จี้อู๋เจวี๋ทรงมองเหล่าองคมนตรีที่อยู่เบื้องล่างอย่างเย็นชา "งั้นพวกเจ้าก็บอกข้าที คิดว่าใครที่เหมาะสมจะปลูกข้าวสาลี ?"
"ฝ่าบาท ภายในตำหนักในมีนายหญิงทั้งหมดสามท่าน นายหญิงลู่ไม่เหมาะสม งั้นก็คงต้องเป็นนายหญิงอีกสองท่านที่เหลือคนใดคนหนึ่งพะยะค่ะ" ใต้เท้าเหลียงกล่าว
“ใต้เท้าเหลียง ข้าวสาลีนี้เป็นผลผลิตการเกษตร เจ้าคิดว่านายหญิงที่ถูกตามเอาแต่ใจตั้งแต่ทรงพระเยาว์จะเข้าใจเรื่องการเพาะปลูกงั้นรึ ?” หวังซิ่งจือส่งเสียงเยาะเย้ย ที่แท้คนเหล่านี้ก็จับจ้องไปที่ข้าวสาลี
ข้าวสาลีนี้ถูกค้นพบและปลูกโดยนางหญิงลู่ท่านนั้นแห่งตำหนักเย็น
ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านางอีกแล้ว
กลับไปเอานายหญิงถนัดเย็บปักถักร้อยที่ไม่รู้จักวิธีทำการเกษตรมาปลูกข้าวสาลีนี้จนเสียหาย ซึ่งนั่นคงไม่มีที่ที่จะให้มานั่งร้องห่มร้องไห้เสียใจแน่นอน
“ใต้เท้าหวัง นายหญิงลู่ท่านนี้แต่ก่อนก็ถูกตามเอาแต่ใจตั้งแต่ทรงพระเยาว์ไม่ใช่รึ ? ทำไมนางถึงเป็นคนที่ปลูกได้ แล้วคนอื่นถึงปลูกไม่ได้ ?” ใต้เท้าเหลียงกล่าวอย่างไม่พอใจ
"นายหญิงลู่ปลูกข้าวสาลีสำเร็จมาแล้ว นายหญิงอีกสองท่านมีประสบการณ์รึ ?" หวังซิ่งจือจะไม่มีวันลืมฉากที่นายหญิงแห่งตำหนักเย็นถือหมั่นโถวและซาลาเปาเข้ามาในห้องทรงตำราเป็นอันขาด
วันนั้นถ้าไม่ใช่ว่านางนำข่าวข้าวสาลีที่ทำให้ผู้คนมีกำลังใจขึ้นมาเข้ามาทูลกล่าว ป่านนี้หมวกสีดำบนหัวของเขาในวันนั้นเกรงว่าคงถูกฝ่าบาทเด็ดไปแล้ว(หมวกสีดำบนหัวถูกฝ่าบาทเด็ด หมายถึง ถูกฝ่าบาทปลดออกจากตำแหน่ง)
ถึงแม้ว่านางตอนนั้นจะไม่ได้ตั้งใจ
แต่ความรู้สึกในครั้งนั้นเขากลับคงยังจำอยู่เสมอ
ข้าวสาลีนี้ก็เป็นความหวังของเขาด้วยเช่นกัน
หากใครต้องการเปลี่ยนนายหญิงท่านนี้ออกไป เขาจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
"เอาล่ะ เรื่องนี้หยุดไว้แค่ตรงนี้ เลิกประชุม !" จี้อู๋เจวี๋ยทรงสะบัดแขนฉลองพระองค์และเสด็จออกจากราชสำนักไป
ใต้เท้าเหลียงลุกขึ้นเดินไปด้านข้างของหวังซิ่งจือ "ใต้เท้าหวัง ท่านต้องคิดให้ดีก่อนว่าท่านกำลังต่อกรกับใคร !"
"อะไร ? ตอนนี้ในราชสำนักจะเล่นพรรคเล่นพวกกันอย่างเปิดเผยแล้วรึ " หวังซิ่งจือในฐานะหัวหน้ากระทรวงครัวเรือน ไม่ได้เกรงกลัวอัครเสนาบดีที่อยู่ต่อหน้าท่านนี้เลย
เขามีหน้าที่รับผิดชอบเก็บภาษีที่ดินการเกษตรทั่วอาณาจักร
กระทรวงไหนบ้างที่อยากได้งบประมาณแต่ไม่ไว้หน้าเขาบ้าง ?
อัครเสนาบดีแค่คนเดียวจะกล้าดีกําเริบเสิบสานต่อหน้าเขาเลยรึ ?
พระพันปีหลวงสวมฉลองพระองค์สีม่วงหรูหราประทับอยู่บนพระแท่นบรรทมไม้แดง พระเกศาของนางถูกหวีจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน พระพักตร์ที่งดงามของนางได้รับการดูแลอย่างดี ประกอบกับปิ่นดอกไม้ไหวสีทองที่พราวระยับเต็มพระเศียร มองดูไปแล้วช่างสง่างามและเลอค่าเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพูดถึงพระพันปีหลวง แม้ว่านางจะพระชนมายุเกิน 40 พรรษาแล้ว แต่นางกลับยังดูเหมือนพระชนมายุแค่ 30 เท่านั้น มนต์เสน่ห์ระหว่างพระขนงและดวงพระเนตรยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็น
หลังจากลู่ยุ๋นหลัวถวายคำนับ พระพันปีหลวงก็เผยแย้มขึ้นที่แฝงไว้ตรงหว่างพระขนงค์และดวงพระเนตร "ลุกขึ้นเถอะ มานั่งกับข้าสิ"
ลู่ยุ๋นหลัวลุกขึ้นและนั่งลงข้าง ๆ นาง
“หยินซวาง เจ้าเตรียมของถวายแด่พระพันปีหลวง”
หยินซวางก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมอบกล่องไม้ในมือของนางให้กับแม่นมที่อยู่ข้างพระวรกายของพระพันปีหลวง
หลังจากเปิดกล่องออก ด้านในมีกล่องกลมสองกล่องที่พิมพ์ไว้ว่าเหนือเก้าสวรรค์
เหนือเก้าสวรรค์นี้เป็นของร้านค้าที่เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อสองปีที่ผ่านมา
ร้านของเขานั้นจะขายเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นนั่นก็คือผงสาวหยกเก้าสวรรค์ในมือของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...