ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 374

เขาเองก็ได้อยู่ที่ลานประหารนี้ด้วย อำพรางซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชน เมื่อครู่นี้ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กับเธอขนาดนั้นแล้วแท้ๆ

เธอรู้สึกว่ามีคนจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่ได้สนใจ เพราะไม่รู้ว่าสายตาของซูเจ๋อก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เธอเกือบจะคลาดไปแล้ว

เฉินเสียนรู้ดี ว่าการเจอกันกลางถนนแบบนี้อันตรายแค่ไหน

เธอคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอ ต้องมีเหตุผล ต้องสุขุมใจเย็น

ทั้งๆ ที่ใจคิดถึงเขามาก คิดถึงทุกวัน และยังคงต้องยับยั้งชั่งใจ

เธอสามารถยับยั้งช่างใจตัวเองไม่ให้ไปหาเขา ไม่ไปเจอหน้าเขา แม้ว่าจะเข้าไปในประตูเรือนของเขา ก็จะอยู่แค่ด้านนอกไม่เข้าไปเจอหน้าเขา ได้ยินเสียงของเขาบ้างเป็นครั้งคราวก็เพียงพอแล้ว

เพราะเธอเลือกที่จะกลับมายังเมืองหลวงเอง ฉะนั้นเธอก็จะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดทรมานของความคิดถึงคะนึงหานี้ให้ได้

แต่มาวันนี้ ได้เห็นเพียงเงาแผ่นหลังของเขา มองเขาที่เดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางฝูงคน เฉินเสียนจึงเพิ่งรู้ตัวว่าแท้จริงแล้ว เธอไม่สามารถยับยั้งช่างใจตัวเองได้เลย

เวลานี้ จิตใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด

เธอหลบหลีกจากคนที่คอยติดตามสอดแนม ทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอีกครั้ง เธอไม่สามารถยับยั้งช่างใจตัวเองได้ และไม่สามารถสนใจอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ในใจของเธอมีเพียงความคิดที่บ้าคลั่งเพียงหนึ่งเดียว ก็คือการได้เจอหน้าเขาสักครั้ง

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คุยกัน แต่แค่ได้มองเขาจากที่ไกลๆ ก็ยังดี

เฉินเสียนเดินออกจากอีกตรอกหนึ่ง เธอพุ่งเข้าไปในท่ามกลางฝูงชนที่ไม่ทันจะได้แยกย้ายกลับ ตามหาไปทั่ว แต่กลับหาเงาแผ่นหลังที่คุ้นเคยนั้นไม่เจออีกเลย

เธอตามหาทุกๆ ปากทางใหม่อีกหนึ่งรอบ ตรงจุดที่เขาค่อยๆ เดินห่างออกไป

สิ่งที่เธอได้ยินได้เห็นทั้งหมด บนถนนมีแต่ผู้คนที่พูดถึงแต่การประหารชีวิตของนักโทษในวันนี้เท่านั้น

และในท้ายที่สุดเธอก็หาไม่เจอ เขาเป็นเหมือนดังภาพลวงตาฉากหนึ่ง ที่ปรากฏขึ้นอย่างไร้ซึ่งเงาและจากไปอย่างไร้ร่องรอย

ถนนสายนี้ได้คึกคักจนถึงจุดสูงสุดแล้ว เหล่าราษฎรพากันแยกย้ายกลับไปยังที่ของตัวเอง ถนนแห่งการค้าขาย เริ่มพากันเรียกลูกค้าเข้าร้านเพื่อทำมาค้าขาย

ห้วงเวลาที่เฉินเสียนหันกลับไปนั้น ก็เจอกับร้านแผงลอยที่ขายหน้ากากเข้า

มีหน้ากากหลากสีสันแขวนเรียงรายอยู่บนผ้าสีขาวในร้านแผงลอยนั่น

เธอจึงนึกขึ้นได้ เหตุการณ์ในครั้งนั้นที่เธอและซูเจ๋อซื้อหน้ากากจากร้านแผงลอยข้างทาง

ตอนนั้นทั้งคู่ที่พากันสวมหน้ากาก แล้วเดินเคียงคู่กันท่องเที่ยวไปทั่วตลาด

พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนจากบ่อนพนันจำได้แล้วตามมาทำร้าย และยิ่งไม่ต้องเป็นกังวลเข้าไปใหญ่ว่าใครจะเห็นพวกเขานั้นอยู่ด้วยกัน

เธอยังจำได้ ก่อนหน้านั้น ที่เธอถูกคนจากบ่อนพนันตามทำร้ายไปทั่ว ซูเจ๋อก็ปรากฏตัวในชุดดำสนิทข้างทาง เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล : "อาเสียน"

เธอไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ ก็ดึงซูเจ๋อวิ่งหนีเข้าไปในตรอกด้วย

ปรากฏว่าทั้งคู่ได้พากันวิ่งเข้าไปในทางตัน ซูเจ๋อจึงช่วยจัดการคนกลุ่มนั้นจนน่วมเละไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน

ความทรงจำของเฉินเสียนค่อยๆ หวนคืนมา สิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากอดีตค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

ทุกๆ ฉากทุกตอนเธอจำมันได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงสัมผัสของการจับมือระหว่างเธอและซูเจ๋อ ผมที่นุ่มสลวยและชายเสื้อที่พลิ้วไหว ทุกคำพูดของเขา ทุกแววตาที่ใช้มองเธอขณะที่เขายืนคร่อมเธอชิดกับผนังกำแพง

ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

เฉินเสียนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าถึงแม้เมืองหลวงนี้จะเลวร้าย แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังหลงเหลือความทรงจำที่ดีระหว่างเธอและซูเจ๋อ

ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะหลงรักเขา จนไปถึงหลังจากที่เธอรักเขาไปแล้ว

เฉินเสียนหันหลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ย้อนกลับไปที่ปากทางเข้าตรอกเดิมอีกครั้ง ด้านหลังของเธอมีเจ้าของแผงลอยที่ขายหน้ากากกำลังพูดเชิญชวนว่า : "ลูกค้าซื้อหน้ากากสักชิ้นเถอะขอรับ"

เฉินเสียนจู่ๆ ก็หยุดชะงักไปทันที รู้สึกใจสั่นขึ้นมาทั้งใจ จากนั้นก็สาวเท้าเดินตรงเข้าไปในตรอกทันที

เธอไม่อยากจะยอมแพ้ทั้งแบบนี้ และไม่อยากกลับไปทั้งๆ แบบนี้ด้วยเช่นกัน

เธออยากจะลองอีกครั้ง

ฉะนั้นเฉินเสียนจึงย้อนความทรงจำอีกครั้ง เธอมุดผ่านช่องเล็กๆ เดินไปยังด้านหลังตรอกเดิมที่ครั้งหนึ่งเคยจับมือซูเจ๋อพากันวิ่งเข้าไป

เลี้ยวเข้าตรอกทางด้านหลัง ราวกับภาพที่ค่อยๆ รวบรวมเป็นเล่มเดียวกัน

เสียงของเขาอ่อนโยนราวกับหยก ที่ทำให้ใจหวั่นไหวกว่าลมที่พัดผ่านกำแพงนั่นเสียอีก

เฉินเสียนฟังแล้วก็รู้สึกหวั่นไหวไปทั้งใจ

ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมานั้น เธอได้สลัดสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวนั่นออกไปจนหมดสิ้น จ้องมองซูเจ๋อ ยิ้มขึ้นที่มุมปากบางเบา

เธอจะต้องห้ามโลภอย่างเด็ดขาด แค่ได้เจอหน้าก็อยากจะอยู่ด้วยชั่วชีวิต นั่นเป็นความเห็นแก่ตัวของเธอคนเดียว ที่อาจจะพลอยทำให้เขาลำบาก

ได้เจอะเจอแค่เพียงเสี้ยวนาที เท่านี้ก็ดีเกินพอแล้วไม่ใช่หรือ?

เฉินเสียนเก้าไปข้างหน้าอีกสองเก้า เธอก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาจากตัวเขา

มองเห็นเขาที่อยู่ตรงหน้าเธอ จู่ๆ เฉินเสียนก็รู้สึกไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอมากแล้ว

เงียบอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเสียนก็ได้ยินตัวเองถามขึ้นว่า : "ท่าน สบายดีไหม?"

ซูเจ๋อตอบกลับว่า : "สบายดี"

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วพูดต่อไปว่า : "ก่อนหน้านี้ที่ท่านป่วย หายดีหรือยัง"

ซูเจ๋อตอบกลับว่า : "ใกล้จะหายแล้ว"

"วันนั้นข้าอยู่นอกประตู ได้ยินเสียงท่านไอรุนแรงมาก" เมื่อเฉินเสียนพูดถึงคำนี้ จู่ๆ แค่หายใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาบางว่า : "ทำท่านปวดใจ ข้าเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย"

มันเป็นความปวดใจแบบไหนกันนะ เหมือนจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ ความเจ็บปวดที่เข้าลึกลงไปในกระดูก แพร่กระจายไปตามแขนขาของเธอ แต่เธอก็ยังต้องฝืนอดทนมันไว้

เฉินเสียนที่แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่กลับฝืนยิ้มออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"

จากนั้นบรรยากาศก็กลับมาเงียบสนิทอีกครั้ง

ตั้งแต่ตอนที่เธอตีซูเจ๋อจนสลบ แล้วหนีกลับเมืองหลวงในกลางดึกนั่น เฉินเสียนก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี