“ผมผ่อนคลายไม่ได้เลย และสงบสติอารมณ์ไม่ได้ด้วย หากพูดจริงๆแล้ว ในช่วงเวลานั้นผมไม่อยากเห็นคุณเลยจริงๆ ตราบใดที่เห็นคุณ ผมก็คิดได้ว่าเธอหมดสติได้ยังไง และคุณปฏิเสธผมยังไง ไม่อยากเห็นคุณ และมากกว่านั้นคือไม่อยากไปโรงพยาบาลเพื่อเห็นที่เธอที่หมดสติไม่ตื่นขึ้นมา และจากนั้น บาร์บี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี…….”
ดนัยจิบกาแฟและพูดต่อ “เธอเงียบมาก และพอใจได้ง่าย เป็นประเภทที่แตกต่างจากคุณไปโดยสิ้นเชิง คุณนิสัยอารมณ์ร้อน ทั้งยังแข็งแกร่ง เหมือนดั่งราชินี และช่วงเวลาระหว่างเราส่วนมากแล้วคุณจะเป็นคนตัดสินใจ”
“แต่เธอนั้นไม่เหมือนกัน เธอมีนิสัยอบอุ่น ตอนที่ผมหงุดหงิด เธอจะไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ในบางครั้งก็จะยื่นแก้วน้ำหรือน้ำชามาให้ผม ในบางครั้งก็จะถามผมเบาๆว่าผมอยากทานอะไร ตอนที่อยู่กับเธอนั้นเงียบสงบมาก”
“ความหงุดหงิดในใจนั้นสลายหายไป ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับเธอ และอยากจะรู้จักเธอให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันผมก็คิดว่านิสัยของผมกับคุณนั้นไม่เหมาะสมที่จะอยู่ร่วมกันในการแต่งงานเลยจริงๆ”
“ถ้าในตอนแรกคนที่ผมแต่งงานด้วยคือเธอ มันคงไม่ใช่สถานการณ์และชีวิตในตอนนั้นอย่างแน่นอน นิสัยของพวกเรานั้นเข้ากันได้ นี่คือเรื่องจริงทั้งนั้น…….”
นาโนไม่รู้เลยว่า ทำไมตัวเองต้องมานั่งฟังเขาพูดคำพูดเหล่านี้ด้วย
เธอยืนขึ้นอย่างหมดความอดทน
“ในตอนแรกคุณเคยพูดกับฉันแล้วไม่ใช่หรือ?หากวันใดที่ฉันมีความคิดอย่างนั้น ฉันจะต้องบอกกับคุณแน่นอน และจะไม่ปิดบังคุณ ดังนั้นฉันกำลังเคารพเราทั้งสองฝ่าย เคารพในก่อนการแต่งงานว่าฉันก็บอกความคิดที่เป็นความจริงที่สุดของฉันกับคุณ”
สองมือของนาโนกอดอกเอาไว้
“สิ่งที่คุณคิดในใจนั้นก็ไม่ผิดเลยจริงๆ ฉันคนนี้มีนิสัยที่ไม่ดีนัก และยังอารมณ์เสียได้ง่าย ไม่เหมาะสมเลยจริงๆ เธอเป็นคนน่ารัก อ่อนโยนดั่งสายน้ำ จึงสามารถตอบสนองความหยิ่งยโสและความสำเร็จของผู้ชายอย่างคุณได้ ช่างดีเสียจริง!”
“แต่พูดได้อีกอย่างคือ ระหว่างคุณกับฉัน ฉันจะเป็นคนตัดสินใจ แต่เมื่อเป็นระหว่างคุณกับเธอ คุณจะเป็นคนตัดสินใจ ผู้ชายก็ชอบความรู้สึกแบบนั้นกันทั้งนั้น”
“ไม่——”
“หัวข้อนี้จบลงเพียงเท่านี้ ฉันไม่ต้องการพูดถึงต่อไปอีกแล้ว ฉันคิดว่าบางทีฉันนั้นรักคุณมากเกินไป รักจนถลำลึกมากเกินไป รักจนสูญเสียซึ่งความเป็นตัวเอง”
“แต่คุณ กลับไม่รักฉันมากอย่างที่คิด คุณไม่สามารถยอมรับนิสัยของฉันได้ และไม่อาจทนดูสไตล์ในการทำสิ่งต่างๆของฉัน และมากกว่านั้นคือไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเบื้องหลังของฉันเลย”
“ดังนั้น การแต่งงานระหว่างคุณกับฉันเป็นเพียงความวู่วามของคุณก็เท่านั้น หลังจากเวลาผ่านไป คุณก็สามารถเห็นได้ว่าใครที่เหมาะสมกับคุณ ดีจริงๆ ฉันคนนี้ก็แค่หยิ่งยโส ชอบให้คุณอื่นฟังฉันอยู่เสมอ!”
ดนัยขมวดคิ้วเอาไว้แน่น “คุณฟังผม——”
“ฉันยังมีงานมากมายที่ต้องทำ ไม่มีเวลามาฟังคุณพูดอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ฉันจะถามคุณแค่ประโยคเดียว ตกลงว่าวันนี้จะเซ็นชื่อในใบหย่าได้หรือยัง?” เธอหมดซึ่งความอดทนมากๆแล้ว!
“ผมอยากคิดปัญหาเกี่ยวกับลูก วันนี้คงเซ็นชื่อไม่ได้” เขาพูด
“ได้ค่ะ” นาโนพูดตรงๆว่า “ให้เวลาคุณคิดคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เวลาเดิมฉันจะรอผล”
“คำพูดเมื่อกี้ ผมยังพูดไม่จบ”
“คุณพูดไม่จบนั่นคืเรื่องของคุณ แต่ฉันไม่อยากฟังแล้ว ถ้าคุณพูดมากกว่านี้อีกสักคำ น้ำส้มที่อยู่ตรงหน้าฉันก็จะราดลงบนหัวคุณ” นาโนหมุนแหวนบนนิ้วไปมา “คุณไปเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันจะขึ้นไปชั้นบนแล้ว”
“รอเดี๋ยว——”
เขาเปิดปากพูดอีกครั้งว่า “ผมอยากเห็นลูก”
เวลานานมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าลูกมาก่อนเลยสักครั้ง ครั้งนั้นลูกถูกห่อไว้อย่างแน่นหนา ทำไมมองไม่เห็น
นาโนไม่ได้คัดค้าน หันหลังและเดินตรงขึ้นไปชั้นบน
เห็นดังนั้น ดนัยจึงรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ลูกนอนอยู่ที่ห้องนอน มีคนรับใช้คอยดูอยู่
นาโนนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ ยุ่งกับกระดาษออกแบบต่อไป
ดนัยเดินเข้าไป
คังซียังเล็กนัก ในเมื่อเพิ่งอายุได้เดือนกว่าๆเท่านั้น ดนัยแทบไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะต้องเขา กลัวว่าจะบีบแรงไปทำให้เขาแตกสลาย
ดนัยถามคนรับใช้ “เด็กชื่อว่าอะไร?”
ในห้องไม่มีคน มีเพียงเสื้อคลุมที่โยนลงบนเตียงอย่าง ไปไหนอีกแล้วนะ?
เธอเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมและแขวนไว้ข้างๆ เมื่อเห็นกระเป๋าหนังวัว จึงหยิบขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เปิดออก สิ่งที่วางอยู่ข้างในคือใบหย่า
ในตอนแรกที่มองเห็นตัวพิมพ์นั้น นีรดาอารมณ์ดีมาก จึงมองต่อไป แต่เมื่อมองเห็นข้อหลังๆ มือที่ถือกระดาษอยู่นั้นก็เริ่มสั่น
หุ้น 60% ภายใต้ชื่อของเตชะโสภากรุ๊ปมอบให้กับนาโน ยังมีหมายเหตุข้างล่างอีกว่า หุ้นอีก 25% นั้นมอบให้กับคังซี และหุ้น 15% ที่เหลือจะเป็นของนีรดา
ไม่ได้ว่านาโนหย่าร้างแล้วจะไม่ต้องการอะไรสักอย่างของตระกูลเตชะโสภาหรอกหรือ?
งั้นหุ้น 60% นี้นับว่าเป็นอะไรกัน?
แล้วคังซีคือใคร?
น้องชายหรือญาติของนาโน ทำไมถึงได้ส่วนแบ่งหุ้นไปถึง 25% ?
ความดันโลหิตของนีรดาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมากอยู่แล้ว และตอนนี้หลังจากเห็นเนื้อหา ความดันโลหิตทั้งหมดเหมือนจะพุ่งตรงไปยังกลางศีรษะ
เธอค้ำมือไว้ข้างๆเพื่อป้องกันอาการวิงเวียนศีรษะ หยิบโทรศัพท์ออกมา และโทรหาดนัย “ลูกกลับมาเดี๋ยวนี้ รีบกลับมาทันที กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภา!”
ดนัยเพิ่งสั่งของไป จึงพูดว่า “เดี๋ยวกลับไปครับ แม่นอนก่อนเถอะนะครับ”
“ไม่ได้ ลูกต้องกลับมาหาแม่ทันที ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับการเจรจาทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นลูกบอกมาว่าลูกอยู่ที่ไหน แม่จะไปหาลูกเดี๋ยวนี้!” หน้าอกของนีรดามีอาการหอบขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรค่อยพูดกันพรุ่งนี้เถอะนะครับ สถานที่แบบนี้มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น แม่จะมาที่นี่ทำไม นอนเถอะนะ”
ไม่มีทางเลือก นีรดาจึงทำได้เพียงใช้ท่าไม้ตายของตัวเอง “เจ็บ แม่เจ็บหน้าอกจังเลย โอ๊ย ยืนแทบไม่ไหวแล้ว โอ๊ย……”
ได้ยินเสียงร้องที่ดังขึ้นไม่หยุด ในใจของดนัยนั้นกังวลมากจริงๆ จึงลุกขึ้นยืนทันที และไม่หยุดอยู่กับที่อีกต่อไป……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง