ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 491

“ผมบอกคุณแล้ว สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการหลอกลวงและถูกคนอื่นบังคับบงการ” หัสดินขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา

“เรื่องนั้นฉันทำผิดจริงๆ แต่ฉันมีเหตุผลที่จะทำ เช่นนี้จะให้อภัยกันไม่ได้เหรอ? ทุกคนเคยผิดพลาด เคยทำสิ่งที่ผิด ก็เหมือนคุณ เพื่อที่จะเอาชนะยู่ยี่ ก็ไม่ใช่ว่าเกือบจะขืนใจเธอเหรอ ?"

ดวงตาของเขาหรี่ลงทันใด หัสดินไม่ได้หวั่นไหวเพราะคำพูดของเธอ “คำพูดพวกนี้ทีหลังไม่ต้องมาพูดต่อหน้าผมอีก! ออกไปให้พ้น!”

“หรือว่า พวกเราจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเหรอ?”

“คุณยังตกลงที่จะหย่าได้”

เรนนี่เพียงอยากจะกรีดร้อง “คุณเคยพูดอย่างชัดเจนแล้วว่า นอกจากเธอแล้ว ฉันเป็นคนที่สองที่คุณอยากแต่งงานด้วย และตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะแต่งงานกับคุณ”

"แล้วผมก็บอกคุณอย่างชัดเจนดีแล้วว่าเงื่อนไขนั้นขึ้นอยู่กับการที่คุณไม่ได้หลอกลวงและบงการคนอื่น”

อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้รักจริง ๆ ดังนั้นวิธีจัดการกับการหลอกลวงและการบงการจึงเฉียบขาดเป็นอย่างมาก หากรักจริง สองคำนี้ เพียงแค่ออดอ้อนเล็กน้อย แสดงมันออกมาเล็กน้อย ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายอ่อนลงได้

นี่คือความแตกต่างระหว่างการรักและไม่รักอย่างชัดเจน

เมื่อพูดจบ เขาก็จากไป ปล่อยให้เรนนี่อยู่คนเดียวที่เดิม เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ

ถ้าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้สถานการณ์อีก ก็แสดงว่าเธอสมองหมูแล้วจริงๆ!

เธอสำหรับหัสดินนั้น เขาไม่เคยชอบเธอมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรัก ตั้งแต่แรกเริ่มการนอกใจนั้นคือเขาไม่อาจทนกับสิ่งล่อใจได้ และจากนั้นไม่นานเขาก็เบื่อชีวิตแต่งงาน

เหตุผลที่เขามีความรู้สึกดีต่อเธอนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัยของเธอที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง ไม่เคยทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย และทำตามใจของเขาเสมอ

เขามีความรู้สึกดี แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้นกับเรนนี่

เมื่ออารมณ์ที่แท้จริงของเธอปะทุออกมา เขาไม่อาจจะทนได้เลย คิดว่าเธอเหมือนคนบ้า ผิดปกติ และวิกลจริต

มิฉะนั้นตราบใดที่มีความรู้สึกให้กันเพียงเล็กน้อย แม้ว่าเรื่องแบบนี้จะถูกค้นพบ เขาก็คงไม่ไร้เยื่อใยเด็ดขาดเช่นนี้

ไม่ได้ทั้งตัวคน ไม่ได้ทั้งใจ อย่างน้อยเธอก็ต้องได้อะไรบางอย่าง อย่างเช่นทรัพย์สิน!

ผู้หญิงฉลาดจะรู้จักก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและถอยหลังหนึ่งก้าว ตอนนี้ก็เป็นไม่ได้แล้วที่เธอจะคงอยู่ตำแหน่งนี้ ทำไมถึงจะไม่เก็บเงินอีกสักหน่อยล่ะ?

ในอีกด้านหนึ่ง

รัดเกล้านั้นค่อนข้างชอบสถานที่เริงรมย์แบบนี้มาตั้งแต่เกิด ดนตรีที่ดัง แสงไฟระยิบระยับ และร่างกายที่ขยับเต้น ล้วนเป็นสิ่งที่เขาชอบ

เกือบจะทุกคืน ที่เขาจะไปเยี่ยมเยือนสถานที่แบบนี้

แน่นอนว่าวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เขาไม่ได้เข้าห้องส่วนตัว เพียงแค่นั่งอยู่ที่บาร์ สัมผัสบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของกลุ่มคน หลับตาลงดื่มด่ำกับมัน

จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น สติเขาก็กลับมา ลุกขึ้น และเดินออกไปข้างนอก เป็นสายเรียกเข้าของซาฮาร่า ที่ 2 วันมานี้จับตาติดตามการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด

นิ้วมือข้างซ้ายคีบบุหรี่ไว้ และมือขวาถือโทรศัพท์อย่างสบายๆ เมื่อเขาใกล้จะเดินออกจากทางเข้าของบาร์ เขาก็คิดอยากจะใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้ามา การเบียดดันครั้งนี้ ทำให้โทรศัพท์ที่อยู่ในมือข้างหนึ่งนั้นร่วงหล่นลงบนพื้น

รัดเกล้าเดินออกไป แต่ชายคนนั้นก็เหยียบมันได้ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังแตกหักอยู่ใต้เท้า จึงก้มหน้าลงมอง เมื่อเห็นว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือ ก็หยิบขึ้นมาแล้วใส่ลงในกระเป๋าของเขา

จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้บอกเพื่อนๆ ว่าท้องไม่ดีนิดหน่อย ต้องการเข้าห้องน้ำ

ทุกคนล้วนมีความคิดที่จะเอาเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น เขาถอดแบตมือถือออกก่อน แล้วค่อยแยกซิมการ์ด ชิ้นส่วนทั้งหมดแยกออกจากกัน

หลังจากเดินมาไกล รัดเกล้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขณะที่เขาใส่โทรศัพท์ลงในกางเกงสูทตอนนั้น เขาน่าจะรู้สึกว่ากระเป๋าของเขาหนักขึ้นในทันใด แต่เมื่อสักครู่เขากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

มือของเขาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง แต่เขาไม่พบมัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และกลับไปที่บาร์ทันที

ตามเส้นทางเดิม รัดเกล้าค้นหาโดยทั่วอีกครั้ง โดยมองหาร่องรอยของโทรศัพท์มือถือ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็หาไม่พบ

เขามุ่งไปขอโทรศัพท์มือถือของบาร์เทนเดอร์ และกดโทรออก แต่โทรศัพท์ถูกปิดไว้ เห็นได้ชัดว่ามีคนหยิบเอาไปแล้ว

บาร์นี้เป็นของตระกูลกนกเตรัตน์ การเคลื่อนไหวนั้นจึงยิ่งสะดวก รัดเกล้ากล่าวกับบาร์เทนเดอร์ว่า ตอนนี้ให้ปิดประตูบาร์ก่อน แล้วจึงถามร่องรอยของโทรศัพท์มือถือโดยบอกว่ามีรางวัลใหญ่ให้หากหาพบ

บาร์เทนเดอร์พยักหน้า แสดงออกว่าตัวเขาเข้าใจ

รัดเกล้าให้บาร์เทนเดอรร์เริ่มหามันในตอนนี้ อย่างไรเสียก็มีรูปถ่ายอยู่ในนั้น หากมันถูกพบเข้าโดยหัสดินน้องชายภรรยาของเขา ก็กลัวว่าแม้แต่หนทางรอดชีวิตก็ไม่เหลือแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ รัดเกล้าก็เสียใจอย่างที่สุด เวลาไม่มีอะไรจะทำเขาจึงถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย และก็อัพรูปภาพมากมายเหล่านั้นบนอินเทอร์เน็ต ถ้าจะให้พูดมีผู้หญิงคนอื่นที่ไหนที่เขาถ่ายรูปไม่ได้บ้าง?

คิดไม่ถึงว่าเขาจะถ่ายรูปภรรยาของหัสดิน! เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกประสบความสำเร็จ!

แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะมีรหัสผ่าน แต่ก็สามารถแกะรหัสผ่านได้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีที่สามารถเจาะรหัสผ่านแบบนั้นให้โดยเฉพาะเหรอ?

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงธรรมดา ก็คงไม่มีความรู้สึกนั้นอย่างแน่นอน!

ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่า การมองหาความตื่นเต้นนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่าย

การทำโทรศัพท์มือถือหล่นหายนั้นแน่นอนว่าไม่ได้หาได้ง่ายๆยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ใช่ทุกสถานที่ทุกมุมที่สามารถส่งเสียงไปถึงได้

สำหรับโทรศัพท์มือถือที่หายนั้น เขายอมจ่ายแพง ตราบใดที่ได้มือถือคืน เขาจะจ่ายเงินจำนวนมากให้เป็นการขอบคุณอย่างแน่นอน

หลังจากที่รัดเกล้ารออยู่ในห้องส่วนตัวของตัวเองเป็นเวลานาน เขาก็จากไป ตอนนี้ท้ายที่สุแโทรศัพท์มือถือของเขาก็หายไปอยู่ดี ความกังวลมากมายเช่นนั้นล้วนแล้วแต่เปล่าประโยชน์

ตอนนี้ยังดีซะกว่าที่จะรอหลังจากมีอะไรเกิดขึ้นแล้วค่อยๆ ไปจัดการทีหลัง

เมื่อเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่ควรแยกย้ายกันไป พวกเขาบอกลา พอกลับถึงบ้าน เพื่อนคนนั้นก็ดูรูปในโทรศัพท์ ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหู

ถ้าภาพพวกนี้ถูกส่งออกไป พรุ่งนี้จะต้องเป็นข่าวพาดหัวอย่างแน่นอน หากอยากจะรู้ว่าทำไม ก็เพราะว่าอาชีพของเขาคือนักข่าวบันเทิงน่ะสิ

ผู้ชายที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้านั้น เพื่อนเขาที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั้นไม่รู้จัก แต่เขารู้จัก นี่ไม่ใช่คุณชายแห่งตระกูลกนกเตรัตน์หรอกหรือ?

กลับกลายเป็นว่า พรุ่งนี้คงต้องกังวลว่าจะไม่มีพาดหัวข่าวให้ส่งเสียแล้วสิ ตอนนี้พูดได้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดูเหมือนว่าวันนี้ทุกอย่างนั้นจะถูกจัดวางไว้อย่างเหมาะสมแล้วจริงๆ

แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับดูคุ้นๆ เป็นอย่างมาก และด้วยความจำที่ดีมากของเขา ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นภรรยาของประธานภูษาธรกรุ๊ป แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มาทำเรื่องนี้ด้วยกันได้ยังไง?

แต่ว่าเขาไม่สามารถจัดการอะไรได้มากในตอนนี้ อย่างไรเสีย พาดหัวข่าวก็มีอยู่แล้วในท้ายที่สุด เป็นการเริ่มต้นที่ดี!

วันนี้เรนนี่ยังคงต้องเจอกับยู่ยี่ เนื่องจากเรื่องงาน เธอตั้งท้องมานานแล้ว แต่สีหน้าของเธอกลับดูแล้วค่อนข้างดีมาก ใบหน้าเป็นสีกุหลาบและดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นเรนนี่จึงขุ่นเคืองขึ้นมาด้วยความไม่ยินยอม ล้วนแต่เป็นผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้มีชีวิตที่ต่างกันนัก?

ยู่ยี่คุยกับเธอแค่เรื่องงานเท่านั้น นอกจากเรื่องนี้ เธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยคำใดออกมา ทั้งสองคนไม่เปิดปากคุยกันเลยก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

ในระหว่างนี้ ฉันทัชก็โทรมา และบอกว่าเขามีธุระตอนเที่ยง ไปทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ และบอกให้เธอทานให้อิ่ม อยากทานอะไรก็บอกโก๋ ให้โก๋ไปเอามาให้

เธอนวดหว่างคิ้ว “ฉันไม่ใช่เด็ก 3 ขวบ ไม่ต้องห่วงฉัน แล้วคุณตอนเที่ยงได้ทานอะไรไหม”

“ตอนเที่ยงมีงานเลี้ยง อาจจะต้องดื่มเหล้าเล็กน้อย...”

“ฉันและลูกของคุณไม่ชอบดมกลิ่นเหล้า จริงสิ เขาบอกฉันว่าเขาไม่ชอบมันมาก!” ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ และโยนความผิดให้ลูกของเขา

ฉันทัชที่ถือสายนั้นหัวเราะเบา ๆ "ได้ ผมจะไม่ดื่ม ถ้าผมดื่มอีก พวกคุณจะต้องรังเกียจผมแน่ๆ..."

เรนนี่สามารถได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองเป็นครั้งคราว ก้นบึ้งในใจของเธอนั้นรู้สึกอิจฉาริษยา!

ในขณะนี้ เธอเหลือบมองเห็นรถของหัสดินจอดอยู่นอกอาคารของบริษัท เขาลงจากรถ และอยู่ในชุดสูทที่เรียบร้อย เดินเข้ามา

เธอยืนขึ้น สายตามองไปที่เขา ไม่เข้าใจว่าเขามาทำไม

แต่หัสดินกลับมองยู่ยี่"เอกสารฉบับนั้นเอามาให้ผมอีกฉบับหนึ่ง"

ยู่ยี่พยักหน้าตกลง จัดแจงเอกสาร แล้วมอบให้หัสดิน สีหน้าของเธอราบเรียบ ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ

แต่สำหรับหัสดินนั้น ประกายสีดำในส่วนลึกของดวงตาของเขามีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมาก แต่มันถูกปกปิดเอาไว้

ยู่ยี่ลุกขึ้นและจากไปโดยไม่หยุดรอ หัสดินมองไปที่เรนนี่ "ถ้าคุยจบแล้ว งั้นก็ขึ้นรถ กลับไปที่บริษัท"

เขาเดินนำไปข้างหน้า แต่เพียงแค่ประโยคนี้ ก็ทำให้เรนนี่ยิ้มได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง