหลอกแล้ว!”
ตรงกันข้ามกับกู่เจิ้นเจียง อูชิงเจ๋อนั้นกลับอารมณ์ดีมาก ท่าทางที่สิ้นหวังของกู่เจิ้นเจียง ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็จะเห็นได้!
“พี่ใหญ่กู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เหลยเหลาหู่ก็เปลี่ยนไปทำสีหน้าจนใจเหมือนกัน ผายมือแล้วพูดขึ้นว่า “การที่ผมทำแบบนี้ สรุปสุดท้าย ก็แค่อยากจัดการเรื่องของพวกคุณให้เร็วที่สุด ยังไงคุณก็รู้ สุดท้ายแล้วพวกเราก็แค่คนที่เจอกันระหว่างทาง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้มากมายนัก”
“บัดซบ! นี่แกกล้าหลอกฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันจะฆ่าแกซะ!”
กู่เจิ้นเจียงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดวงตาทั้งสองข้างที่จ้องมองเหลยเหลาหู่ราวกับจะสามารถพ่นไฟได้ แยกเขี้ยวออกมาแล้วเตรียมที่จะพุ่งเข้าใส่
“พี่ใหญ่เหลย นี่คุณหมายความว่ายังไง?!”
อูชิงเจ๋อขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าที่กระตือรือร้นได้ถูกความเคร่งขรึมเข้าแทนที่ในทันที
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร”
เหลยเหลาหู่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้มว่า “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่กลัวที่จะบอกความจริงให้พวกคุณได้รู้ว่า พี่ใหญ่ของเราพูดแล้ว ไม่ว่าคุณหรือกู่เจิ้นเจียงต่างก็สนใจในตำแหน่งของผู้นำมากเกินไป ถ้าให้พวกคุณได้ขึ้นรับตำแหน่งจริง เกรงว่าจะก่อเรื่องเอาได้ง่ายๆ”
“ดังนั้น ในคืนนี้ ผมจะขอสนับสนุนคุณกู้ให้ขึ้นเป็นผู้นำแทน ถ้าใครกล้าไม่เห็นด้วย ก็เตรียมตัวลงไปอธิบายกับพญายมได้เลย!”
“คุณกู้ กู้หยุนอย่างนั้นเหรอ?”
อูชิงเจ๋อหันไปมองกู้หยุนอย่างอัตโนมัติ สีหน้าก็ดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที ไม่ต่างอะไรกับกู่เจิ้นเจียงตอนก่อนหน้านี้เลย!
“เหลยเหลาหู่ ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นคนที่ไร้สัจจะแบบนี้!”
เหลยเหลาหู่ก็ไม่ได้โมโห ส่ายหน้าแล้วเบ้ปาก “อย่าพูดให้มันน่าเกลียดขนาดนั้นสิ ที่ทุกคนออกมาใช้ชีวิตก็สนใจในคำว่าทรัพย์เท่านั้น ใครจ่ายให้มากกว่า ผมก็จะสนับสนุนคนนั้น”
กริ้ง!
ทันใดนั้น กู้หยุนก็ได้รับข้อความหนึ่ง พอได้อ่านข้อความนั้นเเล้ว ถึงได้ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “พี่ใหญ่กู่ พี่ใหญ่อู เมื่อกี้คนของฉันได้ส่งข้อความมาว่า พวกเขาได้ยึดที่ของพวกคุณได้แล้วคนละสี่ที่ รวมกับในส่วนของพี่ใหญ่เหลยก็จะเป็นสิบหกผืน แต่พวกคุณมีแค่สิบสองเท่านั้น ตามที่ตกลงกันไว้ ฉันก็น่าจะเป็นฝ่ายชนะแล้วใส่มั้ยคะ?”
“ชนะแม่แกสิ!”
กู่เจิ้นเจียงลุกขึ้นมาตะคอกโดยมีลูกน้องคอยประคองเอาไว้ หันมองไปทางอูชิงเจ๋อ แล้วเสนอไปว่า “อูชิงเจ๋อ เรามาร่วมมือกันกำจัดหมาตัวเมียนั่นก่อน จากนั้นเราค่อยมาแย่งตำแหน่งผู้นำกันอีกที คุณคิดว่าไง?”
อูชิงเจ๋อที่รู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้วก็ต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จึงได้พยักหน้าอย่างแรง “ตกลง! เรามาจัดการพวกมันกันก่อน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...