ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เหนือเมฆรู้สึกถึงความไม่ปกติ แล้วก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า "คุณเป็นอะไรไปเหรอ?"
"ไม่มีอะไร ก็แค่ตอนเที่ยงกินเยอะไปหน่อย ตอนนี้ยังไม่หิวค่ะ"
มณิกายิ้มกลบเกลื่อนไปทีหนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่เอกสารที่อยู่บนโต๊ะเล็กน้อย "ฉันกำลังดูเอกสารอยู่ ทำงานอีกครู่หนึ่งก็กะว่าจะกลับไปนอนที่บ้านแล้ว"
"งั้นก็พอดีเลย ผมก็ไม่อยากกินข้าวเหมือนกัน เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่นะ"
เหนือเมฆเดินไปนั่งลงข้างๆ ตัวเธอ แล้วเหล่ตามองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทีหนึ่ง "มีอะไรที่ไม่เข้าใจไหม? ผมสามารถอธิบายให้คุณได้นะ"
ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่ามณิกามีเรื่องอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแต่แค่อยู่เป็นเพื่อนมณิกาทำโอทีไปคืนหนึ่งอย่างเงียบๆ เท่านั้น
พอเลิกงานแล้ว เหนือเมฆก็ลากตัวมณิกาไปกินมื้อดึกสักเล็กน้อย ถึงได้ส่งเธอกลับ‘บ้าน’ไป
ที่อยู่ที่มณิกาบอกกับเหนือเมฆก็คือซอยแห่งหนึ่งในฝั่งตรงข้ามคลับดิมไลท์ แต่ว่าพอเหนือเมฆจากไปแล้ว เธอถึงได้บอกกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ทิวกาลของวายุ
ตอนแรก เธอไม่อยากจะให้เหนือเมฆส่งเธอกลับบ้าน แต่ก็ทนความกระตือรือร้นที่เหมือนดั่งไฟของเหนือเมฆไม่ไหว
พอเข้าอพาร์ทเม้นท์มาแล้ว ข้างในมืดไปทั้งห้อง แล้วยืมแสงสลัวจากข้างนอก มณิกาก็ถอดรองเท้าออก แล้วเดินไปนอนลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วหลับตาลง และไม่พูดอะไร
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง......
เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าดังขึ้นมา
มณิกาล้วงโทรศัพท์ออกมาดู เป็นสายโทรเข้าของเหนือเมฆ
"พี่รอง มีอะไรเหรอคะ?" มณิกานอนพิงพนักโซฟาอยู่ แล้วถามขึ้นอย่างขี้เกียจ
"คุณอยู่ที่ไหน?"
"ฉันอยู่ไหนเหรอ?" มณิกาอึ้งไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เหนือเมฆถึงได้มาถามแบบนี้ "ฉันก็ต้องอยู่บ้านซิค่ะ ยังจะไปอยู่ไหนได้"
"อ๋อ คือผมอยากจะถามว่าบ้านคุณอยู่ไหน อยากจะไปนั่งเล่นที่บ้านคุณสักหน่อยน่ะ"
เหนือเมฆที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์‘อ๋อ’ไปคำหนึ่ง น้ำเสียงค่อยๆ ลากยาว เหมือนเป็นประโยคที่มีความหมายลึกซึ้งประโยคหนึ่ง
ใจของมณิกาหล่นตุ๊บขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นนั่งลงบนโซฟา ในใจก็พูดขึ้นว่า: เขารู้อะไรมาหรือเปล่า?
"ฉัน ฉันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว อยากจะนอนแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะคะ ฉันเช่าห้องอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ถ้าคุณจะมาเหมือนกับว่าจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ถ้ามีเรื่องอะไรพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันดีกว่านะคะ"
เธออ้างเหตุผลมามั่วๆ อย่างหนึ่ง แล้วก็ปฏิเสธเหนือเมฆไป
"ได้ งั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ราตรีสวัสดิ์"
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
มณิกาวางสายไปแล้ว ก็พบว่าตัวเองนั้นขี้ขลาดมากแค่ไหน แล้วก็แอบโล่งใจไปได้ทีหนึ่ง
ในขณะที่ไม่มีใคร ที่หน้าประตูลิฟต์ของลานจอดรถชั้นสองของคลับดิมไลท์ เหนือเมฆกำลังยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
มือของเขากำโทรศัพท์ไว้แน่น สายตาจ้องเขม็งไปที่ตัวเลข......38ที่ลิฟต์แสดงตัวเลขชั้นออกมา!
ชั้น38 เป็นชั้นที่วายุอยู่พอดี
ที่แท้ เธอก็พักอาศัยอยู่กับวายุนี่เอง
......
มณิกาที่อยู่บนตึกนั้นกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย พอนอนอยู่ที่ห้องรับแขกสักพักหนึ่งก็ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือขึ้นมา แล้วเปิดหน้าอินเทอร์เน็ตขึ้นมา และกรอกชื่อเว็บไซต์อันหนึ่งเข้าไปแล้วก็เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ที่ลึกลับอันหนึ่ง
เธออ่านรายละเอียดในเว็บไซต์ไปอย่างระมัดระวัง แล้วก็คอยสังเกตวายุที่อาจจะกลับมาได้ตลอดเวลาไปด้วย
แคร๊ก......
แล้วอยู่ๆ ประตูห้องหนังสือก็โดนเปิดออก มณิกาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นวายุที่เดินเข้ามาเลย
"ทำไมคุณถึงกลับมาแล้วล่ะ?"
เธอแสร้งทำเป็นถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง แต่มือกลับปิดหน้าเว็บไซต์ลงอย่างไม่มีสุ้มเสียง แล้วก็รีบลบร่องรอยการใช้งานของแอคเค้าท์ไป
จากนั้นมณิกาที่เคยสงบนิ่งอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะสงบนิ่งได้อีกแล้ว
ใบหน้าเรียวเล็กที่ขาวใสที่เหมือนกับเป็นหยกขาวชั้นดีกลับมีสีแดงระเรื่อขึ้นมากะทันหัน อับอายจนแทบจะอยากขุดหลุมสักอันแล้วมุดเข้าไปถึงจะดี
อยากจะบ้าตาย แค่กดนิยายเปิดขึ้นมาหน้าหนึ่งไปเรื่อยเท่านั้น ความรุนแรงของเนื้อหาก็คงจะไม่ต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้มั้ง?
แต่ว่าเธอมณิกาเป็นผู้หญิงที่จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ เหรอ?
ไม่ เธอไม่ใช่ ไม่มีทางใช่แน่นอน
มณิกาเลียริมฝีปากเล็กน้อย แล้วกระแอมไอให้ชุ่มคอสักสองสามคำ แล้วพูดขึ้นอย่างสบายๆ ว่า "มีปัญหาเหรอคะ พวกเราล้วนเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะกันแล้ว ใครจะไม่มีความชอบส่วนตัวบ้างล่ะ? อย่าว่าแต่นิยายแบบนี้เลย แม้แต่พวกหนังโป๊แบบนั้น ก็ยังเคยดูมาไม่น้อยแล้ว เชอะ อย่าทำเป็นน่าแปลกไปเลย"
เมื่อคนคนหนึ่งเกิดขี้ขลาดขึ้นมา เสียงพูดก็มักจะดังเป็นพิเศษ
มณิกาพูดเพิ่มเสียงเดซิเบลขึ้นมาสองสามประโยค แล้วก็สลัดมือของวายุออกแล้วลุกขึ้นมาเลย "ฉันดูจนพอใจแล้ว แนะนำให้คุณฟรีๆ เลย เก็บไว้ค่อยๆ ดูไปเถอะ ฉันไปนอนก่อนนะ"
เธอลุกขึ้นแล้วก็อยากจะเผ่นหนีเลย
แต่ว่าตัวเพิ่งจะลุกขึ้น ก็โดนวายุกดตัวเอาไว้กับเก้าอี้ใหญ่แล้ว มือทั้งสองของเขายันอยู่ที่พนักเก้าอี้ กักขังเธอไว้บนเก้าอี้ สายตาที่แหลมคมจ้องมองเธอไว้ในพริบตา แล้วถามขึ้นว่า "คุณกับเขา ดูด้วยกันบ่อยๆ เหรอ?"
มือทั้งคู่ของชายหนุ่มจับพนักเก้าอี้ไว้แน่น จนข้อนิ้วดังกรอกแกรกขึ้น ปฏิกิริยาก็เยือกเย็นจนทำให้คนรู้สึกกลัว
มณิกาโดนสายตาที่ร้ายกาจของวายุจดจ้องจนรู้สึกกลัวไปทั้งตัว แต่ก็พยักหน้าให้อย่างไม่มีสุ้มเสียง "ใช่ คุณอยากจะได้เว็บไซต์เหรอ? ฉันมีเยอะมากเลยนะ หรือว่า คุณก็อยากจะดูด้วยกันกับฉัน?"
คำพูดที่โต้เถียงพูดโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมอง ถึงปากจะได้เปรียบ แต่พอพูดจบแล้วเธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังดึงความซวยมาให้ตัวเอง
ในเส้นทางของการดื้อดึงนั้น สเต็ปรวดเร็วอย่างกับรถวิ่งหนึ่งร้อยแปดสิบไมล์ต่อชั่วโมงปานสายฟ้าแลบจริงๆ!
พอคำพูดของเธอพูดจบลง วายุก็ไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่ว่าดวงตาที่ดำสนิทจนไม่เห็นความลึกนั้นจดจ้องเธออยู่คลอด หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป หนึ่งนาทีผ่านไป สองนาทีผ่านไป......
ความกดดันที่ยิ่งใหญ่แทบจะทำให้ใจของเธอหยุดนิ่งไปเลย หายใจก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า