พ่อทูนหัวตัวน้อยกะพริบตาปริบๆ กลุ่มคนที่นั่งยองๆข้างโซฟาต่างก็กลั้นหายใจ รอกันอย่างเงียบๆและคุยกันว่าเจ้าตัวเล็กจะพูดคำไหนออกมาก่อน
บางคนก็ว่าปู่ทวด บ้างก็ว่าปู่ ย่า แม่ และลุงใหญ่ ต่างพากันแย่งชิงเพื่อเป็นคนแรก
มีเพียงฉันทัชเท่านั้นที่ไม่สนใจ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ดูสง่างามและมีเสน่ห์ แขนเสื้อถกขึ้นเล็กน้อย ท่าทีเกียจคร้าน
ขาอันเรียวยาวที่ชวนหลงใหลนั่งไขว้กัน มือใหญ่วางลงบนหัวเข่า เคาะเล่นไปมาอย่างแผ่วเบาตามจังหวะ เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่บางอย่าง
ทั้งคฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณคนที่เด็กน้อยชอบที่สุดคือใคร ต้องเป็นเขาอยู่แล้ว
ทุกคืนก่อนนอน เขาจะหอมแก้มนุ่มๆของเด็กน้อย สอนเขาให้เรียกพ่อ จากนั้นก็จะพูดฝันดี
ลูกชายของเขา ประโยคแรกที่พูดได้ก็ย่อมต้องเป็นคำว่าพ่ออยู่แล้ว
ท่ามกลางความสนใจและกระตือรือร้นของทุกคนในครอบครัว ในที่สุดพ่อทูนหัวตัวน้อยก็พูดอ้อแอ้ออกมาสองคำ“กิน!”
ทันใดนั้น คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณก็ถึงกับเงียบกริบไปชั่วขณะ
เงียบจนสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเข็มที่ร่วงหล่นลงพื้นได้อย่างชัดเจน
ฉันทัชนั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้ามีรอยแตกระแหงปรากฏขึ้น นิ้วยาวลูบคลึงไปที่หน้าผากเบาๆ
จากนั้น คุณแม่ธันยวีร์ก็ได้กลิ่นอายของความมืดมนที่กำลังจะเกิดขึ้นลอยมา
และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็น การคาดเดาของคุณแม่ธันยวีร์นั้นถูกต้อง ตั้งแต่วันนั้นฉันทัชก็ออกคำสั่ง“ แต่นี้ต่อไปห้ามเข้าออกสถานที่เล่นไพ่นกกระจอกอีก ”
คุณแม่ธันยวีร์ไม่คิดว่า จากเรื่องที่น่ายินดี จะกลายเป็นการสิ้นสุดชีวิตการเล่นไพ่นกกระจอกของเธอไปได้ !
แน่นอนว่า ผลที่ตามมาของเหตุการณ์นี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้
ทุกคืน เด็กน้อยจะต้องฝึกการเรียนรู้
ชายหนุ่มตัวสูงโปร่ง แขนที่แข็งแรงวางไปยังรถเข็นของเด็กน้อย พูดและสอนทีละคำ“พ่อ”
เด็กน้อยไม่ค่อยตั้งใจเท่าไร ขาป้อมๆทั้งสองข้างปัดเตะไปมาอย่างแรง ปากก็เป่าน้ำลายเล่น มือก็กำลังเล่นของเล่นอยู่
ยู่ยี่รู้ว่าวันนี้เขารู้สึกผิดหวัง พยายามกลั้นขำ“คุณจริงจังเกินไปแล้ว เขายังเด็กมาก รอเขาโตพอ เขาก็จะเรียกได้เอง”
ริมฝีปากฉันทัชยกหยัก อบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิของเดือนมีนา ยังคงพูดต่อ“พ่อ……”
ยู่ยี่“……”
เป็นไปตามความคาดหวังของฉันทัช ภายใต้การซึมซับที่มากขึ้นเรื่อยๆ ชื่อแรกที่เจ้าตัวเล็กเรียนรู้ได้คือว่าพ่อ เพียงแต่เรียกขานได้ไม่ชัด คำว่าพ่อถูกเรียกเป็นอ้อ
แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้รู้สึกดีใจ แต่ความอบอุ่นที่หว่างคิ้วก็ไม่อาจจะปกปิดได้
ฉันทัชนั่งอยู่บนโซฟา ยู่ยี่อุ้มเจ้าตัวเล็กเอาไว้ สอนให้เขาพูด“พระจันทร์!”
เด็กน้อยเริ่มหัดเดินแล้ว นั่งแทบไม่นิ่ง ค่อยแต่จะบิดก้นไปมา รู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขาพูดว่า “อะอัน!”
ยู่ยี่พยายามพูดสอนต่อ“ ไอ ”
“ยัย!”
“หมา!”
“หนา!”
ห้ามไม่อยู่ ยู่ยี่อดหัวเราะไม่ได้ ได้ยินเขาพูด ช่างเป็นความสุขยิ่งในชีวิต
ฉันทัชก็หัวเราะเสียงเบาเช่นกัน เมื่อก่อนไม่เคยรู้ ว่าการเลี้ยงลูกคนหนึ่งจะสนุกและมีความสุขแบบนี้ได้เหมือนกัน
ตอนชุดนอน
ยู่ยี่และเชอร์รีนกับนาโนไปเดินช้อปปิ้งกัน
ทั้งสองคนหยุดอยู่กันที่แผนกชุดชั้นใน เธอไม่ค่อยสนใจ รออยู่นานจนเบื่อ ก็จึงพูดเร่ง
นาโนลากเธอมา“จะเร่งทำไม เธอก็ซื้อไปด้วยชุดหนึ่ง ”
ยู่ยี่ผลักไหล่ของเขา กระดุมเสื้อถูกปลดออกไปหลายเม็ด หลวมและห้อยลง ทำให้ดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
สีหน้าฉันทัชไม่มีทางเลือก เดินออกไปอย่างว่าง่าย เสียงลอดผ่านแผงประตูเข้ามา“ แบบกลางวันหรือกลางคืน?”
……
ครั้งที่สองที่ใส่ชุดชั้นในเซ็กซี่นั้น ในช่วงจังหวะที่สำคัญ เจ้าตัวเล็กก็ดันมาล้มป่วย ไม่มีทางเลือก จึงต้องพับเรื่องนี้ไปอีกครั้ง !
ฉันทัชถอนหายใจยาว สวมใส่เสื้อคลุม จ้องมองเธอ แล้วพูดว่า“ เล่าปี่ยังต้องไปเยือนกระท่อมของจูกัดเหลียงถึงสามครั้ง เส้นทางสู่ชุดชั้นในอันเซ็กซี่นี้ของผมช่างแสนยาวไกล……”
ยู่ยี่รู้สึกว่าเขาดูหมิ่นถ้อยคำของบทกวี
“สามครั้งก็เกินพอ ไม่มีครั้งที่สี่แน่นอน ไม่เช่นนั้นเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะเปล่าประโยชน์……”
เขานวดคลึงคิ้วที่ปวดเล็กน้อย สำนวนที่สวยงามก็สามารถนำมาใช้ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว“ ครั้งต่อไปผมจะเผด็จศึกในทันที ต่อให้จะมีเรื่องหนักหนาแค่ไหนก็ตาม !”
จนกระทั่งครั้งที่สี่ เขาก็เผด็จศึกจริงๆ ทำมันอยู่อย่างนั้นทั้งคืน ในทุกที่ ทุกท่าทาง จนเอวของยู่ยี่ปวดและเหยียดไม่ได้อยู่สองวัน
ตอนเรียนร้องเพลงเด็ก
ยู่ยี่โหลดเพลงสำหรับเด็กลงคอมพิวเตอร์ให้เจ้าตัวเล็กมากมายเต็มไปหมด
อาทิเช่น คุณแม่ฟังหนูหน่อย รักหนูก็กอดหนู เสือสองตัว จับปลาไหล
เธอกะจะสอนกิ่งทองให้ร้องเพลงพวกนี้ แต่กิ่งทองดูจะไม่สนใจเลย เอาแต่บูดบึ้ง “แม่ ผมไม่ชอบฟังเพลงพวกนี้”
“แล้วเราชอบฟังแบบไหนล่ะ?”
กิ่งทองที่อายุสองขวบกว่าหน้าตาเริ่มเปลี่ยน น่ารักจนอดที่จะอยากพากลับบ้านด้วยไม่ได้
เขาพูดเสียงอ้อแอ้ว่า“ผมจะร้องให้แม่ฟัง แม่ตั้งใจฟังนะ ฮายีโยโอโอฮายีโยโอโอ ฮายีโยโอโอ ไปกัน วาโอโอโอ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง