อีกด้านหนึ่งที่บาร์
ดนัย ออกัสและหัสดินกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน
เมื่อทั้งสองได้ฟังเรื่องของเตชะโสภากรุ๊ปแล้ว หัสดินก็หัวเราะออกมา “ตอนนี้นายเป็นคนจนจริง ๆ แล้วเหรอ”
ออกัสไม่แสดงความเห็นใด ๆ เพียงแค่นั่งจิบชา เมื่อก่อนเขาคิดว่า เขาได้เห็นหัสดินเป็นตัวอย่าง ดนัยจะได้รับบทเรียนแน่นอน
แต่สุดท้าย ผลลัพธ์ก็ยังออกมาเป็นแบบนี้
ที่จริงถ้าเขาอยากคิดอย่างง่าย ๆ ทุกคนก็มีเรื่องให้กลุ้มใจกันคนละแบบ เรื่องความรักก็เหมือนกัน คงมีแค่ตอนที่ตัวเองอยู่ในสถานการณ์นั้นเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
“ตอนนี้มีแผนยังไงต่อ?” เขาถามขึ้น
“ยังไงตอนนี้ก็ตกงานไม่มีงานทำ ฉันคงใช้เวลานี้ตามง้อเธอ พยายามให้เธอยกโทษให้!”
หัสดินยิ้มขำ แต่สีหน้าดนัยนั้นจริงจังสุด ๆ “ยังไงก็ไม่มีเรื่องหุ้นเข้ามาเกี่ยวแล้ว แค่เอาเธอกลับมา ชีวิตนี้ฉันก็ให้เธอได้!”
“มันก็ใช่ นายยังมีโอกาสกลับไป แต่ฉันสายเกินไปแล้ว”
หัสดินหยุดหัวเราะ และความขมขื่นพลันฉายขึ้นในแววตาของเขา “ฉันขอให้พวกนายสมหวัง!”
ดนัยพยักหน้ากับการตบไหล่ของเขา
หัสดินยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อไล่ความเศร้าโศก
เมื่อก่อนไม่เข้าใจ คิดว่าความรักคือการอยากทำอะไรก็ทำได้ แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า เมื่อเดินออกมาไกลแล้วก็คือไกล พังก็คือพัง
มันย้อนกลับมาไม่ได้ ไม่มีวันกลับคืนเป็นอย่างเดิม
ตอนบ่าย หัสดินไปโรงภาพยนตร์ดูภาพยนตร์เรื่อง So Young คนเดียว
ชายวัยกลางคนกำลังนั่งชมภาพยนต์แนววรรณกรรมในโรงภาพยนต์ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะร้องไห้จนแทบขาดใจ
ตอนที่สุดท้ายแยกย้าย ออกัสได้พูดขึ้นมาเบา ๆ “ถ้าหากตั้งใจแน่วแน่แล้ว นายก็ต้องใช้ใจพยายามให้เต็มที่”
ดนัยชนไหล่กับเพื่อนแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
ยิ่งไม่มีงานทำดนัยก็ยิ่งว่าง
ตอนนี้เขาเป็นคนเร่ร่อนว่างงาน และจะไปโผล่ที่โรงแรมทุกวัน
ตอนเช้า ตอนเที่ยง ตอนบ่าย ไม่ว่าช่วงเวลาไหนเขาก็จะอยู่ที่โรงแรม อุ้มคังซี คุยเล่นกับคังซี แถมยังซื้อช่อดอกไม้ติดมือมาให้นาโนทุกวัน
ดอกไม้ที่นำมามักจะไม่ซ้ำกัน แต่ผลสรุปของมันก็เหมือนกันทุกครั้ง คือนาโนโยนมันลงถังขยะโดยไม่ไยดี
แต่ดนัยมีจิตวิญญาณแห่งความพากเพียรมาเต็ม เขาสะกดคำว่าถอยไม่เป็น และการเสียหน้ายิ่งไม่รู้จัก
“ฉันเคยบอกว่าให้คุณมาหาคังซีได้แต่ไม่เคยพูดว่าให้คุณมาทุกวันแบบนี้ คุณรบกวนการทำงานของฉันนะ คุณรู้ไหม?” นาโนไม่มีความอดทน เธอจึงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“ตอนนี้ผมไม่มีงานทำนี่ครับ? ก็ใช้โอกาสนี้ดูแลคังซีไง ถ้าหลังจากที่ผมหางานได้ คิดว่าคงไม่มีเวลามาหา”
ดนัยทั้งยกยิ้มและมองไปที่เธออย่างนุ่มนวล สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
นาโนยิ้มเยาะ “อย่ามามองฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจแบบนั้น ก็แค่คนเร่ร่อนคนหนึ่ง ยังจะกล้าพูดจาใหญ่โต”
คนเร่ร่อน...
ดนัยไม่มีอะไรแก้ตัว ไม่มีงานทำ ไร้บ้าน ก็ไม่ได้ต่างจากคนเร่ร่อนเท่าไหร่
นาโนที่กำลังนั่งคุยอยู่กับเชอร์รีน บางครั้งเธอก็เผลอมองไปที่ประตูแต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร
หลังจากมองไปหลายต่อหลายครั้ง เชอร์รีนก็เริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เธอยกยิ้มและเอ่ยถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจ “กำลังรอดนัยเหรอ?”
“รอเขา? ทำไมฉันต้องรอเขาด้วย? ฉันกำลังรอราชาที่กำลังไปซื้อบะหมี่ข้ามสะพานมาให้ต่างหาก” นาโนตอบกลับ
“ที่จริง บางครั้งความเคยชินก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ ดนัยมาหาเธอตรงเวลาทุกวัน จนเธอเคยชิน และวันนี้จู่ ๆ เขาก็ไม่มา เธอเลยรู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไปและไม่คุ้นเคยหรือเปล่า?”
“ไม่นะ” นาโนกัดฟันและส่ายหน้าทันที เธอกำลังรอราชา
เชอร์รีนยกยิ้ม “วันนี้ดนัยคงไปหางานน่ะ ตอนนี้เขาเป็นคนเรร่อน และเขายังปฏิเสธความช่วยเหลือจากออกัสกับหัสดิน คงออกไปหาลูกค้าคนเดียว”
นาโนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ และพูดออกมาคำหนึ่ง “สมควร!”
เชอร์รีนแค่ส่ายหน้าและไม่พูดอะไรต่อ
เธอคิดยังไง มันก็ยังอยู่ส่วนลึกในใจเธอนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องพูดพรำบอกอะไรให้เธอ
แต่ว่าตอนที่กำลังกลับ เธอลุกขึ้นและหันมาพูดต่อ “นาโน ฉันคิดมานานแล้วล่ะ รู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่อยากพูด”
“เป็นอะไรไป ทำไมต้องเกรงใจขนาดนั้นด้วย?”
“รู้ไหม เรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างหัสดินกับยู่ยี่ ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกรอบกับพวกเธอนะ”
“แต่ตอนนี้เธอต่างออกไป มีคำกล่าวไว้ว่าอาถรรพ์เจ็ดปี ทุกการแต่งงานไม่ได้ราบรื่น บนเส้นทางการแต่งงานจะมีก้อนหินก้อนเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด คอยทำให้เราสะดุดตลอดเวลา”
“ดนัยก็มีส่วนผิด แต่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบาร์บี้เลย อาจจะรู้สึกดีกับเธอจริง แต่เขาไม่เคยปิดบังเธอ ถ้า… ฉันอยากบอกว่าถ้าเธอยังมีใจให้เขาอยู่… ก็ลองคิดเรื่องคืนดีกันดู… ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง