ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 823

“ใช้สารพันธุกรรมเหรอ?”

เย่เทียน ตกตะลึงกับข้อเสนอของเฉินหวั่นชิงแต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาหยิบสารพันธุกรรมมาด้วยสายตาแน่วแน่และกลืนมันเข้าไปทั้งหมด

นี่แทบไม่จำเป็นต้องคิดเลยสักนิด ถ้าไม่ใช้ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าใช้มันอย่างน้อยๆก็ยังพอมีโอกาสรอด!

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเฉินหวั่นชิง เธอรู้ดีถึงผลลัพธ์ของสารพันธุกรรม จนถึงตอนนี้ ในการทดลองยังกลืนไปเพียงอันเดียว แต่นี่เย่เทียนเล่นกลืนมันทั้งห้าลงไปพร้อมกัน แล้วเธอจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร

“เสี่ยวเทียน นายประมาทมากไปแล้ว นี่เป็นสารพันธุกรรม ไม่ใช่วิตามิน นายกลืนมันไปห้าเม็ดพร้อมกันได้อย่างไร?”

คุณย่าเย่เองก็รู้สึกกระวนกระวายแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เทียนจริง เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ

"ไม่เป็นไร ร่างกายของผมแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ มาก นี่ก็แค่สารพันธุกรรมเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไร"

เย่เทียนเองก็ตกใจไปด้วยเช่นกัน แต่เขาแอบรับรู้มันอย่างลับๆ และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

หากจะมีปัญหาอะไร คงจำเป็นรสชาติของยานั้นหวานมากและคล้ายกับรสชาติแคนตาลูปเล็กน้อย

แม้ว่าเย่เทียนจะดูคล้ายไม่มีปัญหาอะไร แต่เฉินหวั่นชิงก็อดกังวลไม่ได้และถามอย่างประหม่าว่า "เย่เทียน นายรู้สึกอย่างไรบ้าง?"

"ไม่!"

เย่เทียนสังเกตตนเองอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขายิ้มให้เฉินหวั่นชิงและถามว่า “ภรรยา เธอแน่ใจนะว่าเจ้านี่มีประโยชน์? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเหมือนน้ำหวาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด!”

ระหว่างพูด เย่เทียนก็รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เขาหยิบรางวัลยาเสริมพลังที่ได้มาจากการทดลองครั้งก่อนออกมาและกลืนมันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ไม่ใช่ว่าเขาประมาท ของสิ่งนี้เขาเก็บเอาไว้หลายวันแล้วและไม่มีโอกาสได้ใช้มันสักที ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่ดี แต่ถ้าเขาไม่ใช้ เกรงว่าสุดท้ายมารโลหิตอาจจะได้มันไปแทน

เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น สารพันธุกรรมนั้นผลิตด้วยมือของเธอเองตั้งแต่ต้นจนจบ เธอรู้แน่ชัดถึงผลของมันมากที่สุด มันไม่มีทางไม่ได้ผล นับประสาอะไรกับการที่เย่เทียนกลืนมันทั้งห้าลงไปพร้อมกัน

คุณย่าเย่และพวกจี้เยียนหรันซึ่งอยู่ใกล้ๆ ต่างก็กังวลขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเย่เทียนเป็นอย่างไรกันแน่

ทันทีที่ยาเสริมพลังลงท้องไป เย่เทียนก็รู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา อีกทั้งยังไม่ใช่ความร้อนธรรมดา มันราวกับว่าทั้งตัวของเขาตกลงไปในลาวาก็ไม่ปาน แม้กระทั่งตัวเขาที่แต่ไหนแต่ไรเด็ดเดี่ยวหนักแน่นอยู่เสมอ หลังจากทนไปได้ไม่กี่วินาทีก็ยังต้องอุทานออกมา

"ดู... ดูเหมือนว่าจะได้ผลแล้ว..."

จากนั้น ท่ามกลางสายตาของฝูงชน ทั้งตัวของเย่เทียนก็กลายเป็นสีแดงทันที ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ หลอดเลือดของเขาปูดโปนขึ้นมาอย่างแรง ราวกับว่ามีบางอย่างวิ่งไปมาในเส้นเลือดของเขาและพยายามจะระเบิดมัน!

ฉากนี้ทำให้เฉินหวั่นชิงตกตะลึงในทันที เธอเกือบจะเผลอเอื้อมมือไปแตะเย่เทียน แต่ทันทีที่มือหยกของเธอเพิ่งสัมผัสที่ผิวของเขา เธอก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

"ร้อนมาก!"

เมื่อมองไปที่มือหยกของเฉินหวั่นชิง ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีรอยไหม้อยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเย่เทียนมีอุณหภูมิสูงแค่ไหนในเวลานี้ กลัวว่าถ้าวางไข่ลงไปก็คงจะสุกได้ในพริบตา!

เย่เทียนเองก็แอบรู้สึกถึงความผิดปกติร่างกายของตน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าเลือดลมไหลเวียนอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขา และแม้แต่หัวใจของเขาก็ยังเต้นเร็วขึ้นหลายเท่า ราวกับว่ามันแทบจะกระโดดออกมา

“เวรกรรม! รู้อย่างนี้ไม่กินซี้ซั้วแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่แน่คงต้องระเบิดตาย!”

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เย่เทียนก็รู้สึกเศร้าใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ได้ตายในเงื้อมมือของมารโลหิต แต่กลับถูกสารพันธุกรรมเล่นงานจนตายแทน

"มัวยืนอึ้งทำไมกัน? รีบใช้พลังเร็วเข้า! ฉันช่วยนาย!"

ในเวลานี้ เซ่เจียซึ่งที่ผ่านมานิ่งเงียบอยู่ด้านข้างในที่สุดก็ยืนขึ้นและตะโกนใส่เย่เทียนด้วยท่าทางกังวล

นี่เป็นความรู้สึกเดียวที่เย่เทียนมี ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่ได้กลืนสารพันธุกรรมไปมากมายขนาดนั้น และยังไม่กินยาเสริมพลัง ลงไปด้วย

ไอแท้ในร่างกายของเขากำลังปฏิเสธพลังใหม่นี้อย่างบ้าคลั่ง เมื่อพลังทั้งสองมาบรรจบกันก็ราวกับดาวหางพุ่งชนโลก ไม่นายก็ฉันที่ต้องตาย

แม้ว่าพลังงานสีน้ำเงินที่อธิบายไม่ได้ของเซ่เจียจะพยายามบรรเทาพลังทั้งสองลง แต่อาศัยพลังเพียงเล็กน้อยของเธอมันก็เป็นแค่น้ำหนึ่งถ้วยสำหรับเย่เทียน!

“เชี่ยเอ๊ย! ต้องปวดขนาดนี้เลยหรือไง!”

เย่เทียนไม่ปริปากบ่น ได้แต่กัดฟันทนต่อไป

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองที่เพิ่มขึ้น พลังงานทั้งสองที่ปะทะกัน มีส่วนเล็ก ๆ ของพวกมันที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นพลังใหม่ที่แม้แต่เย่เทียนก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร

เย่เทียนไม่มีหนทางอะไรมาจัดการมัน และได้แต่ต้องพึ่งโชคชะตาแล้วว่าเป็นร้ายหรือดี!

ด้านเย่เทียนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทางด้านหยวนเข่อเหวยเองก็อยู่ในภาวะวิกฤตเช่นกัน

มารโลหิตที่อยู่ในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับฟ้านั้นย่อมทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย แค่ในแง่ของการต่อสู้ลำพังก็ไม่มีใครเป็นศัตรูของมารโลหิตได้ และถึงตอนนี้ต่อให้คนจำนวนมากร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำร้ายได้แม้แต่เส้นผมของเขา

ช่องว่างความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันขนาดนี้ ไม่สามารถอาศัยจำนวนเข้ามาเสริมได้เพียงอย่างเดียว!

“พวกมดตุ่น วันนี้ฉันจะให้พวกนายตายอยู่ที่นี่!”

รอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของมารโลหิต มือของเขาโบกมืออย่างง่ายๆ จากนั้นแท่งน้ำแข็งแหลมคมก็ปรากฏขึ้นรอบตัวและพุ่งออกไปในทุกทิศทาง

ผู้ชนทั้งลนลานและตื่นเต้น สามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า หากเอาชีวิตรอดไปได้พวกเขาคงเอาไปโม้ได้ตลอดชีวิต ถึงแม้สถานการณ์ในตอนนี้ใช้คำว่าถูกทารุณน่าจะเหมาะสมกว่าก็ตาม...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่