ลู่ยุ๋นหลัวอยากจะบอกว่านางยังไม่ได้ตาย
จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว
นางเลยหยิบเหล้าขาวในมิติพิเศษออกมาหนึ่งไห
หลันกุ้ยเหรินดื่มไปได้เพียงจอกเดียวก็เมาฟุบล้มลงบนโต๊ะทันที
ในที่สุดหูของลู่ยุ๋นหลัวก็เงียบสงบลง
นางขอให้ข้ารับใช้ช่วยพยุงหลันกุ้ยเหรินเข้าไปในห้อง
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวกลับมาที่ห้องตนเอง แม่นมโจวและหยินซวางก็กำลังเก็บข้าวของอยู่
ตาของหยินซวางยังคงแดงทั้งสองข้าง นางยังคงปัดเช็ดไปที่ตาอยู่ครั้งคราว
ลู่ยุ๋นหลัวรู้ดีว่านิสัยหยินซวางเป็นคนไร้เดียงสาและเป็นคนคิดน้อย ดังนั้นนางจึงไม่ได้อยากที่จะอธิบายอะไร นางหันไปหาแม่นมโจวที่เอาแต่เงียบอยู่ข้าง ๆ
“แม่นม เรื่องครั้งนี้เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร ?”
แม่นมโจวคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูด "นายหญิง เรื่องนี้คงต้องหารือกันอีกยาว และต้องวางแผนอย่างรอบคอบถึงจะได้"
ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า "แม่นมรู้ใจข้าดีเป็นที่สุด จัดเก็บของเถอะ"
การเดินทางไปยังมณฑลซ่างหยวน
เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของนางที่จะออกจากวัง
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นแผนการของสนมเหยาที่อยู่เบื้องหลัง
เช่นนั้นนอกวังจะต้องมีคนลอบสังหารนางอย่างแน่นอน
ถึงเวลานางนางก็จะได้เอาแผนซ้อนแผน
จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ(กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ หมายถึง การหลบหนีโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว)
เปลี่ยนตัวตนและปกปิดชื่อเสียงเรียงนาม แค่นี้ก็สามารถหลบหนีออกจากวังแห่งนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์
อีกทั้งยังไม่ต้องลำบากถึงท่านตา
เพียงแต่ว่าหลังจากนี้นางจะไม่สามารถไปพบเขาได้อย่างเปิดเผยแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ลู่ยุ๋นหลัวก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
แต่เมื่อนึกถึงจวนอัครมหาเสนาบดีที่ถูกประหารอย่างไร้ความเป็นธรรม นางก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่นางต้องทำ
หยินซวางที่อยู่ด้านข้างก็กระพริบตาที่แดงระเรื่อทั้งสองข้างของนางด้วยสีหน้ามึนงง
ของอะไร ?
แผนอะไร ?
เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจสิ่งที่นายหญิงและแม่นมโจวกำลังพูด ?
ลู่ยุ๋นหลัวเตรียมอาหารไว้มากมายและโยนเข้าไปในมิติพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีของใช้ประจำวัน เครื่องนอนและของอื่น ๆ อีกมากมาย
ถึงอย่างไรระยะทางยังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าการเดินทางนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
แม่นมโจวและหยินซวางจัดเก็บข้าวของเฉพาะที่นำติดตัวไปด้วยเท่านั้น
วันที่เช้าตรู่ก็ถึงเวลาออกเดินทางซึ่งฟ้าก็ยังไม่สว่าง
มีคนติดตามไปด้วยราว 100 คน
ทหารอารักขาล้วนเป็นยอดฝีมือภายในวัง
การเดินทางครั้งนี้ นอกจากนางแล้ว ยังมีข้าราชการระดับสูงซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายตรวจการนามว่าหลิวหรือก็คือหลิวยู่ชึซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยฝ่าบาทให้เป็นทูตตัวแทนของจักรพรรดิ เพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์โรคระบาดนี้เป็นหลัก
และยังมีแพทย์จากหอแพทย์หลวงกว่า 100 นายและเกวียนขนเสบียงขนาดใหญ่หลายเล่ม
กะดูจากสายตาแล้วองคมนตรีเกือบทั้งหมดของพระราชสำนักก็ได้มาส่งเสด็จกันทั้งหมด
นางในนามของฮองเฮาเสด็จไปยังมณฑลซ่างหยวนเมื่อปลอบขวัญกำลังใจของพสกนิกร
ตามกฎของพระราชพิธีจะต้องห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว
ก่อนเคลื่อนขบวนเสด็จก็ยังมีพิธีรีตรองยาวเหยียดอีกช่วงหนึ่ง
ลู่ยุ๋นหลัวหันมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจี้อู๋เจวี๋ย
เมื่อกรอกตาหันไปมองอีกทางก็เห็นร่างของเขานั้นอยู่บนกำแพงเมือง
รวมไปถึงสนมเหยาข้างพระวรกายของเขาที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม
ทั้งสองยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก
พร้อมกับมองมาทางนาง
เหมือนคู่รักสามีภรรยาที่สวรรค์ประทานมาอย่างใดอย่างนั้น
ทันใดนั้นความอึดอัดก็ปรากฏขึ้นตรงกลางอกของลู่ยุ๋นหลัว
เป็นความรู้สึกไม่เต็มใจที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากมองภาพเหตุการณ์ตรงนั้น พริบตาเดียวก็ตัดใจทิ้งไปได้
หลังจากออกมาจากวัง นางก็เป็นดั่งนกที่เป็นอิสระและไม่มีใครควบคุมนางได้อีกต่อไป
นางควรจะมีความสุขสิถึงจะถูก
ดังนั้นจึงโบกมืออย่างมีความสุขให้กับเงาที่อยู่ไกล ๆ นั้น
ทะเลกว้างใหญ่ที่ให้ปลาได้แหวกว่าย ท้องฟ้าอันสูงลิ่วที่พอนกได้โบยบิน
จี้อู๋เจวี๋ย อย่าได้เจอกันอีกเลย !
บนกำแพงเมืองจากที่ไกล ๆ
จี้อู๋เจวี๋ยยังคงประทับอยู่บนกำแพงนั้นด้วยพระพักตร์ที่เย็นชา
ทั้งพระวรกายของเขากลับมีบรรยากาศบางอย่างที่ไม่ควรเข้าใกล้
ขณะที่เขาเป็นถึงกุนซือและต่อสู้ในสนามรบ เขาก็ยังคงเป็นถึงข้าราชการระดับห้า
ตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายตรวจการเลยหัวสูงแล้ว ?
เมื่อนางเห็นว่าท่านตาของนางกำลังจะทะเลาะกับหลิวยู่ชึ นางจึงรีบลดม่านที่เกี้ยวเสด็จลง
ยังไม่ทันได้ออกเดินทาง ก็อย่าเพิ่งทะเลาะกันเรื่องด้วยเล็กน้อยเลย
ให้ท่านตาของนางตามไปด้วยก็แล้วกัน
รอจนกว่าจะถึงที่นั่นก็ค่อยดูสถานการณ์อะไรอีกที
ดังนั้นขบวนรถจึงออกเดินทางอีกครั้ง
ที่ชั้นสามของหอเซียนแพทย์ในเมืองหลวง
ชายชุดแดงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
ผู้เฒ่าถังก็คอยปรนนิบัติเขาอย่างระมัดระวัง
ท่านนี้เป็นบุคคลที่ในมือได้ครอบครองป้ายตราประจำอักษรเทียน
เขาอยู่ในหอเซียนแพทย์มาหลายแรมปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรูปลักษณ์ของผู้ถือครองป้ายตราประจำอักษรเทียน
หอเซียนแพทย์ก่อตั้งมาได้ห้าปีแล้ว
แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของที่อยู่เบื้องหลัง
แต่ทุกคนนั้นรู้ดี
หอเซียนแพทย์มีอยู่ห้าป้ายตราประจำอักษร
ซึ่งแบ่งเป็นเซียน เทียน ตี้ ซวน ฮวง
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ครอบครองป้ายตราประจำอักษรเซียนหรือเทียนอันใดอันหนึ่งปรากฏตัว จะต้องล้วนเชื่อฟังคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าพบคนที่มาซื้อยาในวันนั้นหรือไม่ ?” ชายในชุดชุดสีแดงและผมที่ยาว ผิวที่ขาวราวกับหิมะและเนียนละเอียดราวกับอิสตรี
ดวงตาสีแดงราวกับพญาหงษ์ที่ยาวเรียวนั้นช่างสวยงามและน่าหลงใหล เสียงที่เปล่งราวกับเกียจคร้านและมีเสน่ห์
“รายงงานใต้เท้า ยังหาไม่พบเลยพะยะค่ะ” หลังจากคุณชายท่านนั้นมาซื้อยาก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย
“หาไม่พบเหรอ” ชายในชุดแดงเลิกคิ้ว เพียงใช้มือสัมผัสไปที่โต๊ะเบา ๆ พริบตาโต๊ะก็พังทลายทันที
ผู้เฒ่าถังคุกเข่าลงด้วยความตกใจทันที
ชายชุดแดงลุกยืนขึ้น กลางอากาศก็ราวกับมลมที่ไร้รูปลักษณ์พัดโบกผมของชายคนนั้นจนปลิวสยาย ชายชุดคลุมก็พัดโบกตามแรงลงเช่นกัน
ใบหน้าที่เย้ายวนนั้นเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“ไอพวกขยะ !”
"ใช้กำลังทั้งหมดของเจ้าเพื่อค้นหานาง แม้ว่าเจ้าจะต้องขุดเมืองหลวงทั้งหมดลงไปในดินลึกถึงสามฟุตก็ตาม !"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...