ลู่ยุ๋นหลัวที่มีใบหน้าหมองหม่นได้ดื่มชาที่วางปล่อยไว้ให้อุ่นหมดในอึกเดียว
จากนั้นก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาและรินอีกถ้วยหนึ่ง
สนมเหยาคิดว่านางเองได้จุดสุมไฟได้ระอุพอแล้ว
จึงได้แต่อดทนรอลู่ยุ๋นหลัวระเบิดโทสะออกมา
นางเองก็ได้เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน ขอแค่ลู่ยุ๋นหลัวลุกขึ้นมาแต่ต้องตัวนางเพียงนิด นางจะล้มลงไปกระแทกกับโต๊ะม้าหินข้าง ๆ ในทันที
รวมถึงต่อให้หลังจากนี้จะทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โตเป็นเรื่องขึ้นมา นางเองไม่กี่วันก่อนก็ได้จัดเตรียมแผนการเอาไว้แล้วเช่นกัน
แต่หลังจากรอเป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวจะเอ่ยถามอะไรนางเลยสักครึ่งประโยค
เห็นเพียงแต่ลู่ยุ๋นหลัวที่มีสีหน้าราวกับจะยับยั้งความโกรธไม่ได้แต่อยู่ดี ๆ ก็ค่อย ๆ จางหายไป ในตอนท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาวราวกับถูกคำพูดของสนมเหยาโน้มน้าวอย่างใดอย่างนั้น "เสด็จน้องพูดก็มีเหตุผล เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าไม่ควรถือสาจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นแก่ตัวเกินไป หลังจากนี้ข้าควรที่จะเรียนรู้จากเสด็จน้องบ้าง ให้ความสำคัญกับพสกนิกรเป็นอันดับแรก ชาถ้วยนี้ข้าถือซะว่าเป็นเหล้าคารวะเจ้า !"
หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวเติมชาลงในถ้วยที่มีชาอยู่แล้วครึ่งหนึ่งอยู่แล้วจนเต็มถ้วยต่อหน้านาง นางก็หยิบถ้วยชาของนางเองชนกับถ้วยชาของสนมเหยา
จากนั้นก็จิบชาเบา ๆ ลงไปในหนึ่งอึก
ใบหน้าของสนมเหยาแข็งทื่อในทันที
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจากที่พูดยุแยงให้นางโกรธจะกลายเป็นการพูดโน้มน้าวแทนไปได้ ?
ความเสียหายมูลค่ามากขนาดนี้ ลู่ยุ๋นหลัวกลับฝืนกลืนลงไปได้ ?
นางไม่เชื่อ
ว่าลู่ยุ๋นหลัวคนนี้จะยอมหงายไพ่ไม่ธรรมดาแบบนี้ไปได้ตลอด
นางจะไม่มีทางเดินตามทางเกมของนางลู่ยุ๋นหลัวแน่นอน
สนมเหยาขืนฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับยกถ้วยชาเป็นสัญญาณพร้อมกับดื่มลงไป
เมื่อเห็นสนมเหยาเปาไอร้อนพร้อมกับค่อย ๆ ดื่มชาถ้วยนั้นจนหมด ลู่ยุ๋นหลัวก็ยิ้มแย้มออกมาทันที
รอยยิ้มนั้น.
ราวกับแสงตะวันที่สาดแสงออกมาเป็นพิเศษ
จนนางสนมเหยาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นรอยยิ้ม "เสด็จพี่ ทำไมเจ้าถึงมองข้าเช่นนั้น ?"
ลู่ยุ๋นหลัวยันไปที่คางของนางราวกับขี้เกียจจะเสแสร้งอีกต่อไป "ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ทั่วใบหน้าและแขนขาของเจ้าจะปรากฏรอยแดงขึ้นมา รวมถึงมีอาการไข้สูง และอาการป่วยทุกอย่างก็จะไม่ต่างราวกับโรคระบาด ต่อให้แพทย์หลวงมาก็ไม่กล้ารับประกันเจ้าได้ว่าเจ้าป่วยเป็นโรคอะไร”
จุดสีแดงเล็กใหญ่ขนาดต่าง ๆ ราวกับไฝผุดขึ้นมาแน่นเต็มใบหน้าจนน่ากลัว
สนมเหยากำลังมองดูใบหน้าตนเองในกระจกทองสัมฤทธิ์พร้อมกับหายใจถี่จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ความยับยั้งชั่งใจขั้นสูงสุด นางก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
นางถูกลู่ยุ๋นหลัวคิดบัญชีเข้าให้แล้ว !
สายตาอันอ่อนโยนแต่กลับถูกพิษร้ายย้อมไปทั่วดวงตาได้มองไปยังลู่ยุ๋นหลัว คำพูดที่เปล่งออกมาราวกับฉีกหน้ากากที่เสแสร้งโดยปกติออกมา "ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป"
ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มเพียงเล็กน้อย "ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะมองเห็นความสำคัญ"
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทูลบอกฝ่าบาทหรอกรึว่าเจ้าทำร้ายข้า”
ลู่ยุ๋นหลัวส่ายหัวของนาง "เจ้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น"
นางเพิ่งกล่าวไปว่าภายใต้สถานการณ์ที่ทุกคนกลัวเมื่อพูดถึงโรคระบาดเช่นนี้ แพทย์หลวงก็ไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะแน่ใจว่าเป็นโรคระบาดหรือไม่ สนมเหยาเองก็ไม่มีหลักฐานว่านางเป็นคนวางยาพิษ แม้ว่านางจะพูดให้สวยหรูงดงามเพียงใดก็ไม่มีใครเชื่อนางอยู่ดี สุดท้ายแล้วไม่ว่านางจะถูกวางยาพิษหรือไม่ก็ตามก็ต้องถูกลากแยกตัวออกไปอยู่ดี
ในช่วงเวลาอันละเอียดอ่อนเช่นนี้
ไม่มีใครกล้าที่จะเดิมพันทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...