ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 203

ไม่เช่นนั้นป่านนี้หัวของนางก็อาจมีไม่พอให้ตัดไปแล้วก็ได้

เชิญเสด็จมาเสวยอาหารเย็นสักมื้อก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

เพียงแต่……

เมื่อนางนึกถึงตอนที่กำลังเดินทางกลับเข้ามาในวัง จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงขับไล่นางลงจากรถม้าเสด็จอย่างไม่พอพระทัย

คาดว่าแปดเก้าในสิบส่วนจะไม่เสด็จมาเป็นแน่

ช่วงกลางคืน

หม้อไฟขนาดเล็กก็ต้มจนเดือด

ซุปที่เดือดในหม้อพร้อมกับควันไอร้อนที่พวยพุ่งออกมา

เพียงแค่มองก็ยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารมากขึ้นไปทุกที

บนชั้นที่อยู่ด้านข้างก็กำลังย่างเนื้อจนมีเสียงดังปะทุออกมา

ลู่ยุ๋นหลัวโรยผงยี่หร่า ผงฮวาเจียว ที่นางทำเองบนเนื้อเสียบไม้ขนาดใหญ่ที่ย่างกำลังได้ที่

จากนั้นก็หยิบเหล้าองุ่นออกมาสองไหพร้อมกับใส่น้ำแข็ง

หลังจากรออยู่พักหนึ่งเมื่อเห็นว่าจี้อู๋เจวี๋ยยังไม่เสด็จมา ก็คิดว่าเขาคงไม่เสด็จมาแล้ว นางกับหลันกุ้ยเหรินก็เริ่มรับประทานอาหารทันที

หลันกุ้ยเหรินไม่สามารถที่จะหยุดทานได้

“เสด็จพี่ ทักษะการทำอาหารของเสด็จพี่ช่างเยี่ยมยอดมากเลยเพคะ !” หลันกุ้ยเหรินได้พับแขนเสื้อขนาดใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการทานขึ้นมา ปากของนางก็แดงมันแพลบ จนตอนนี้นางแถบไม่มีสักส่วนใหนที่มีลักษณะคล้ายนายหญิงเลยแม้แต่น้อย

หลันกุ้ยเหรินจิบเหล้าองุ่นเย็นไปหนึ่งอึกจนเผลออดไม่ได้ที่จะชื่นชม "เสด็จพี่ เหล้าที่เจ้าต้มรสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ เหล้าดอกบัวแต่ก่อนก็เป็นเจ้าที่ต้มเองสินะ ?"

ลู่ยุ๋นหลัวผงะไปเล็กน้อย "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหล้านั่นข้าเป็นคนต้ม ?"

นางจำได้ว่าตอนนั้นนางยังไม่รู้จักหลันกุ้ยเหรินเลย

เหล้าดอกบัวไม่กี่กาเหล่านั้นได้รบกวนขันทีเฉิงแห่งห้องปรุงพระกระยาหารให้ไปส่งให้

เหล้าดอกบัวพวกนั้นนางก็ทำเงินไปได้ไม่น้อย

หลันกุ้ยเหรินกลับยิ้มอย่างมีลับลมคมในโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว !”

“สนมเหยาเสด็จแล้ว !”

ที่หน้าประตู มีเสียงรายงานของขันทีน้อยดังแว่วลอยเข้ามา

หลันกุ้ยเหรินขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเสด็จพี่ทูลเชิญเสด็จมาแค่ฝ่าบาทมาเพียงพระองค์เดียวหรอกหรือ ?

ทำไมสนมเหยาถึงตามมาด้วย ?

หมดสนุกเลยจริง ๆ

เห็นได้ชัดว่าลู่ยุ๋นหลัวไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้กับบุคคลที่สี่เลย

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เวลาที่คนอย่างสนมเหยาจะแสร้งดัดจริตถอยไป

นางพยายามขืนยิ้มออกมาและนั่งลงข้างๆ จี้อู๋เจวี๋ยอย่างน่าละอาย

“ฝ่าบาท เสด็จพี่ไม่น่าจะได้เตรียมอาหารเผื่อให้หม่อมฉัน งั้นหม่อมฉันคอยคีบอาหารและรินเหล้าถวายให้ฝ่าบาทแทนนะเพคะ”

ด้วยท่าทีอันน่างสาร ทำราวกับว่าลู่ยุ๋นหลัวจงใจกลั่นแกล้งนาง ขัดขวางไม่ให้นางร่วมทานอาหารอย่างใดอย่างนั้น

แน่นอนว่าจี้อู๋เจวี๋ยทรงเริ่มขมวดพระขนงราวกับไม่พอพระทัยเล็กน้อย

เขาทรงขมวดคิ้มทอดพระเนตรไปทางลู่ยุ๋นหลัว "ไปเอาหม้อมาอีกใบสิ"

ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าลำบากใจ "ฝ่าบาท หม่อมฉันมีหม้อเพียงหม้อแค่สามใบเพคะ"

ต่อให้นางมีหม้ออีกใบ นางก็ไม่พร้อมที่จะไปเตรียมออกมาให้อยู่แล้ว

นางสนมเหยาคนนี้ ลู่ยุ๋นหลัวไม่ไล่ตะเพิดออกไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว

ยังจะต้องการให้นางมายิ้มแย้มต้อนรับนั่งทานอาหารด้วยกันอยู่อีกเหรอ ?

นางไม่ได้ใจกว้างยิ่งใหญ่ขนาดนั้น

“เมื่อสักครู่ หม้อไหนกันที่เจ้าทานรึ” จี้อู๋เจ๋อตรัสถามลู่ยุ๋นหลัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น