ว่ากันว่าหลังจากใช้ผงนี้เป็นเวลานาน จะสามารถชะลอความแก่ ผิวขาวกระจ่างใส รูขุมขนเล็กลงและผลลัพธ์อื่น ๆ
ราคาเองก็แสนจะแพง
อีกทั้งยังเป็นผงที่หายาก
ต่อให้เป็นใครก็ตามในเมืองหลวงที่มีอำนาจและทรัพย์สมบัติ จนทุกวันแย่งกันจนหัวล้านข้างแตกก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถซื้อได้
อีกทั้งนายหญิงคนนี้ยังถวายให้ถึงสองกล่อง ช่างมีความทุ่มเทมุมานะจริง ๆ
พระพันปีหลวงเคยทรงได้ยินเกี่ยวกับผงสาวหยกเก้าสวรรค์เป็นปกติอยู่แล้ว พร้อมแย้มสรวลตรัสอย่างแผ่วบาง “เจ้าช่างใส่ใจยิ่งนัก”
"พระพันปีหลวงถ้าทรงพอพระทัยก็ดีแล้วเพคะ" ผงสองกล่องนั้นนางก็ใช้เงินไปไม่น้อย จนสุดท้ายก็อาศัยเส้นสายอยู่หลายชั้นกว่าจะซื้อมาได้
หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ลู่ยุ๋นหลัวก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับทูลบังคมลา โดยที่ไม่ได้พูดถึงสนมเหยาและเรื่องข้าวสาลีแม้แต่น้อย
พระพันปีหลวงทอดพระเนตรไปยังแผ่นหลังของร่างที่ลุกจากไป พระขนงและพระเนตรของนางกลับฉายแววถึงการทรงครุ่นคิด
ลู่ยุ๋นหลัวคนนี้ ช่างเก็บอารมณ์ได้ดีจริง ๆ ...
“พระพันปีหลวงเพคะ ท่านคิดว่าควรทำเช่นไรกับผงนี้ดีเพคะ” แม่นมเหอถาม
พระพันปีหลวงทรงเหลือบมองด้วยพระพักตร์ที่ไร้อารมณ์ “โยนของพวกนี้ทิ้งไป”
แม่นมเหอผงะไปเล็กน้อย
ของดีขนาดนี้โยนทิ้งเลยเหรอ ?
อย่างไรก็ตามนางก็ติดตามพระพันปีหลวงมาหลายปี ดังนั้นนางจึงทราบนิสัยของพระพันปีหลวงโดยธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้พร้อมกับรีบหยิบเอาไปจัดการ
ระหว่างทางกลับตำหนักเย็น
"นายหญิง ทำไมท่านถึงไม่ทูลถามถึงเรื่องของนางสนมเหยาล่ะเพคะ ?" เมื่อวานนางได้ยินนายหญิงกล่าวไว้ ว่าเรื่องนี้นอกจากฝ่าบาทและพระพันปีหลวงแล้วที่ทรงตัดสินได้แล้ว นายหญิงเองก็ไม่มีสิทธิที่จะขับไล่สนมเหยาออกไปได้
"เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น"
ลู่ยุ๋นหลัวถอนหายใจพร้อมกับแหงนมองดูท้องฟ้าในความเงียบ
อันที่จริงนางเพียงแค่ต้องการจะเพาะปลูกในตำหนักเย็นแค่นั้น ไม่คิดว่าจะทำจนมันซับซ้อนขนาดนี้
ตอนนี้ก็มีแต่เรื่องข้าวสาลี
ที่เลื่อนขั้นกลายเป็นสงครามแก่งแย่งในตำหนักใน
พวกนางทั้งสอง จะมีแค่ใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่ได้อยู่ต่อ
หลังจากกลับมาที่ตำหนัก ลู่ยุ๋นหลัวก็ดูแลเฉพาะผักและผลไม้แถวห้องนอนของนาง ส่วนพื้นที่การเกษตรด้านนอก นางก็ไม่ได้ดูแลใส่ใจ
ถึงอย่างไรสนมเหยาก็ทั้งดูและทั้งออกเงินค่าใช้จ่ายให้อยู่ดี นางนอนอยู่เฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ ?
ในตอนบ่าย หลันกุ้ยเหรินแห่งวังหลิวหยุนก็ได้มาถึง
นำหม้อกระทะถ้วยชามลามไหมาด้วย
และยังมีเตียงผืนใหญ่อีกหนึ่งผืน
ลู่ยุ๋นหลัวแค่เห็น ก็รู้ได้ทันทีว่าหลันกุ้ยคนนี้วางแผนที่จะอยู่ที่แห่งนี้ของนางอย่างถาวร
"เสด็จพี่ ในเมื่อเจ้าก็กลับมาแล้ว ! เจ้าไม่รู้เหรอ ว่าช่วงที่เจ้าออกจากวังไป ข้าอยู่ที่วังหลิวหยุนก็แถบไม่อยากจะกินจะดื่ม แม้แต่อาหารของห้องปรุงพระกระยาหารก็ไม่อยากจะทาน เจ้าดูข้าสิผอมลงไปตั้งเยอะ" หลันกุ้ยเหรินเอาแต่คิดถึงแต่อาหารของในตำหนักเย็น
ลู่ยุ๋นหลัวมองดูอยู่ครู่ ก็เห็นว่านางผอมลงไปจริง ๆ
"เสด็จพี่ลองดูให้หน่อยสิเพคะ ว่าคืนนี้เราจะทานอะไรกันดี ? หรือว่าทานหม้อไฟดีหรือไม่เพคะ ?" นางเคยได้ยินหยินซวางพูดถึงอาหารนี้ นางเองก็อยากจะลองทานมาตั้งนานแล้ว
"ก็ได้ งั้นคืนนี้มาทานหม้อไฟและปิ้งย่างกัน เดี๋ยวข้าจะลงมือทำเอง หยินซวางเจ้ารีบไปทูลที่ด้านหน้าเชิญฝ่าบาทมาที คืนนี้เราจะมาเสวยด้วยกัน" ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องหอชุนเฟิงโหลวคราวนี้นางก็เสียหายไปเยอะ ยังดีที่จี้อู๋เจวี๋ยไม่ได้ทรงถือสาโกรธแค้นอะไรนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...