“เจี่ยซือหวี่?”
ตอนที่ได้ยินการผิวปากที่แปลกประหลาดของชายที่น่ากลัว เย่เทียนก็เดาว่าบางทีอาจเกี่ยวข้องกับเจี่ยซือหวี่ก็ได้ ตอนนี้พอเจี่ยซือหวี่วิ่งออกมา ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
“อาจารย์อาเล็ก รู้จักมันด้วยเหรอครับ?”
ไม่ทันที่เย่เทียนจะได้ตอบ คำพูดที่ออกจากปากของชายที่น่ากลัวก็ทำให้เขาถึงกับช็อก
เจี่ยซือหวี่พยักหน้า เดินมาข้างหน้า “เขาเป็นเพื่อนของฉัน เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนจัดการเอง! นายช่วยไปบอกศิษย์พี่ทีเดียวฉันค่อยไปหาเขา”
“ครับ อาจารย์อาเล็ก”
ชายที่น่ากลัวจะไม่มีปัญหาได้ยังไง จ้องมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง แล้วค่อยเดินไปที่ข้างกายของเจ้าสำนักพิษอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ทุกคนในสำนักพิษก็ได้จากไป พี่หวังที่หมดสติก็ถูกพวกสวี่อานลากตัวไป พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ผู้คนที่มุงดูก็ได้สลายไปกันหมด แต่สายตามากมายที่มองเย่เทียน ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาด
เย่เทียนสังเกตเห็นสีหน้าของพวกเขา แล้วลากเจี่ยซือหวี่เข้าไปในส่วนลึกของงาน พร้อมกับพูดแซวไปว่า “อาจารย์อาเล็กอย่างนั้นเหรอ? นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะมีฐานะแบบนี้ด้วย”
เมื่อคืน เจี่ยซือหวี่บอกว่าจะออกไปหาเพื่อน พอไปก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสภาวะแบบนี้
“อย่าว่าแต่คุณเลย แม้แต่ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน”
เจี่ยซือหวี่อธิบายไปว่า “ความจริงเจ้าสำนักพิษเป็นศิษย์ในนามของลุงฉัน ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว เมื่อคืนพบไปเจอเขา ถึงรู้ว่าเขาได้ก่อตั้งสำนักอยู่ที่นี่แล้ว”
“แบบนี้นี่เอง!”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ในใจก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี
เขามองออกอย่างชัดเจนว่าเจ้าสำนักพิษอย่างน้อยก็น่าจะเป็นระดับดิน แต่คนระดับนี้กลับเป็นแค่ศิษย์ในนามเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังของเจี่ยซือหวี่นั้นน่ากลัวแค่ไหน!
แล้วนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยซือหวี่กับเซ่เจีย ถ้าเขาอยากได้รับการยมรับจากทางตระกูลของเซ่เจียนั้น เกรงว่าจะไม่ได้ง่ายเลย!
“มาแล้วมาแล้ว ตัวแทนของสำนักซิงเฉินกับสำนักต่างๆ มาถึงแล้ว”
ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะครุ่นคิดเสร็จ ก็ถูกเสียงตะโกนทำให้เสียสมาธิไปก่อน
เย่เทียนมองไปที่เวทีตามสัญชาตญาณ แล้วเห็นชายหญิงอายุมากอายุน้อยสิบคนเดินขึ้นเวที จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตามลำดับ
ในกลุ่มคนเหล่านั้นเย่เทียนรู้จักอยู่สี่คน หลู่ซูหางแห่งตระกูลลู่ วัดจิงกวงปรมาจารย์ไร้เจตสิก วัดเต๋าชิงหยู่นักพรตเต๋าชิงเฟิงรวมถึงคนหลงทรัพย์ของเทียนหยิน
“ตาแก่ไว้หนวดบานๆ ที่อยู่ตรงกลางนั่นไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย น่าจะเป็นตัวแทนของสำนักซิงเฉินล่ะมั้ง?”
“ตัวแทนของสำนักชางหลงเปลี่ยนคนแล้วใช่มั้ย? ฉันจำได้ว่าปีที่เเล้วเหมือนจะเป็นผู้หญิงนะ!”
“แกจะไปรู้เรื่องอะไร! ตอนนี้คนที่เป็นตัวแทนของสำนักชางหลงบนนั้นคือคณบดีของพวกเขา ปีที่แล้วเขาเก็บตัวฝึกวิชาเลยให้คนอื่นมาแทน”
ทุกคนตรงนั้นต่างวิจารณ์กันใหญ่ แต่สายตาที่มองไปยังสิบคนที่อยู่บนเวทีนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความนับถืออย่างไม่ได้นัดกัน
มันก็เป็นเรื่องปกติ นอกจากตัวแทนของสำนักซิงเฉินแล้ว ในเมืองเถาหยวนหรือในวงการนักบู๊ของโลกใบนี้ อีกเก้าคนที่เหลือก็เป็นบุคคลที่สูงส่งและโด่งดังมาก
“ตาแก่ที่ไว้หนวดบานๆ นั่นก็คือตัวแทนของสำนักซิงเฉินใช่มั้ย? ออร่าเข้มข้นขนาดนี้ คาดว่าก้าวถึงแดนระดับฟ้าไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้วมั้ง?”
เมื่อเสียงวิจารณ์ที่อยู่รอบๆ ดังเข้ามาในหูดวงตาสีดำคู่นั้นของเย่เทียนก็หันมองไปยังตาแก่หนวดบานคนนั้น
หญิงสาวเบะปาก แล้วยื่นมือออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ฉันชื่อ ช่ายเหมยเป่า เรียกฉันว่าเสี่ยวเป่าก็ได้แล้วคุณล่ะชื่ออะไร?”
เย่เทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “โทษทีครับ ผมไม่อยากวุ่นวายกับคุณมาก จะได้ไม่ถูกคุณหลอกใช้อย่างไม่รู้ตัว”
“คุณท่านโปรดอยู่ในความสงบสักครู่!”
ช่ายเหมยเป่าขมวดคิ้วเป็นปม เตรียมที่จะพูดอะไร แต่เวินจี้หู่ที่อยู่บนเวทีกลับพูดขึ้นมาก่อน เธอจึงต้องทนไว้ก่อนอย่างช่วยไม่ได้ ยืนยู่ข้างๆ เย่เทียนเพื่อรอจังหวะคุยกับเย่เทียนอีกครั้ง
ทุกคนค่อนข้างให้เกียรติเวินจี้หู่ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ในงานก็สลงลงมาแล้ว
“รอบคัดเลือกนั้นจัดขึ้นทุกปี เชื่อว่าทุกท่านคงรู้ขั้นตอนดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่พูดมากให้เสียเวลา ถ้ามีคนที่ยังไม่เข้าใจตรงไหน ก็สามารถถามคนที่อยู่รอบๆ ได้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะให้คำอธิบายด้วยความยินดี”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวินจี้หู่ไม่ชอบให้เป็นที่สนใจรึเปล่า หรือเพราะเขาเป็นคนที่ชอบพูดตรงๆ อยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรที่ไร้สาระ “ตอนนี้ผมขอประกาศว่า ขอเปิดการแข่งคัดเลือกในครั้งนี้ ณ บัดนี้!”
ผู้คนที่อยู่ใต้เวทีให้เกียรติมากด้วยการมอบเสียงปรบมือที่ดังสนั่น แต่เวินจี้หู่กับพวกสูงส่งอีกเก้าคนบนเวทีนั้นไม่ได้อยู่นาน พากันจากไปอย่างรวดเร็ว
การกระทำนี้ทำให้เย่เทียนถึงกับงง ทนไม่ไหวจนต้องหันไปถามเจี่ยซือหวี่ว่า “ทำไมพวกเขาถึงไปกันหมดแล้วล่ะ?”
“คุณน่าจะมาเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งแรกสินะ?” ยังไม่ทันที่เจี่ยซือหวี่จะได้ตอบ ช่ายเหมยเป่าก็ชิงตอบไปก่อน “ถึงการแข่งคัดเลือกจะมีแบบทดสอบ แต่ความสามารถของผู้เข้าแข่งขันนั้นไม่เท่ากัน พวกเขาจึงรู้ดีว่าไม่มีอะไรน่าดู รอจนได้ผู้เข้าแข่งขันสิบหกคนสุดท้ายพวกเขาถึงจะขึ้นมาดู”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วก็เห็นคนวิ่งขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง คว้าไมค์แล้วพูดออกมาเสียงดังว่า “คู่แรกของรุ่นเยาวชนสังเวียนที่หนึ่ง หลิ่งเอ๋อแห่งสำนักซวนซวงเจอกับ หลิงเซวียนแห่งสำนักหยุน เชิญทั้งคู่ขึ้นเวที”
“คู่ที่สองของรุ่นเยาชนสังเวียนที่……”
ในเวลาเดียวกัน สังเวียนทั้งหกต่างก็มีคนที่ใส่ชุดกรรมการกระโดดขึ้นไปเหมือนกัน มันเป็นการเปิดงานประลองอย่างเป็นทางการแล้ว…..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...