เมื่อเฝ้ามองช่วงเวลาสำคัญที่ริมฝีปากของพวกเขาทั้งกำลังจะมาบรรจบกัน
ทันใดนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็เอามือกุมไปที่ปากนาง
นิ้วมือที่ปิดปากของนางกุมแน่นโดยไม่มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียว
คืนนี้นางดูเหมือนจะได้กินทานอาหารที่มีกระเทียมปรุงเข้าไป ?
ไม่รู้ว่ากลิ่นจะแรงหรือไม่ ?
หรือว่านางควรไปแปรงฟันก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ ?
ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกชายรูปงานคนนี้รังเกลียดเข้าให้จนไม่ใช่ว่าเสียหน้าไปกว่านี้หรอกเหรอ ?
ความคิดของลู่ยุ๋นหลัวเริ่มฟุ้งซ่าน
อีกทั้งในขณะที่นางปิดปากตัวเองอยู่ การเคลื่อนไหวของจี้อู๋เจวี๋ยก็หยุดลงเช่นกัน
พระพักตร์ที่หล่อเหลากลับนิ่งค้างอยู่ในขณะนี้ จากนั้นเขากก็ทรงมองนาง
เขาทรงรู้สึกได้ชัดเจนแล้วว่าลู่ยุ๋นหลัวปฏิเสธเขา
นางกำลังต่อต้านเขา !
เป็นไปได้ไหมว่านางยังคงปกป้องจริยธรรมของนางเองเพื่อเสด็จลุงสาม?
ความคิดนี้ทำให้ดวงพระเนตรของเขาเย็นชาราวกับเหมันตร์ฤดู
ดีมาก !
ดีจริง ๆ !
เขาทรงลุกขึ้นและทรงเหลือบมองนางอย่างเย็นชา
รู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทรงทำไปในช่วงไม่กี่วันนี้เป็นเหมือนเรื่องตลกอย่างใดอย่างนั้น
เขาไม่ได้ทรงตรัสอะไรอีก
เพียงสวมฉลองพระองค์แค่นั้นแล้วเสด็จจากไป
ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตา เมื่อกี้นางทำอะไรผิดไปเหรอ ?
ในความเป็นจริง นางก็แค่อยากแปรงฟันเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าในพระเศียรของจี้อู๋เจวี๋ยจะทรงจินตนาการละครน้ำเน่าแห่งปีอะไรอีก ?
เมื่อนึกถึงสายพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยก่อนเสด็จจากไปเมื่อครู่ ในใจของนางก็ค่อย ๆ ไม่สบายใจพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ
พรุ่งนี้เขาคงไม่ทรงบัญชีเอานางไปจัดการหรอกนะ ?
ภายในหัวของนางก็ผุดละครการแก่งแย่งในวังแห่งศตวรรษที่ 21 ถึงฉากต่อไปที่สนมไม่ยอมให้องค์จักรพรรดิทรงแตะเนื้อต้องตัว ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้ฉันก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นราวกับว่าไม่มีฉากต่อไปดี ๆ เลยสักฉาก
ลู่ยุ๋นหลัวนอนแผ่อยู่บนเตียงและนอนพลิกตัวไปมาเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ
ทันทีที่นางหลับตาก็เอาแต่นึกถึงสายพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยที่ทรงมองนางก่อนจะเสด็จจากไป
ดูเหมือนกับอาการของคนที่รู้เจ็บปวดอยู่บ้าง ?
ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่รู้เช่นกัน
นางแค่รู้สึกหงุดหงิดในใจของตนเท่านั้น
นางลุกขึ้นและตัดสินใจที่จะออกเดินสักหน่อย
นอกห้องนอนนั้นมืดสนิท
มีเพียงดวงจันทร์ที่สว่างไสวเหนือศีรษะเท่านั้นที่สามารถส่องแสงสลัว ๆ ออกมา
ลู่ยุ๋นหลัวเดินออกประตูใหญ่ไปพร้อมที่จะเดินแถว ๆ รอบสระน้ำสักรอบ
จนนางบังเอิญเห็นแสงไฟในห้องนอนของนางสนมเหยาที่อยู่ติดกันยังคงสว่างอยู่
นางสงสัยอยากรู้อยากเห็นก็เลยเดินเข้าไปส่องดู
มองผ่านลอดช่องประตู ก็เห็นขันทีเฉาเฝ้าอยู่ห้องด้านใน
ฮิ ฮิ
จักรพรรดิตายด้านคนนั้น
ตอนเสด็จออกจากห้องนางไปทำท่าทำทางอย่างกับเจ็บปวดรวดร้าว
พอออกประตูไปก็เสด็จถ่อไปหาผู้หญิงคนอื่นเพื่อปลอบโยน
งามนัก !
