สองสามคืนนี้ผมนอนไม่หลับเลยบางครั้งก็สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายผมมักจะฝันถึงสิ่งเดิมๆอยู่ตลอดผมฝันเห็นคุณไม่แม้แต่จะมองหน้าผมก็สะบัดตัวเดินจากไปเหลือเพียงแค่ความไร้เยื่อใยทิ้งไว้ให้ผม
ผมกลัวผมกลัวจริงๆนะความหวาดกลัวนั้นมันเหมือนฝังลึกเข้าไปในกระดูกผมกระวนกระวายใจมาก
เขาพูดอย่างเชื่องช้าพรั่งพรูออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำสีหน้าหมองคล้ำ
นาโนเหม่อลอยสายตาตกอยู่ที่เขา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาถึงจุดจุดนี้ได้โนโนผม......”
พอพูดถึงตรงนี้เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงไงต่อดี
เรื่องราวกลับกลายเป็นแบบนี้เขาควรที่จะพูดมันออกมาให้หมดทุกอย่างใช้ทุกหนทางเพื่อให้เธอกลับมาแต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเขาพูดก็ยิ่งเสียแรงเปล่า
เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ในด้านการงานก็ไม่ค่อยแย่แต่ในด้านความรักก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำตัวเองให้มีสภาพเป็นแบบนี้ได้!
ม่านตาดนัยสั่นระริกลูกกระเดือกขยับขึ้นลงรูม่านตาเหมือนจะมีแสงเป็นประกายและเหมือนจะไม่มีแต่ทว่ากลับมองเห็นได้ชัดเจน
ถ้าเดาไม่ผิดสิ่งที่เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเขาอย่างเห็นได้ชัดในเวลานี้ก็คือน้ำตานั่นเอง
นาโนเห็นดังนั้นแล้วใจเต้นสั่นไหวรู้สึกฝืดในลำคอ
เวลานี้เธอนึกถึงคำพูดที่เขาเคยบอกกับเธอว่า
ร่างกายเป็นชายต่อให้ลำบากยากเข็ญแค่ไหนก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะว่าตัวคุณเป็นผู้ชายไม่มีสิทธิ์แสดงความอ่อนแอออกมายังมีคนข้างหลังที่ต้องพึ่งพาคุณอยู่อีกไม่น้อย
เมื่อใดที่คุณอ่อนแอทั้งหมดทุกสิ่งของพวกเธอก็คงต้องพังทลายเช่นกัน!
เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลยเธอรู้จักเขามานานครั้งนี้เป็นครั้งแรก!
ในการจ้องมองครั้งนั้นความรู้สึกเจ็บปวดยิ่งท่วมท้นไม่ว่าจะทำอย่าไงไรก็ไม่สามารถปิดบังมันเอาไว้ได้เบ้าตาดนัยปวดร้าว
ก่อนที่น้ำตาจะรินไหลร่างสูงใหญ่หันไปแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรพร้อมกับเอ่ยว่า“คุณรออยู่นี่นะผมจะลงไปข้างล่างไปซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณ”
พอพูดจบเขาก็ออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง
นาโนนั่งอยู่บนเก้าอี้สีหน้าของเธอไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้วกลับเป็นความรู้สึกอันหนักอึ้งที่พูดออกมาไม่ได้เข้ามาแทน
สุภาษิตกล่าวไว้ว่าผู้ชายไม่ได้มีน้ำตาได้ง่ายๆตอนที่เขาหันหลังไปเธอเห็นได้ชัดว่าน้ำตาเขาไหลออกมา
เธอโอบตัวเองไว้ลำตัวและปลายเท้ารู้สึกเกร็งไปหมด
ออกไปแค่ประเดี๋ยวเดียวดนัยก็กลับมาแล้วใบหน้ายังคงงดงามส่วนโค้งเว้าเด่นชัดและนุ่มนวล“ซื้อเสื้อผ้ามาให้แล้วนะลองสวมดูสิ”
ขนาดไซส์เสื้อผ้าที่เขาเลือกมาพอดีทั้งหมดไม่เล็กไม่ใหญ่เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักไซส์ของเธอเป็นอย่างดี
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเลิกงานพอดีสองคนลงไปข้างล่างขึ้นรถดนัยไปส่งเธอกลับโรงแรม
ถ้าเป็นปกติเหมือนในทุกวันล่ะก็ระหว่างทางดนัยจะพูดไม่หยุดซึ่งนาโนจะห้ามยังไงก็เอาไม่อยู่
แต่วันนี้กลับผิดวิสัยเขาไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
นาโนก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกันบรรยากาศอึมครึมอึดอัดทั้งสองต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร
หลังจากราชาเปิดประตูมองเห็นเสื้อผ้าบนเรือนร่างของนาโนเขาหรี่ตาลงทันที“ผมจำได้ชัดว่าชุดตอนเช้าที่ออกไปไม่ใช่ชุดนี้น นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ผมรู้มั้ย?”
นาโนไม่มีคำตอบใดๆและถามแค่ว่า“คังซีล่ะ?”
วันนี้สีหน้าของเธอมีความแตกต่างจากปกติค่อนข้างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
แม่ของเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมาเลยสักนิดสับสนงุนงงอะไรคือเธอจะไม่ยอมเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว?
เธอพูดแบบนี้แท้จริงแล้วมันหมายความว่ายังไง?
นีรดาก็รู้สึกว่าลูกชายตัวเองทำเกินไป
ถึงแม้บาร์บี้จะชอบเซ้าซี้ไปหน่อยจริงๆแต่เธอก็กำลังป่วยหนักอยู่ให้เธอเข้าไปมันก็ไม่เสียหายอะไรขนาดนั้นไม่ใช่หรอ?
เมื่อก่อนบาร์บี้ก็เคยช่วยเหลือมาไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นในด้านเหตุผลหรือในด้านความรู้สึกเธอก็ล้วนแต่รู้สึกว่าตัวเธอเองควรจะไปเยี่ยมสักหน่อย
แน่นอนเธอไม่ได้กะว่าจะบอกเรื่องนี้กับดนัยล่วงหน้าเธอรู้ว่าถ้าหากพูดออกไปนัยไม่มีทางยอมให้เธอไปแน่ๆ
ได้ยินว่าบาร์บี้อยู่บ้านนีรดาก็หิ้วของไปพบตระกูลเมธาโรจน์
ประตูเปิดออกพอเห็นนีรดายืนอยู่ข้างนอกแม่ของเธอกลับยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นแล้วก็รีบต้อนรับเข้ามา
บาร์บี้ก็เห็นเธอแล้วเช่นกันสีหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ
นีรดาตบมือเธอเบาๆ
“รู้นะว่าหนูน้อยใจแต่นัยเขาคิดเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้แล้วถ้าเขาตัดสินใจแล้วใครก็ไม่สามารถทำให้เขาไขว้เขวได้อีกอย่างเขาก็มีนาโนแล้วก็ยังมีคังซีดังนั้นพอแค่นี้เถอะนะ”
“อย่าทำร้ายสุขภาพตัวเองเลยพูดตามตรงนะบนโลกใบนี้มีผู้ชายตั้งมากมายไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวซักหน่อยสุดหล้าฟ้าเขียวที่ใดไม่มีหญ้าหอมบ้างจะมัวปักใจรักแค่ดอกนี้ไปไย?”
“แต่ผู้ชายพวกนี้ไม่ใช่เขาผู้ชายมีเยอะแยะแต่ดนัยมีแค่คนเดียว!”
บาร์บี้ยังคงพูดไม่รู้เรื่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง