เชอร์รีนแย้มยิ้มออกมา
“เป็นเพราะเขาสั่งสเต๊กให้กับผู้ช่วยหญิงอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่หรอก เป็นเพราะเขาปฏิเสธที่ฉันจะนอนกับเขาในคืนนี้ต่างหาก”
นาโนไม่เคยหลบเลี่ยงกับเรื่องใดๆเสียงของเธอไม่ดังแต่ก็ไม่เบาจนเกินไป ทว่ากลับเป็นเสียงที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างๆได้ยินอย่างชัดเจน
และนั่นส่งผลให้ผู้คนรอบข้างไม่น้อยเลยที่หันกลับมาจ้องมองเธอ
นิสัยของนาโนนั้นเป็นคนเปิดเผย ไม่กังวลกับสิ่งใดนัก เธอไม่สนใจสายตาของผู้คนที่จับจ้องมาที่เธอ
เมื่อได้ยินแล้ว เชอร์รีนจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“บางทีบาดแผลภายในใจของเขาอาจจะยังไม่สมานกันดีนัก แม่ดนัยยังนอนสลบหมดสติอาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนะ เธอจะอยากให้เขาแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นเป็นไปไม่ได้แน่ๆ!”
“ฉันทราบดี ดังนั้นจึงยืดเวลาออกไปและเห็นใจเขามาตลอด เขาทำสงครามเย็นกับฉัน ฉันเองก็พยายามเอาอกเอาใจทำดีกับเขา ฉันก็ยังรับได้ เขาไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับฉัน ฉันเลยย้ายจากโรงพยาบาลมาที่โรงแรมแทน ในช่วงหลายวันมานี้เขาไม่มาหาฉันเลย เขาไม่โทรมาหาแม้แต่สายเดียว ฉันก็ไม่พูดอะไร เมื่อก่อนฉันไม่ใช่นิสัยแบบนี้”
“ฉันรู้ แต่ความรักและการแต่งงานสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้ ไม่มีใครที่จะสามารถคงนิสัยเดิมไว้ได้ตลอดหรอกนะ”
เชอร์รีนเองก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอในสายตา
“ฉันอยากจะละลายความห่างเหินระหว่างเราทั้งสอง แต่เขาไม่มีให้เวลาให้กับฉันเลย ระหว่างเขากับฉันจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดเลยอย่างนั้นหรือ?”
เรียวคิ้วบางของนาโนขมวดเล็กน้อย “ถ้านับตามนิสัยของฉัน นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
“ฉันก็อยากจะคิดหาวิธีการให้กับเธอนะ แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นการแต่งงานของคนอื่น ฉันไม่สามารถสอดมือเข้าไปยุ่งได้แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะช่วยเธอแก้ไขปัญหานี้ไปได้อย่างไร”
เชอร์รีนก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็มีเส้นขีดจำกัดของฉัน ฉันนาโนคนนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง วางใจได้เลย”
ทั้งสองเดินเล่นต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นนาโนจึงกลับไปที่ร้านอาหาร เรื่องในร้านอาหารตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ต้องผ่านมือเธอทั้งหมด
เธอนั่งที่เคาน์เตอร์หลังร้านอาหาร หยิบโทรศัพท์ออกมาและหรี่ตามมอง ก่อนจะกดโทรออกไปอีกครั้ง คนที่เธอโทรหาคือดนัย
“คืนนี้คุณจะกลับไปนอนที่ไหนคะ” เธอถามขึ้นเมื่อปลายรับโทรศัพท์
“ยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลย” คำพูดของดนัยยังเป็นคำเดิม
แต่อารมณ์ของนาโนตอนนี้ไม่ได้ดีเท่าตอนกลางวันอีกอีกแล้ว ในที่สุดเธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมา “คุณกำลังหลบหน้าฉันใช่ไหมคะ คุณตั้งใจที่จะไม่อยากเจอฉันใช่ไหม?”
“ตอนนี้ผมกำลังทำงาน วางก่อนนะ”
ข้างกายของดนัยยังมีผู้จัดการห้างสรรพสินค้าที่กำลังรายงานอยู่ และยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ข้างหลัง เขารู้สึกว่านี่จะทำให้เกิดชื่อเสียงที่ไม่ดีนักสะท้อนกลับมา เขาจึงวางสายโดยที่ยังพูดได้ไม่ถึงสองประโยค
เธอเหม่อมองไปยังโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย ความกรุ่นโกรธที่อยู่ในจิตใจปะทุขึ้น เธอยกมือขึ้นโยนโทรศัพท์ออกไป เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงกระแทกและนั่นแสดงว่าโทรศัพท์ของเธอได้พังไปแล้ว
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว พนักงานของร้านอาหารต่างกลั้นหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
นาโนหงุดหงิดถึงขึ้นสุด เธออยากจะออกไปดื่มเหล้าและเต้นรำ ตราบใดที่สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เธอผ่อนคลายลงได้ เธอก็อยากจะทำมันทั้งหมด
แต่ว่าเมื่อมองไปยังงานที่กองพะเนินอยู่ เธอก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นทิ้งไป
ชีวิตของเธอเริ่มไม่เป็นตามที่เธอวาดฝันมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งต้องอดกลั้นขึ้นไปอีกเรื่อยๆเช่นกัน
เมื่อก่อนมักจะคิดว่าชีวิตมีแต่ความสุขและความเปรมปรีดิ์ แต่ความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น สิ่งเดียวที่เพิ่มขึ้นเมื่อกาลเวลาไหลผ่านมีแต่ความหงุดหงิดก็เท่านั้น
นาโนที่เป็นอิสระและไม่คิดอะไรมากมายในเมื่อก่อนได้หายตัวไปแล้ว หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
ในอีกฝั่งหนึ่ง
ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดัง การเคลื่อนไหวมือของเขายิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้นไปอีก เขาลูบไล้มือไปตามร่างกายของเธออย่างไม่เขินอาย
ท่าทีของบาร์บี้เองก็หนักแน่นขึ้นเช่นกัน เธอผลักมือของเขาออก “คุณอย่าได้ทำเช่นนี้เลยนะคะ ไม่เช่นนั้นหนูจะร้องเรียกคนอื่นมาแล้วนะคะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นและตบลงไปบนใบหน้าของเธอ “แค่ได้รับคำชมเพียงเล็กน้อยยังจะกำเริบเสิบสาน เป็นแค่เด็กนั่งดริ้งค์ยังจะแสดงว่าใสซื่อไปทำไมกัน?”
หลังพูดจบชายคนนั้นก็โน้มตัวลงมากดทับเธอและเริ่มตะโบมจูบ ผู้คนรอบข้างต่างส่งเสียงผิวปากหรือไม่ก็ปรบมือกันทั้งนั้น
หยาดน้ำตาของบาร์บี้ไหลรินออกมาแต่ก็ไม่มีใครช่วยเธอ ในทางกลับกันผู้คนเหล่านั้นกำลังมองดูด้วยความสนุกสนาน
เธอรู้สึกว่าหนทางข้างหน้าช่างมืดมน กระดุมของชุดถูกชายคนนั้นกระชากออกจนเผยให้เห็นสีแดงสด เขายกนิ้วขึ้นและยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ภายนอกที่ดูไร้เดียงสาแต่ที่จริง แอบร่านไม่น้อยเลย ยังจะใส่สีที่สดใสแบบนี้อีก หึหึ…….”
บาร์บี้ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น พยายามดึงมือของเขาออกไป
แต่ก็ไม่สามารถสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย และในช่วงเวลานี้เองก็มีกำปั้นเข้ามาทำให้ชายคนนั้นล้มลงไปข้างๆและส่งเสียงคร่ำครวญ
ดนัยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเย็นชา ชายผู้นั้นไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไปเมื่อมองเห็นกลิ่นอายความไม่ปกติที่ลอยออกมาจากตัวเขา
ในที่สุดร่างกายที่ตึงเครียดของบาร์บี้ที่กำเสื้อผ้าของเธอเอาไว้แน่นก็ผ่อนคลายลง เธอเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ดนัยถอดชุดสูทออก โยนไปให้เธอ “ใส่ซะ!”
หลังจากนั้นดนัยและบาร์บี้ก็เดินออกไปจากผับด้วยกัน เขาเดินข้างหน้าและเธอเดินตามหลังเขาไป
เขาไม่สามารถขับรถได้ เพราะเหล้าที่ดนัยดื่มเข้าไปนั้นไม่น้อยเลย
ดังนั้นบาร์บี้จึงเป็นคนขับ เมื่อมองไปก็เห็นคิ้วของเขาที่ขมวดแน่นผ่านกระจกหลัง
“ประธานจะกลับไปที่ไหนหรือคะ?” เธอถาม
ดนัยไม่พูดอะไรออกมา เขาเมามายและผล็อยหลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง