ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 473

เฉินเสียนหายใจถี่หอบ ขมวดคิ้วด้วยความอ่อนโยน แล้วพูดกระซิบว่า “ข้าเฉินเสียน แต่เดิมนั้นก็เป็นผู้หญิงของซูเจ๋ออยู่แล้ว”

ซูเจ๋อโอบกอดเธอไว้แล้วพูดว่า“ค่ำคืนนี้ท่านงดงามมาก”

เฉินเสียนรู้สึกตกตะลึง

ซูเจ๋อทำท่าทางไม่เข้าใจแล้วพูดว่า “องค์ชายหกของเย่เหลียง เอาแต่จ้องมองมาที่ท่าน คงคิดว่าในอนาคตท่านจะเป็นของเขากระมัง”

เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “ค่ำคืนนี้ท่านไม่ได้มองมาที่ข้าเลยสักครั้ง แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้านั้นงดงาม?”เธอลูบไล้ไปที่ชุดเครื่องแบบขุนนางของซูเจ๋อ แล้วพูดขึ้นว่า “แต่ว่าข้ากลับห้ามใจไม่อยู่ที่จะแอบมองท่าน ช่วงเวลานี้เป็นเช่นนี้ตลอด เห็นได้ชัดว่าท่านอยู่ตรงหน้าข้า แต่ข้ากลับไม่สามารถไปหาท่านได้อย่างเปิดเผย”

ลวดลายที่ปักอยู่บนชุดเครื่องแบบขุนนางของซูเจ๋อนั้นแตกต่างจากชุดสีดำของเขา วัสดุที่นำมาใช้ก็ไม่เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อเฉินเสียนได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกสุขสบายใจ

เธอพิงอยู่ในอ้อมกอดของซูเจ๋อแลวพูดว่า “ข้าเห็นว่า ชุดเครื่องแบบขุนนางของท่านนั้นสวยงาม ไม่มีใครในพระราชวังจะสง่างามได้เท่าท่านอีกแล้ว กิจราชการเป็นหน้าที่ประจำ แต่เมื่อท่านได้สวมชุดเครื่องแบบขุนนางเช่นนี้มันทำให้ท่านดูเสน่ห์เกินที่จะหักห้ามใจได้ ผู้ชายอย่างท่านไม่ควรที่จะไปยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนธรรมดาเหล่านั้น”

“ท่านชอบรึ?”ซูเจ๋อถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน

แม้เฉินเสียนจะมองไม่เห็นการแสดงท่าทางเขา แต่ก็ได้ยินน้ำเสียงที่พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายและมีความสุขของเขา

เธอได้แต่อมยิ้มและไม่ตอบ ถามเขากลับว่า“ร่างกายของท่านดีขึ้นแล้วหรือไม่?”

“ก็เกือบจะดีแล้ว”

เฉินเสียนที่กำลังสนใจในเสื้อผ้าของเขา เธอไม่ได้วางใจจึงถามขึ้นซ้ำว่า “ตั้งแต่งานเลี้ยงพระราชวังครั้งที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว อาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

ซูเจ๋อพูด “เพียงแค่ไม่ขยับร่างกายมาก ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

เวลานี้เฉินเสียนก็นึกถึงเรื่องที่สำคัญขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมาเธอได้แต่อดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้เธอก็สามารถที่จะได้ถามเขาแล้ว

“อีกอย่าง เรื่องของเจ้าน่องน้อย……”เมื่อพูดถึงเรื่องของเจ้าน่องน้อย เฉินเสียนก็ไม่รู้จะเอ่ยปากถามว่าอย่างไร

เธออยากจะได้ยินซูเจ๋อว่าจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรมาโดยตลอด แต่เมื่อมาพูดต่อหน้ากันสองคนแล้ว เฉินเสียนก็พบว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดเอาไว้

ตอนนี้เธออยู่ในโรงเรียนไท่แล้วบอกเขาด้วยตัวเอง ถ้าเกิดเจ้าน่องน้อยเป็นลูกของซูเจ๋อจริง ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบแล้วไม่ใช่หรือ เธอไม่เคยกล้าเพ้อฝันว่าซูเจ๋อจะเป็นพ่อแท้ๆของเจ้าน่องน้อย แล้วถ้าวันนี้เขาบอกว่าใช่นั้นก็แปลว่าเธอได้รับสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือ

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

เฉินเสียนพยายามหยุดความคิดเพ้อฝันนั้นเอาไว้ ทำไมซูเจ๋อถึงเอาแต่จ้องมองเธอ ทำไมถึงไม่ยอมรับ อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ดีมาก ทำไมต้องใช้ช่วงเวลานั้นแตะต้องตัวเธอ……

มีคำถามว่าทำไมอยู่มากมาย แต่ก็ถูกเธอยับยั้งไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ การที่ไม่แสดงออกมานั้นไม่ใช่ว่ามันจะไม่มี

เฉินเสียนพยายามเรียบเรียงคำพูดของเธออยู่ ซูเจ๋อก็พูดขึ้นว่า “ไม่มีเวลาพอที่จะพูดถึงเรื่องอื่น อีกสักครู่อุทยานอวี้ฮัวก็น่าจะใกล้ถึงเวลาเสร็จสิ้นแล้ว”

เฉินเสียนเข้าใจในความหมาย นั้นก็คือเขาจะต้องไปแล้ว

เมื่อครู่ความรักอันหวานชื่นของเขาถูกแทนที่ด้วยเรื่องของเจ้าน่องน้อยจึงทำให้เสียเวลาไป

ซูเจ๋อรู้ในสิ่งที่เธอคิดทั้งหมดจึงพูดขึ้นว่า “อาเสียน เรื่องเจ้าน่องน้อย จำเป็นต้องรอให้ท่านกับข้ามีเวลามากกว่านี้ แล้วค่อยมาพูดคุยรายละเอียดกัน”

ในใจของเฉินเสียนสั่นเทา เรื่องราวของเจ้าน่องน้อยนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ ตามที่เขาพูดน่าจะมีบทสรุปของเรื่องนี้ เธอจึงพูดเสียงแหบขึ้นว่า “จำเป็นต้องมีเวลาให้มากกว่านี้ เรื่องราวมันซับซ้อนมากเลยรึ?”

ซูเจ๋อพูด “ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน แต่ข้าสัญญา ไม่ว่าจะท่านคิดเรื่องอะไรก็ตามแต่ ข้าจะอยู่ข้างๆท่านเสมอ”

เฉินเสียนเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ซูเจ๋อใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอให้ต่ำลง กดเธอไปที่ประตูแล้วก้มลงจูบอย่างร้อนแรง

งานในอุทยานอวี้ฮัวเสร็จสิ้นแล้ว เธอและซูเจ๋อต่างก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว ซูเจ๋อพูดถูก เวลานี้ถ้าพูดเรื่องของเจ้าน่องน้อยนั้นก็คงจะได้ความไม่แน่ชัด

เฉินเสียนเอามือจับจมูก แล้วค่อยๆปิดบังริมฝีปาก ในใจนั้นก็คิดว่าครั้งหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้

อวี้เยี่ยนไม่ได้พูดอะไรมาก สีหน้าเปลี่ยนกลับสู่ปกติ พูดขึ้นเพียง “ด้านนอกอากาศเย็น องค์หญิงกลับเข้าห้องเถิดเพคะ”พูดจบก็ประคองเฉินเสียนเข้ามาในห้อง

เพราะว่ากลับมาดึกมาก แม่นมซุยจึงกล่อมให้เจ้าน่องน้อยนอนหลับไปแล้ว

อวี้เยี่ยนเทน้ำร้อนมาให้เฉินเสียนล้างหน้าบ้วนปาก เอ่ยขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา“คืนนี้องค์หญิงไปหาใต้เท้าซูมาอีกแล้วหรือเพคะ?”

เฉินเสียนทำหน้านิ่งแล้วตอบเพียง “อือ”

อวี้เยี่ยนยังพูดต่อว่า “บ่าวก็ว่าแล้วว่าทำไมเอ้อร์เหนียงถึงได้วางใจให้องค์หญิงอยู่คนเดียว ที่แท้ก็คือ……”คำพูดที่เหลือนางไม่พูดต่อ

สีหน้าของอวี้เยี่ยนดูไม่มีความสุข แต่กลับเป็นความกังวลใจ เฉินเสียนรู้ว่าอวี้เยี่ยนนั้นคิดอย่างไรต่อซูเจ๋อมาตลอด

หลังล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ อวี้เยี่ยนจึงนำชุดนอนมาให้เฉินเสียนเปลี่ยน

เมื่อตอนถอดเสื้อออกนั้น เฉินเสียนก็เปิดเสื้อผ้าออกอย่างเต็มที่ ทำให้รอบจูบที่บริเวณกระดูกไหปลาร้าเผยให้เห็นต่อหน้าของอวี้เยี่ยนอย่างโดยไม่ตั้งใจ

อวี้เยี่ยนหน้าแดง สีหน้าสับสนแล้วพูดว่า “องค์หญิงปล่อยให้เขาได้ใกล้ชิดขนาดนี้เลยหรือเพคะ……”

เฉินเสียนก้มลงมองรอยจูบของซูเจ๋อ ทำให้เธอได้เก็บไว้นึกถึงได้นาน เธอจึงรีบสวมชุดนอนอย่างไวแล้วเอ่ยว่า“ต่างคนก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว”

“องค์หญิง เขาไม่มีค่าพอนะเพคะ”อวี้เยี่ยนอัดอั้นเอาไว้นานแล้ว แต่ก็พูดประโยคที่อัดอั้นนี้ออกมา

เฉินเสียนเลิกคิ้วอย่างไม่ได้สนใจ

แต่เห็นได้ชัดว่าอวี้เยี่ยนนั้นไม่พอใจ จากนั้นก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ หลังจากเฉินเสียนนอนลงบนเตียง นางจึงหันตัวกลับออกไป แล้วพูดว่า “องค์หญิงรีบพักผ่อนเถิดเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี