ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 874

มองดูประตูที่ปิดสนิทของตระกูลหลู่ที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็มองไปที่หน้าประตูที่มีรปภ.เพิ่มมาอีกหลายคน จินไห่เซวียนก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถามเย่เทียนที่อยู่ข้างๆ “พี่เย่ พวกคุณอยู่ข้างในพูดเรื่งอะไรกันเหรอ? ทำไมทันทีที่เราจากไป ตระกูลหลู่ก็เข้าสู่กฎอัยการศึกทันที?”

“ขอโทษที่ผมไม่สามารถบอกคุณได้”

เย่เทียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา และพูดอย่างขมขื่นใจ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเดือดร้อนด้วย คุณก็ไม่ต้องถามอีก”

นี่ก็เป็นจนปัญญาจริงๆ เขาไม่สามารถบอกความจริงกับจินไห่เซวียน การแข่งขันรอบคัดเลือกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบคุณสมบัติเพื่อเข้าสู่โลกบู๊เท่านั้น มันพัวพันถึงสำนักเหลียนหัวกับตระกูลกัวและตระกูลหลู่การแย่งชิงของทั้งสามตระกูล?

“โอ้?!”

จินไห่เซวียนตกตะลึง และมองไปที่เย่เทียนด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง และก็เข้าใจเลยไม่ถามต่อ และกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างสงบ

ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองก็กลับไปถึงโรงเตี๊ยมไฉ่สิ่ง พอเดินเข้าไป ก็ชนกับข่งเทียนหยินที่ดูเหมือนกำลังจะออกไป

มองไปที่รอยแผลบนใบหน้าของเย่เทียน ข่งเทียนหยินขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ถูกไล่ออกมาเหรอ?”

“เจ้าคนโลภโข่ง ไม่ได้เจอกันหลายปี คุณอ้วนขึ้นมากเลยนะ! ดูเหมือนว่าชีวิตความเป็นอยู่ไม่เลวนะ!”

ก่อนที่เย่เทียนจะตอบสนอง ก็มีน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลัง

มองไปตามเสียง เห็นเพียงคนสวมชุดเต้าผิวสีดำ เป็นชายวัยกลางคนในมือถือแส้จามรีอมยิ้มและค่อยๆเดินเข้ามาใกล้

ข้างๆซึ่งอยู่ห่างเขาประมาณสองก้าว และยังมีชายหนุ่มที่ติดตามซึ่งสวมชุดเต้าผาวเหมือนนกัน แบกของซึ่งมีรูปสี่เหลี่ยมที่ห่อด้วยผ้า ดูจากรอยเท้าแล้ว สิ่งที่แบกไว้นัันคงจะหนักมาก

บนใบหน้าของข่งเทียนหยินปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน “หือ? นักพรตชิงเฟิง ตามหลักนิสัยของคุณ น่าจะเป็นพรุ่งนี้ถึงจะมาไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ทำไมถึงมาเร็วกว่าหนึ่งวันล่ะ?”

ในเวลานี้ มีนักพรตสองคนก็เดินเข้ามา และนักพรตที่ชื่อชิงเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “ก็เพราะว่ารับลูกศิษย์ไว้คนหนึ่ง คิดว่ามาเร็วหนึ่งวันเพื่อพาเขามารู้จักผู้คน”

ชิงเฟิงก็หันหัวกลับมาอีกครั้ง พูดกับนักพรตหนุ่มว่า “เสวียนเฉิง มานี่สิมาทักทายหน้าเงินแก่หน่อย”

นักพรตหนุ่มที่มีชื่อว่าเสวียนเฉิงเดินออกมาทันที และพูดด้วยท่าทีที่เคารพ “ผู้น้อยเสวียนเฉิงขอสวัสดีท่านผู้อาวุโสครับ”

"ดี ดี! "

ข่งเทียนหยินหัวเราะฮ่าฮ่า " นักพรตชิงเฟิง ดูเหมือนว่าปีนี้คุณคงไม่ได้ว่างเลยนะ! ถ้าฉันมองไม่ผิด เด็กคนนี้น่าจะอยู่ที่แดนระดับดินสินะ?”

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นชายหนุ่มทั้งสามคนรวมทั้งเย่เทียนต่างก็สะดุ้งตกใจ

เย่เทียนกับจินไห่เซวียนทั้งสองคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าเสวียนเฉิงคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีจะอยู่ในแดนระดับดินพรสวรรค์นี้ถ้าเทียบกับกัวหมิงเลี่ยงคาดว่าคงไม่แตกต่างกันมากนัก?

