ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 219

15 วันต่อมา

ในที่สุดขบวนพลของลู่ยุ๋นหลัวก็เดินทางมาถึงอำเภอกู่เฉิงซึ่งเป็นอำเภอติดกับมณฑลซ่างหยวน

เดิมทีหลิวยู่ชึที่ติดตามมาด้วยก็คิดว่าฮองเฮาผู้บอบบางผู้นี้ต้องทนรับแรงกระแทกสั่นโคลงระหว่างทางไม่ไหว และคงจะหาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่จะทำให้การเดินทางล่าช้า

ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการเดินทางจะหนักหนาสักเพียงใด แม้กระทั่งมีอยู่หลายครั้งที่ต้องนอนกลางป่าเพื่อเร่งต่อการเดินทาง แม่นางคนนี้ก็ไม่เคยพูดอะไรสักคำ

แม้แต่อาหารที่พวกเขากินก็เหมือนกับพวกเขา แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ

สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

สำหรับนายหญิงในคำบอกเล่าท่านนี้ เขาก็ได้เก็บอคติก่อนนี้ที่มีอยู่เอาไปทิ้งอยู่ไม่น้อย

กลุ่มคนเป็นขบวนที่ยังไม่ได้เข้าเมือง ก็เห็นเข้ากับเจ้าอำเภอของอำเภอกู่เฉิงที่พากลุ่มผู้คนมาต้อนรับ

ข่าวที่ว่านายหญิงฮองเฮาจะเสด็จไปยังพื้นที่ภัยพิบัติในจมณฑลซางหยวนด้วยพระองค์เองนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วมณฑลและอำเภอใกล้เคียงเมื่อหลายวันก่อน

สิ่งที่ลู่ยุ๋นหลัวหมายถึงคือนางเตรียมจะพักผ่อนที่นี่ในคืนนี้ก่อน เพื่อเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมณฑลซ่างหยวนจากนั้นค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า

ถึงอย่างไรการเดินทางเร่งรีบอยู่ตลอดทาง ผู้ติดตามต่างก็ล้วนเหนื่อยล้าไม่มีมีแรงกันแล้ว อีกทั้งท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดเร็ว ๆ นี้ ในเวลานี้การเลือกพักผ่อนในอำเภอใกล้เคียงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

หลังจากลงหลักปักฐานที่มั่นแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็ได้เรียกหลิวยู่ชึและเจ้าอำเภอแห่งอำเภอกู่เฉิงเข้าพบ

เจ้าอำเภอแห่งอำเภอกู่เฉิงมีนามว่าเหอเต๋อซวน

เมื่อเจ้าอำเภอเหอข้ามผ่านเข้าประตู เขาก็เห็นแม่นางที่นั่งอยู่ด้านบน

นางมีรูปลักษณ์งดงามอันเย้ายวนใจ บรรยากาศราวกับได้หลุดพ้นจากข้อพันทนาการของโลกไปแล้ว รวมถึงดวงตาที่สุกใสราวกับผืนน้ำในฤดูใบไม้ผลิ

ทุกท่วงท่ากิริยาแฝงไปด้วยความงดงามอันเจิดจรัส

เหอเต๋อซวนไม่กล้าที่จะมองไปมากกว่านี้ เขารีบคุกเข้าลงเพื่อถวายบังคม

ลู่ยุ๋นหลัวไม่ได้สนใจพิธีการเหล่านี้อะไรมากนัก

รีบสั่งให้เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

"เจ้าอำเภอเหอ ข้าคิดว่าเจ้ารู้ดีว่าจุดประสงค์ของการมายังที่แห่งนี้ของข้าครั้งนี้คือเรื่องโรคระบาดในมณฑลซ่างหยวน ตอนนี้ผู้คนที่เป็นโรคระบาดมีอาการเช่นไรบ้าง ? มีผู้ติดเชื้อแล้วกี่คน ? เสียชีวิตแล้วกี่คน ? และพบโรคนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” ลู่ยุ๋นหลัวถามแบบเปิดประตูพบภูเขาอย่างตรงประเด็น

เจ้าอำเภอเหอผงะไปเล็กน้อย

เขาถูกลู่ยุ๋นหลัวถามอย่างไม่ทันตั้งตัว

เขาคิดว่ากิ่งทองใบหยก(กิ่งทองใบหยก ในที่นี้หมายถึง ฐานะที่เป็นชนชั้นสูง)อย่างนายหญิงซึ่งเป็นฮองเฮามาที่มณฑลซ่างหยวนเพียงเพื่อให้ผ่านไปเป็นพิธีการเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะถามเกี่ยวกับโรคระบาดด้านต่าง ๆ ในทันที จนเขาก็เกิดความลำบากใจทันที

แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้กับมณฑลซ่างหยวน แต่เขาก็รู้เพียงแค่ว่าโรคระบาดได้เกิดขึ้นในอำเภอไท่หลิงของมณฑลซ่างหยวนเท่านั้น ส่วนสถานการณ์รายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับโรคระบาดเขาก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว

หลังจากโรคระบาดได้แพร่ระบาดที่อำเภอไท่หลิง ดังนั้นใครก็ตามที่เป็นคนของอำเภอไท่หลิง เขาก็ไม่อนุญาตให้เข้ามาทั้งสิ้น เขาจึงจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

ใบหน้าของลู่ยุ๋นหลัวหมุ่นหมองลงเล็กน้อย

แม้แต่ใบหน้าของหลิวยู่ชึก็ยังหมุ่นหมองเช่นกัน

ตอนนี้เวลาก็ตั้งเท่าไหร่แล้ว เจ้าอำเภอคนนี้ยังถามหนึ่งไม่รู้สาม (ถามหนึ่งไม่รู้สาม หมายถึง ไม่รู้อะไรสักอย่าง)

หลิวยู่ชึจึงเอ่ยพูดเสียงทุ้มทันที “ยังไม่รีบไปสอบถามอีก !”

“พะยะค่ะ!” เหอเต๋อซวนรีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและรีบออกไปสอบถามทันที

โชคดีที่เหอเต๋อซวนคนนี้ถือได้ว่าทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ในช่วงตอนเย็น เขาก็นำข่าวทั้งหมดที่เขาสอบถามมาทูลให้ลู่ยุ๋นหลัวฟัง

สถานที่ที่เกิดโรคระบาดในมณฑลซางหยวนครั้งนี้คือเกิดขึ้นที่อำเภอไท่หลิง

ว่ากันว่าโรคระบาดในครั้งนี้คือโรคฝีดาษที่แพร่ระบาดอย่างรุนแรง

โดยค้นพบเมื่อประมาณ 20 วันก่อน

อาการส่วนใหญ่คือ ไข้สูง มีไข้ มีตุ่มหนองทั่วตัว ในรายที่อาการเป็นหนักและหายดีขึ้นจะเหลือรอยแผลเป็นสูงต่ำที่ไม่เท่ากัน

ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 2,000 คน

อีกทั้งยังมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งเมืองผู้คนต่างตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ท่านอ๋องเฉินรีบไปที่อำเภอไท่หลิงทันทีที่เกิดโรคระบาด

ท่านอ๋องเฉินไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเคยผ่านสถานการณ์เกี่ยวกับโรคระบาดเมื่อ 10 ปีก่อนด้วย ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์อย่างมากในด้านนี้

ในวันที่สองหลังจากท่านอ๋องเฉินมาถึงอำเภอไท่หลิง เจ้าอำเภอของอำเภอไท่หลิงก็ได้สั่งปิดเมือง

เนื่องจากในช่วงที่เกิดโรคระบาดเมื่อสิบปีที่แล้ว ท่านอ๋องเฉินได้ช่วยผู้คนโดยการทดลองยากับตนเอง ผู้คนจึงให้ความเคารพและนับถือในหัวใจของท่านอ๋องเฉินผู้นี้มาช้านาน

ดังนั้นการปิดเมืองครั้งนี้จึงไม่ได้ก่อให้เกิดการต่อต้านของประชาชน

ตอนนั้นไม่รู้ว่าผีสางอะไรดลจิตดลใจ

เขาตอบรับคำขอของชายคนนั้น

แม้กระทั่งคนทั่วไปและแพทย์ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ก็ยังถูกจับกุม

แล้วติดป้ายประกาศบอกว่าคนเหล่านั้นถูกอาณาจักรข้างเคียงซื้อตัวไป เผยแพร่ข่าวลือ มุ่งสร้างปัญหา

สิบวันต่อมา คนที่ถูกจับมาทั้งหมดก็ถูกประหารตัดศีรษะทั้งหมด

หนึ่งเดือนต่อมา ผู้คนติดเชื้อโรคฝีดาษก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนเรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป ในที่สุดก็เป็นเรื่องไปถึงพระราชสำนัก

ก่อนที่พระราชสำนักจะส่งคนกลุ่มแรกมา เขาได้ควบคุมความคิดเห็นของประชาชนในอำเภอไว้หมดแล้ว

จนมั่นใจแน่แล้วว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องที่เกี่ยวกับเขาก่อนหน้านี้ไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่

แต่ใครจะรู้ ว่าสองวันก่อนไม่รู้ขั้นตอนไหนที่เกิดมีปัญหา

มีคนได้เปิดโปงเรื่องนี้ แม้แต่ความจริงที่ว่าเขาได้รับทองคำหมื่นตำลึงก็ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน

เพียงชั่วข้ามคืน เรื่องก็กระจายไปทั่วทั้งเมือง

และไม่สามารถปิดกั้นไว้ได้

ผู้คนต่างโกรธแค้นและโห่ร้องให้พระราชสำนักประหารชีวิตเขา

โชคดีที่เจ้าหน้าที่ของพระราชสำนักมาในกลุ่มแรกมีไม่มากนัก และพวกเขาทั้งหมดก็มุ่งความสนใจไปที่การรักษาผู้ป่วย จึงไม่ได้ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้

ตอนนี้ขบวนพลชุดที่สองของพระราชสำนักส่งมาก็กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว

คนกลุ่มนี้ไม่เพียงมีแต่ฮองเฮาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้าราชการระดับสูงในพระราชสำนักอย่างหลิวยู่ชึด้วย

หลิวยู่ชึนั้นเที่ยงธรรมและไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น

ถ้าให้เขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา เกรงว่าหัวของเขาก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในจวนอำเภอทุกวัน ตนเองรู้สึกราวกับว่ามีดาบห้อยอยู่เหนือหัวของเขา และมันพร้อมที่จะตกลงมาเอาชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ

เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

เขาต้องหนีออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น