ลู่ยุ๋นหลัวยังไม่ทันได้ออกไปไหนก็เดินกลับไปที่ห้องของนางโดยตรงทันที
นางหลับไปจนถึงฟ้าสาง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จี้อู๋เจวี๋ยไม่ได้มาที่ตำหนักเย็นเพื่อเสวยพระกระยาหารอีกแล้ว
ได้ยินมาจากคนอื่น ๆ คุยกันว่าเขาเสด็จไปหายังสนมเหยาในตอนกลางคืนแทน
หยินซวางและแม่นมโจวสีหน้าก็ดูกังวล ดูเหมือนว่านายหญิงของนางก็ทรงไม่ได้เป็นที่โปรดปราณอีกแล้ว
ส่วนลู่ยุ๋นหลัวก็รู้สึกมีความสุขและสบายใจ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในมณฑลซ่างหยวน พสกนิกรต่างก็ตื่นตระหนก
ว่ากันว่าแม้แต่ค่ายทหารที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนของมณฑลซ่างหยวนก็พบผู้ติดเชื้อปรากฏขึ้นมา
อย่างที่ต้องรู้ มีทหารชั้นยอดประจำการอยู่ที่นั่นถึง 50,000 นาย
หากยังไม่รีบจัดการอย่างเร่งด่วน เกรงว่าอาณาจักรของศัตรูก็คงสามารถกวาดล้างกองทัพทหาร 50,000 นายได้โดยไม่ต้องสูญเสียทหารแม้แต่คนเดียว
สถานการณ์เริ่มค่อย ๆ ย่ำแย่มากขึ้น
อาณาจักรตงหลานกำลังตกอยู่ในอันตรายและความโกลาหล
แม้แต่ราชครูที่เดินทางในต่างแดนก็กลับเข้ามาแล้วตั้งแต่ไม่กี่วันก่อน
ราชครูเพียงใช้ฝ่ามือก็สามารถทำนายทายทักได้แล้ว
โดยกล่าว่าชีวิตพญาหงษ์กำหนดสถิตบนร่างของลู่ยุ๋นหลัว ดาวแปดดวงโคจรมาบรรจบกัน เรียงร้อยดั่งหยกมุกทั้งเก้า
โรคระบาดในมณฑลซ่างหยวนก็เหมือนกับเผือกร้อนมือ
พ่อของนางได้ระบุในจดหมายลับถึงนาง โดยกล่าวว่าการกำจัดโรคระบาดในมณฑลซ่างหยวนให้สิ้นซากไปได้ มีเพียงแต่ต้องเผาทั้งเมืองให้วอด
ถ้าลู่ยุ๋นหลัวคนนี้กล้าที่จะจุดไฟเผาเมืองจริง ๆ นางจะกลายเป็นคนบาปของอาณาจักรตงหลานแน่นอน ตำแหน่งฮองเฮาต่อให้นางไม่ต้องต่อสู้แก่งแย่งมา อย่างไรพสกนิกรก็สรรเสริญยกยอให้นางอยู่ดี
แต่หากนางไม่มีความกล้าที่จะวางเพลิงเผาทั้งเมือง งั้นโรคระบาดก็มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลงไปเท่านั้น พสกนิกรก็ต้องกร่นด่าสาปแช่งนางแน่
ไม่ว่าจะจัดการอย่างไรนางก็หนีไม่พ้นตราบาป
ยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่นางออกจากวังไป การที่นางจะมีชีวิตกลับมาได้หรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
"เจ้าแน่ใจหรือว่าหลังจากที่ข้าจากไปแล้ว เจ้าจะปลูกข้าวสาลีในวังให้มันเติบโตขึ้นได้" ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกว่านางสนมเหยามีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
แม้ว่าข้าวสาลีนี้จะค่อนข้างปลูกง่าย
แต่เวลาการรดน้ำก็ยังล้วนมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจ
นอกจากนี้ยังมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนกะทันหันอีก
หากไม่ระวังก็คงไม่พ้นที่ปลูกไม่รอดจนตาย
"เรื่องนี้แน่นอนว่าเสด็จพี่ไม่ต้องหนักใจกังวล เสด็จน้องจะทุ่มเทให้สุดความสามารถ เพื่อปลูกพวกมันให้อยู่รอดได้" ตระกูลไป๋ของนางมีเจ้าหน้าที่การเกษตรในมืออยู่ไม่น้อย
ซึ่งจะต้องพยายามอย่าเต็มที่ที่จะช่วยนางอยู่แล้ว
ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า
นางก็หวังไว้อย่างนั้น
ว่าอย่าเอาธัญพืชที่ปลูกกว่า 100 หมู่ทำให้เสียเปล่าอีกเลย
สนมเหยาเดินจากไปอย่างมีความสุข
นางต่อกรกับลู่ยุ๋นหลัวมาอยู่หลายครั้ง
ทุกครั้งนางจะล้มเหลวและน่าสงเวชตลอด
แต่ในครั้งนี้นางก็ชนะในที่สุด
กลางคืน
หลันกุ้ยเหรินกอดแขนของลู่ยุ๋นหลัวพร้อมกับร้องห่มร้องไห้
"เสด็จพี่หลัว หลังจากเจ้าไปที่นั่นเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ รู้ไหม ?"
"เสด็จพี่หลัว หลังจากเจ้าไปแล้วข้าควรทำอย่างไรดี ?"
"เสด็จพี่หลัว ถ้าเจ้าไปแล้วใครจะทำอาหารให้ข้าทาน ?"
"เสด็จพี่หลัว...เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว..."
หลันกุ้ยเหรินร้องไห้จนน้ำมูกและน้ำตาไหล
สภาพคร่ำครวญของนาง ราวกับไว้ทุกข์อย่างใดอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...