สำหรับเสวียนเฉิง เขากลับตกใจกับพลังความแข็งแกร่งของข่งเทียนหยิน แค่ประโยคเดียวข่งเทียนหยินก็สามารถพูดฐานการฝึกฝนของเขาได้ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าข่งเทียนหยินนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

นักพรตชิงเฟิงยิ้มอย่างถ่อมตน แต่สีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าสามารถดึงเสวียนเฉิงมาอยู่ภายใต้สังกัด เขายังคงภาคภูมิใจมาก

“เจ้าคนโลภโข่ง คุณชมเกินไปแล้ว”

ชิงเฟิงริเริ่มเปลี่ยนเรื่องก่อน มุ่งความสนใจไปที่เย่เทียนกับจินไห่เซวียน และลองเชิงถาม “เจ้าคนโลภโข่ง สองท่านนี้ ไม่ทราบว่าคนไหนเป็นลูกเขยของคุณ?”

“นักพรตชิงเฟิง นิสัยของลูกสาวผมคุณไม่ใช่ไม่รู้ น้ำชาของลูกเขยผมคงไม่ได้ดื่มเร็วขนาดนั้นหรอก!”

ข่งเทียนหยินส่ายหัวอย่างจนปัญญา แนะนำว่า “ฉันขอแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือนักพรตชิงเฟิงที่มาจากสำหนักใหญ่สำนักซานชิง”

หลังจากหยุดครู่หนึ่ง ข่งเทียนหยินก็ชี้ไปที่จินไห่เซวียนและแนะนำ “เขาคือลูกชายคนเล็กของเหล่าจินจื่อชื่อจินไห่เซวียน “

จินไห่เซวียนรีบทักทายด้วยความเคารพ “ท่านผู้อาวุโสชิงเฟิง สวัสดีครับ”

หันหลังไปมอง เย่เทียนก็รู้สึกว่าดวงตาเป็นประกาย เห็นเพียงคนสิบกว่าคนที่ใส่ชุดนักบวชหัวโล้นปรากฏต่อหน้า สว่างไสวและเป็นประกายจนแสบตา

ข่งเทียนหยินรีบเดินหน้าไปต้อนรับ ยิ้มและกล่าวว่า “ปรมาจารย์ไร้เจตสิกครั้งนี้ทำไมคุณมาเร็วจัง?”

ชายหัวโล้นที่มีชื่อในนามปรมาจารย์ไร้เจตสิกส่ายหัว และยิ้มอย่างจนปัญญา “ก็เพราะลูกศิษย์ของฉันโวยวาย เอะอะและตะโกนจะให้มาก่อนเวลา”

“จริงเหรอ? แล้วลูกศิษย์ของคุณล่ะ?”

ข่งเทียนหยินตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค้นหาในบรรดาหัวโล้นเหล่านั้น

ปรมาจารย์ไร้เจตสิกหันกลับมาทันที และตะโกนใส่กลุ่มหัวโล้นที่อยู่ข้างหลัง “จิ่วเจี้ย ไม่ได้ยินผู้อาวุโสข่งเรียกเหรอ? ยังไม่รีบออกมาเคารพผู้อาวุโสข่งอีก!”

วินาทีต่อมา เห็นเพียงชายหนุ่มหัวโล้นคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน รูปร่างหน้าตาถือว่าค่อนข้างหล่อ แต่ใบหน้าที่มีรอยตบสีแดงนั้นยิ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คน

“โอ้ะ?!”

ฉากนี้ทำให้จินไห่เซวียนกับเย่เทียนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และทั้งคู่ต่างก็เห็นสีหน้าที่สับสนของซึ่งกันและกัน

ในเมื่อ ดูจากความสนิทสนมของข่งเทียนหยินและปรมาจารย์ไร้เจตสิกฝีมือของทั้งสองคนคงจะอยู่ในระดับเดียวกัน ใครกันนะที่บังอาจกล้าทำร้ายศิษย์รักของปรมาจารย์ไร้เจตสิก? โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังใช้วิธีการที่น่าอัปยศเช่นนี้?

อันที่จริง อย่าว่าแต่เย่เทียนกับจินไห่เซวียนสองคนนี้เลย แม้แต่นักพรตชองเฟิงสีหน้าก็เต็มไปด้วยความสับสน และอดไม่ได้ที่จะถาม ว่า “หัวล้านน้อยใบหน้าของนายเป็นอะไรเหรอ? ฉันจำได้ว่าปีที่แล้วที่เจอนาย ใบหน้าของนายก็มีรอยตบเหมือนกัน?”

“ผม……นี่……”

ชายหนุ่มหัวโล้นที่ชื่อว่าจิ่วเจี้ยก็เกิดความลังเลขึ้นมาทันที ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่