ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 155

“ท่านรู้หรือ” เฉินเสียนแปลกใจเล็กน้อย

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นช่วยเล่าให้ข้าฟังที”

“บิดาของหลิ่วเชียนเสวี่ยชื่อหลิ่วเหวินเฮ่า นางยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคนชื่อหลิ่วเฉียนเฮ้อ ในเวลานั้นหลิ่วเหวินเฮ่าเป็นเพียงขุนนางท้องถิ่นผู้หนึ่งและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางในเมืองหลวง แต่ขุนนางระดับสูงในเมืองหลวงต่างไม่ชอบเขาเพราะถือว่าเขาเป็นคนชนบทและค่อนข้างดูถูกดูแคลน ลูกชายและลูกสาวของเขาก็มักจะถูกเยาะเย้ยถากถางอยู่เสมอ”

เหลียนชิงโจวจิบชาและกล่าวต่ออย่างไม่เร่งรีบว่า “หลิ่วเหวินเฮ่าต่อสู้กับคนพวกนั้นทั้งต่อหน้าและลับหลัง จนได้รับการเลื่อนยศขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูง แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดีๆ นั้นไม่ยืนยาว หลังจากได้นั่งในตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีตามที่มุ่งมาดปรารถนา ก็เกิดการก่อรัฐประหารทำให้เกิดความวุ่นวายในพระราชวัง เขาทำให้องค์จักรพรรดิในตอนนั้นไม่พอพระทัย พระองค์จึงสั่งตัดหัวประหารชีวิตในความผิดฐานร่วมมือกับศัตรูก่อกบฏ สมาชิกทุกคนในตระกูลหลิ่วต่างถูกเนรเทศ”

เฉินเสียนถามว่า “หลิ่วเหวินเฮ่าทำอะไรให้องค์จักรพรรดิไม่พอใจ”

เหลียนชิงโจวยิ้มน้อยๆ และตอบว่า “เพื่อลาภยศและตำแหน่ง เขาไม่ลังเลเลยที่จะจ่าย พระราชบิดาขององค์จักรพรรดิในตอนนั้นคือกษัตริย์ไหวหนาน จักรพรรดิองค์ก่อนทรงกลัวอำนาจของกษัตริย์ไหวหนานในเขตการปกครอง จึงต้องการกำจัดพระองค์ หลิ่วเหวินเฮ่าจึงช่วยจักรพรรดิองค์ก่อนวางแผนด้วยการส่งกษัตริย์ไหวหนานไปทำศึกที่เย่เหลียง

กษัตริย์ไหวหนานไปทำศึกที่เย่เหลียง โดยที่หลิ่วเหวินเฮ่าวางแผนให้พระองค์ต่อสู้จนตายในสนามรบ แต่ไม่คิดว่าโอรสของพระองค์จะองอาจห้าวหาญและเชี่ยวชาญในการรบจนกอบกู้สถานการณ์ได้ หลังจากรวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพคนก่อนกลับมาได้เป็นจำนวนมาก กลับให้พระองค์ควบคุมกองทหารสองแสนนายอยู่ที่เขตพรมแดนเพื่อรักษาเสถียรภาพและเพื่อลดภาระของประชาชนอยู่หลายปี แต่ในท้ายที่สุดก็ต่อสู้กลับมาจนถึงเมืองหลวงและก่อตั้งการปกครองใหม่”

เฉินเสียนสับสนเล็กน้อยและกล่าวว่า “ทำไมจักรพรรดิองค์ก่อนจึงฟังคำให้ร้ายของหลิ่วเหวินเฮ่าล่ะ”

เหลียนชิงโจวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ต้าฉู่อยู่ในความสงบสุขมานานหลายปี ที่ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในราชสำนักเฉยชาและล้าหลัง จักรพรรดิองค์ก่อนไม่โปรดให้ทำการใหญ่ ไม่โปรดให้ระดมพลอย่างโจ่งแจ้งรบกวนความสงบสุขของประชาชน นั่นยิ่งทำให้อำนาจของกษัตริย์ไหวหนานเพิ่มพูนยิ่งขึ้น หากไม่กำจัดอำนาจในตอนนั้น ในอนาคตกษัตริย์ไหวหนานคงรวบรวมกำลังก่อกบฏอย่างแน่นอน

จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงกลัวว่าเลือดจะนองแผ่นดิน ประชาชนจะตกอยู่ในความยากลำบาก ในเวลานั้นกษัตริย์ไหวหนานถูกส่งไปทำศึกที่เย่เหลียงแต่เพียงผู้เดียวเพื่อลดทอนอำนาจ เพียงแต่ไม่คิดว่าผลสุดท้าย ที่คิดว่าจะจัดการได้กลับล้มเหลว”

เฉินเสียนฟื้นคืนสติและกล่าวว่า “ดังนั้นหลิ่วเชียนเสวี่ยก็คือบุตรีของหลิ่วเหวินเฮ่า เดิมทีนางถูกส่งตัวไปเป็นทาสที่ชายแดน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ด้วยเหตุนี้ก็อธิบายได้แล้วว่าเพราะเหตุใดฉินหรูเหลียงจึงพานางกลับมาจากชายแดน

เฉินเสียนถามอีกว่า “หลิ่วเชียนเสวี่ยรู้จักกับฉินหรูเหลียงมาก่อนหรือ”

เหลียนชิงโจวเล่าอย่างไม่เร่งรีบว่า “เรื่องนี้ต้องนับย้อนไปเมื่อตอนยังเด็ก ตอนที่กระหม่อมเป็นเพื่อนร่วมเรียนกับองค์หญิง ตอนที่หลิ่วเชียนเสวี่ยเพิ่งมาถึงเมืองหลวง หลิ่วเหวินเฮ่าได้รับการเลื่อนตำแหน่ง นางจึงได้ร่วมเรียนกับทุกคนในโรงเรียนไท่ แต่ทุกคนไม่ชอบที่นางเป็นหญิงชนบท ทุกหนทุกแห่งจึงมีแต่คนถากถางนาง

หลิ่วเชียนเสวี่ยรู้ว่าองค์หญิงเป็นที่โปรดปราด นางพยายามประจบประแจงองค์หญิง องค์หญิงเองก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดีชั่วระยะหนึ่ง และสั่งห้ามไม่ให้ให้นักเรียนคนอื่นในโรงเรียนรังแกนาง

ในเวลานั้นองค์หญิงกับฉินหรูเหลียงสนิทกันมา ทุกวันหลังเลิกเรียนแม่ทัพฉินจะปกป้ององค์หญิงและส่งองค์หญิงกลับวังด้วยตัวเอง จากนั้นตนเองจึงกลับเรือน”

เฉินเสียนชะงักเล็กน้อย มีเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยหรือ?

เธอนึกไม่ภาพไม่ออกจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ฉินหรูเหลียงจะเคยทำดีกับนางมาก่อน

เฉินเสียนถามว่า “แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

“องค์หญิงกับแม่ทัพฉินมักจะไปที่สวนแอพริคอตที่หลังโรงเรียนไท่ เมื่อแอพริคอตสุก แม่ทัพฉินจะปีนขึ้นไปบนยอดที่สูงที่สุดและเด็ดลูกที่ใหญ่และหวานที่สุดมาให้องค์หญิงเสวย”

แต่หลังจากที่หลิ่วเชียนเสวี่ยปรากฏตัว นางมักจะอาศัยช่วงที่องค์หญิงไม่อยู่แอบวิ่งไปที่สวนแอพริคอตและขอให้ท่านแม่ทัพฉินไปเล่นด้วยในนามขององค์หญิง

แม่ทัพฉินคิดว่าองค์หญิงไม่ชอบเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงขอให้หลิ่วเชียนเสวี่ยไปกับเขาอย่างส่งๆ และค่อยๆ ห่างเหินกับองค์หญิง มีหลายครั้งที่หลิ่วเชียนเสวี่ยถูกรังแกและบอกว่าองค์หญิงเป็นคนยุยงให้ผู้อื่นให้รังแกนาง แม่ทัพฉินโกรธมากและไปตำหนิองค์หญิง

แต่องค์หญิงไม่เคยทำเช่นนั้น ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นหลิ่วเชียนเสวี่ยที่มาสร้างปัญหาระหว่างกลาง พระองค์จึงไปเล่นงานหลิ่วเชียนเสวี่ยและถูกแม่ทัพฉินเข้ามาขัดขวาง วันนั้นองค์หญิงทะเลาะวิวาทกับแม่ทัพฉิน แม้ว่าตัวเองจะช้ำจนหน้าบวมพระองค์ก็ไม่ร้องไห้ เพียงแต่หลังจากนั้น องค์หญิงก็ไม่เคยพูดคุยกับแม่ทัพฉินอีกเลย”

ชาในถ้วยเย็นหมดแล้ว

“ทั้งหมดกลายเป็นอดีตไปแล้วและเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตรงกันข้าม กระหม่อมคิดว่ามันจะช่วยให้องค์หญิงมองคนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น”

“เจ้าพูดถูก เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนที่มองคนไม่ออกเช่นนี้ แล้วแบบนี้จะไปหวังอะไรกับอนาคต”

เฉินเสียนยังกลับมามีความเห็นอกเห็นใจต่อฉินหรูเหลียงอีกครั้งได้อย่างไรหลังจากความสูญเสียครั้งนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต แต่ก็ต้องพิจารณาอย่างที่มันเป็นอยู่ดี

เฉินเสียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และยิ้มอย่างเกียจคร้าน “มิน่าเล่าฉินหรูเหลียงจึงกลัวว่าข้าจะรู้เรื่องที่หลิ่วเหมยอู่คือหลิ่วเชียนเสวี่ยขนาดนั้น หลิ่วเชียนเสวี่ยยังคงเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้กระทำความผิด เดิมทีนางถูกเนรเทศไปเป็นทาส ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปละก็ ชีวิตเหมยอู่จบสิ้นเป็นแน่”

เหลียนชิงโจวเตือนอยู่ข้างๆ “ฉินหรูเหลียงซ่อนตัวลูกสาวของขุนนางผู้กระทำผิดไว้ ถือเป็นความผิดร้ายแรงฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ”

เฉินเสียนหรี่ตา “แบบนั้นมันน่าเบื่อจะตายไป พี่ชายของนางคือหลิ่วเฉียนเฮ้อใช่ไหม”

สองพี่น้องรวมหัวกันใช้เล่ห์อุบายเพื่อพรางตัวทั้งยังเกือบจะฆ่าทั้งเธอและลูก

บัญชีนี้ยังมีเวลาชำระในอนาคต

เหลียนชิงโจวกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ หลิ่วเฉียนเฮ้อกำลังหลบหนี องค์หญิงทรงอย่ากังวลพระทัย มีคนช่วยองค์หญิงจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว หลิ่วเฉียนเฮ้อเป็นนักฆ่าลอบสังหาร มีคนอดใจรอแทบไม่ไหวที่จะลงโทษเขาด้วยการใช้ม้าห้าตัวแยกศพ”

แน่ล่ะ ถ้าอาชญากรอย่างหลิ่วเฉียนเฮ้อถูกจับได้ จักรพรรดิจะสบายพระทัยได้อย่างไรหากปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ เกรงว่าต่อให้ตายไปแล้วก็ยังไม่สบายพระทัยอยู่ดี

เหลียนชิงโจวกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ที่องค์หญิงกุมเอาไว้คือจุดอ่อนจุดตายของแม่ทัพฉิน ต่อแต่นี้ไปองค์หญิงจะอยู่ในจวนแม่ทัพได้อย่างสบายใจไร้กังวล ทว่าก็ยังต้องระมัดระวัง”

พูดจบเขาก็ลุกขึ้น ประสานมือคารวะเฉินเสียนและกล่าวว่า “ที่กระหม่อมมาในวันนี้ก็เพื่อมากล่าวลาองค์หญิง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี