นอกจากกำลังพลที่ตนเองนำมาแล้ว เขายังหาคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บร่วมมือกัน จากนั้นก็ไปยังจวนอำเภอ
ข้างในเป็นอาคารที่ว่างเปล่าไม่มีคนตั้งนานแล้ว
โชคดีที่ยังพบกุนซือของอำเภอไท่หลิง
หลังจากนำเอกสาราชการออกมา อำนาจการจัดการของอำเภอไท่หลิงทั้งหมดก็ถูกหลิวยู่ชึเข้าควบคุมเป็นการชั่วคราว
อำเภอไท่หลิงมีเต็นท์เตรียมไว้อยู่ไม่น้อยตลอดทั้งปี ไม่นานักหลิวยู่ชึก็จัดให้คนไปตั้งเต็นท์ที่ตอนใต้ของเมือง
โชคดีที่เขตผู้ป่วยที่แยกออกมาไม่ได้ถูกไฟลามไหม้
หลิวยู่ชึยังให้ผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมแม่นางบางส่วนตั้งครัวต้มน้ำขึ้นในหลายแห่งเพื่อทำอาหารและแจกจ่ายโจ๊กข้าว
ก่อนที่ฝนจะตกลงมา เต็นท์ทั้งหมดก็ล้วนถูกกางไว้เสร็จหมดแล้ว
ทางตอนใต้ของเมืองเพียงแห่งเดียวก็มีเต็นท์กางไว้เกือบร้อยหลัง
และยังมีเต็นท์ผ้าขนาดใหญ่อีกหลายสิบหลัง
ภายใต้คำสั่งของผู้เฒ่าถัง ผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกย้ายไปยังเต็นท์ต่าง ๆ ตามความรุนแรงสาหัสของบาดแผล
แม้ว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรงในขณะนี้ แต่ถ้าตามหลักเหตุผลแล้วก็ไม่ควรให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดอยู่ในเต็นท์เดียวกัน
แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะอย่างไรเอาชีวิตให้รอดก่อนอย่างอื่นก็ค่อยว่ากัน
โชคดีที่บริเวณโดยรอบของบ่อเกรอะนั้นไม่ใช่ย่านที่อยู่อาศัย แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ผู้บาดเจ็บก็ยังน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้
เมื่อฟังจากผู้รอดชีวิตได้กล่าวไว้ ในเวลาคืนนั้นมีคนเห็นเจ้าอำเภอเฉาพยายามหลบหนีออกจากเมือง
ผู้คนหลายคนได้ลุกขึ้นจากเตียงมายังถนนเพื่อล้อมจับข้าราชการสันดานหมาคนนั้น
แต่ต่อมาสถานที่หลายแห่งก็เกิดไฟไหม้ ทุกคนก็วุ่นอยู่กับการขนน้ำไปดับไฟ แถวนี้มีแม่น้ำร้างอยู่สายหนึ่ง พอเหมาะพอเจาะที่เอามาดับไฟได้
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
คลื่นความร้อนขนาดใหญ่และคลื่นกระแทกได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยลอยขึ้นไปในอากาศตรงจุดนั้น
มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
ตอนนี้ไฟขนาดใหญ่ทุกที่ในอำเภอไท่หลิงยังคงเผาไหม้ลุกลามตามอำเภอใจของมัน
เพราะทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน
มีคนจำนวนน้อยบางส่วนที่ไปที่แม่น้ำเพื่อตักน้ำมาราด แต่ก็เป็นเพียงน้ำแก้วนึงกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้(น้ำแก้วนึงกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ หมายถึง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ)
ผู้คนต่างเฝ้าดูเปลวเพลิงที่ดุร้ายจากที่ไกล ๆ ที่ค่อย ๆ กลืนกินสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มาตลอดชีวิตจนเหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน
เปรี้ยง ๆ
ท้องฟ้าคำรามกึกก้อง
ห่าฝนที่ตกหนักท่ามกล่างความสิ้นหวังอย่างไร้หนทางช่วยเหลือได้ตกลงมาดัง ซ่า ซ่า
หลายคนเฝ้าดูสายฝนที่โปรยปรายมาซึ่งสายเกินไปพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง
หากห่าฝนตกได้เร็วกว่านี้ ญาติของพวกเขาก็คงไม่ถูกไฟคลอกตายหรอกใช่ไหม ?
เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกใช่ไหม ?
ฝนตกหนักห่าใหญ่นี้ ดูเหมือนราวกับร้องไห้คร่ำครวญเบา ๆ ให้แก่เมืองที่ย้อมไปด้วยเลือดแห่งนี้
เมื่อพูดขึ้นมามันก็ช่างเป็นที่น่าขำขันจริง ๆ
โรคระบาดไม่ได้ครอบงำผู้คนแห่งอำเภอไท่หลิง
แต่กลับเป็นนายอำเภอเฉาเพียงผู้เดียวที่ผลักพวกเขาลงเหวอย่างง่ายดาย
ก็คงจะไม่พูดไม่ได้ ว่าบางครั้งภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ยังทำให้คนกลัวได้มากกว่าภัยธรรมชาติเสียอีก
ฝนตกตลอดทั้งวันก่อนจะหยุดไป
เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเต็มไปด้วยซากพังทลาย
ต่อให้เจ็บปวดมากแค่ไหน ผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดก็ยังคงต้องก้ำกลืนมีชีวิตต่อไป
ในตอนหัวค่ำ
ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปที่ไม่รู้ว่าเริ่มมาจากไหน
กล่าวว่าเหตุไฟไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ราชสำนักต้องการจุดไฟเผาเมืองเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด เลยให้เจ้าเจ้าอำเภอเฉาทำเช่นนั้น
เนื่องจากโรคระบาดที่แห่งนี้ของพวกเขาได้ลุกลามไปจนถึงจุดที่ราชสำนักไม่สามารถควบคุมได้
แม้แต่ท่านอ๋องเฉินก็ติดโรคระบาดแล้วเช่นกัน
ข่าวลือนี้ได้ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
ตามประวัติศาสตร์ของอาณาจักรตงหลาน ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น อำเภอไท่หลิงยังถูกปิดเมืองมาเป็นเวลานานแล้ว
ใครก็ล้วนไม่สามารถออกจากเมืองได้
ในเวลานั้น เนื่องจากผู้คนไว้วางใจท่านอ๋องเฉิน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เป็นเรื่องอะไรขึ้น
เขาเพิ่งได้ยินจากผู้เฒ่าถังซึ่งเป็นหัวหน้าแพทย์ โดยกล่าวว่าโรคโรคฝีดาษในช่วงที่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่ไปยังผู้อื่นได้
เดิมทีวันนี้เกิดไฟไหม้ แต่เพื่อช่วยชีวิตผู้คนเขาก็ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มากเกินไป
ปัจจุบัน สถานการณ์ตอนนี้ผู้คนมากมายแออัดกัน ถ้าภายในมีสักไม่กี่คนที่มีโรคฝีดาษนี้อยู่
เกรงว่าการประท้วงครั้งนี้ ผู้ติดเชื้อก็คงจะมากขึ้นไปอีก
หลิวยู่ชึไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปีนขึ้นไปบนกำแพงเมือง
และตะโกนออกไปเสียงดัง
"ทุกคนฟังข้า ข้าคือหัวหน้าฝ่ายตรวจการของราชสำนัก ไฟลามใหญ่ครั้งนี้ ข้าจะรีบตรวจสอบให้กระจ่างและหาข้อสรุปให้แก่พวกเจ้า ตอนนี้เรื่องโรคระบาดยังไม่ได้รับการแก้ไข หากเปิดเมืองอย่างบุ่มบ่าม ผลที่ตามมาคงจะเกินกว่าจินตนาการได้ ขอให้พวกเจ้าโปรดเข้าใจและอย่ารวมตัวกัน"
"หัวหน้าฝ่ายตรวจการของราชสำนัก ? อย่ามาหลอกพวกเรา ! ราชสำนักเคยบอกว่าจะส่งนายหญิงฮองเฮามาไม่ใช่เหรอ นี่ก็เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว นายหญิงฮองเฮาอยู่ที่ไหนล่ะ ?" คนในฝูงชนถาม
“นั่นสินะ อยากให้พวกเราเชื่อใจในราชสำนัก ก็ส่งนายหญิงฮองเฮามาให้พวกเราได้เห็นก่อนสิ !”
“นายหญิงฮองเฮาเสด็จมาแล้ว !” หลิวยู่ชึกระทืบเท้า เกรงว่าประชาชนจะไม่เชื่อ
“ฮ่า ฮ่า เขาบอกว่านายหญิงฮองเฮาเสด็จมาแล้ว ทำไมพวกเราถึงยังไม่ทราบล่ะ ? ท่านมาถึงเมื่อไหร่ ?”
“วันนี้เพลิงไหม้ใหญ่ขนาดนั้น นายหญิงฮองเฮานางไปอยู่ที่ไหน ?”
"อำเภอไท่หลิงมีทั้งคนตาย คนเจ็บ คนพิการ นายหญิงฮองเฮาจะไปอยู่ที่ไหนได้ ?"
ในใจผู้คนต่างก็ทราบกันดี ว่าอำเภอไท่หลิงตอนนี้เป็นเมืองโรคระบาด !
ใครจะเอาชีวิตมาทิ้งกัน ?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายหญิงฮองเฮา แม้แต่คนธรรมดาก็ยังไม่อยากมาที่นี่กันทั้งนั้น
ราชสำนักปล่อยข่าวออกมาแบบนี้ก็เพื่อให้พวกเขาลดความระมัดระวังลง !
เพื่อในตอนสุดท้ายจะได้เอาไฟมาเผาพวกเขาทั้งหมด
นายหญิงฮองเฮาจะเสด็จมาที่นี่ได้อย่างไร ?
ล้วนโกหกหลอกลวงพวกเขาทั้งหมด !
"นายหญิงฮองเฮาอยู่ที่นี่จริง ๆ" หลิวยู่ชึร้อนรนจนเหงื่อแตกออกมา แต่คนด้านล่างกลับไม่เชื่อเขาเลย
ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะส่งคนไปเชิญฮองเฮาเสด็จมา
ทันใดนั้นก็มีเงาหนึ่งเดินมาทางนี้จากที่ไกล ๆ
หลิวยู่ชึดีใจในทันทีและตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าดูสิ นายหญิงฮองเฮามาแล้ว !"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...