เห็นเธอมึนงง มีสีหน้าโศกเศร้าและสิ้นหวัง วายุก็รู้สึกแปลกใจ
ต้องรู้ว่าทั้งเมืองจันทรา มีผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิ่งเข้ามาหาเขา พยายามล่อเขา อยากจะท้องลูกของเขากันทั้งนั้น
แต่เมื่อมณิกาท้องลูกของเขา มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอเจ็บปวด
คำพูดที่มณิกาเคยพูดก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา 'วายุ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะบูชาเงิน อยากจะแต่งเข้าไปในตระกูลเดชากุล คุณอย่าคิดไปเองมากนักเลย'
"แค่คุณลาออกจากงานที่คลับ ผมจะเชิญทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมารักษาพ่อคุณทันที ค่าผ่าตัดก็ฟรี"
เขายืนอยู่หน้าเธอ มองเธอด้วยท่าทีที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง
มณิกาหลับตา บนใบหน้าที่ผิดหวังของเธอไม่มีอารมณ์มากนัก "เช่นนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะลาออกจากงาน แต่ฉันก็จะเอาเด็กออก คุณก็จะรักษาพ่อของฉันใช่ไหม?"
เธอไม่รอให้เขาตอบกลับ
เธอเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยดวงตาที่เจ็บปวดอยู่สองสามวินาที
เขาพูด "เพ้อฝัน"
"เหอะ งั้นก็รบกวนคุณไม่ต้องพูดให้ดูสูงส่งขนาดนั้น คุณอยากให้ฉันคลอดลูกให้คุณ แล้วคุณจะรักษาพ่อของฉัน มันก็เป็นแค่ธุรกรรมเท่าเทียมกันไม่ใช่เหรอ"
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้น ใช่ว่ามีแค่เงินก็จะเชิญพวกเขามาได้
ทำไมมณิกาถึงมองความจริงไม่ออกแบบนี้
"คุณยังสามารถขออะไรได้อีก"
วายุพูดเบาๆ
"ฉันไม่..." กำลังจะพูดคำว่า 'อยาก' ออกมา แต่จู่ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นได้แล้วพูดว่า "ถ้าคุณสามารถช่วยฉันสืบเรื่องอุบัติเหตุของพ่อกับแม่ฉัน ฉันก็จะรับปากคุณ"
ถ้าเด็กคนหนึ่งสามารถทำให้พ่อบุญธรรมของเธอกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แล้วคืนความยุติธรรมเรื่องอุบัติเหตุให้พวกเขาได้
แน่นอนว่ามณิกาต้องยอมอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าการที่เธอทำแบบนี้มันผิดต่อเด็กในท้องของเธอ แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ วายุ ถ้าเขาอยากจะให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาจริงๆ เขาจะต้องมีวิธีที่นับไม่ถ้วน
แทนที่จะโต้ตอบเขา ไม่สู้ธุรกรรมเท่าเทียมกันกับเขาดีกว่า
"ได้"
วายุรับปากอย่างง่ายดาย
มณิกากัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เธอโน้มตัวลงแล้วก้มหน้าอย่างอ่อนแรง ก้มหน้าลงมองไปที่พื้นแต่ก็ไม่พูดอะไร
ไร้ความสามารถ
เพราะว่าตัวเองไร้ความสามารถ ทำให้เธอปกป้องพ่อแม่บุญธรรมของตัวเองไม่ได้ แม้แต่สิทธิ์ในการตัดสินใจที่จะคลอดหรือไม่คลอดลูกก็ยังไม่มี
เธออยากจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
"แต่ว่า คุณต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของตระกูลเดชากุล"
"ขอเวลาอีกสองสามวันได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ "
มณิกาสูดหายใจเข้าลึกๆ เอียงหน้าออกไปมองรถบนท้องถนนด้วยความเบื่อหน่าย
วายุบอกเงื่อนไขให้เธอฟัง
จากนั้นก็ขึ้นรถออกไป
มองดูรถเก๋งที่กำลังแล่นออกไป มณิกาก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว หนาวราวกับว่าเธออยู่ในห้องใต้ดินที่มีแต่น้ำแข็ง
ตัวเองเป็นแต่เครื่องมือคลอดลูก ไม่เช่นนั้น วายุจะเฉยเมยกับเธอขนาดนี้ได้ยังไง
บ้านของตระกูลเดชากุล
หลังจากที่ วายุกลับมาถึงบ้าน เขาก็เจอกับนายหญิงเนตร
"ณิกาเป็นยังไงบ้าง"
ทันทีที่เจอกัน นายหญิงเนตรก็เป็นห่วงใย มณิกา แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นห่วงเด็กในท้องมากกว่า
ใบหน้าที่หล่อเหลาของ วายุเย็นชาลง "ผมอนุญาตให้ มณิกา คลอดลูกของตระกูลเดชากุล แต่ผู้หญิงของผม ต้องเป็นคนที่คู่ควรกับผม"
ช่วงนี้ วายุกำลังคิดมาก
บวกกับการที่เขาติดต่อกับธิกานต์อยู่บ่อยๆ เขาเห็นว่าเธอเป็นคนที่ไม่เลวคนกนึ่ง แล้วยังเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมีความสามารถในเมืองจันทรา ให้เธอแต่งเข้ามาในตระกูลเดชากุล มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
"นายกำลังพูดอะไร ธิกานต์ดีตรงไหน?"
ในตอนนี้เอง มณิกาที่กำลังเหม่อลอยคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างถนนก็ตกใจเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชื่อของเหนือเมฆก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ
"ณิกาจ้า คุณจะเลี้ยงไม้เสียบเนื้อย่างผมไม่ใช่เหรอ อะไรกัน ไม่รักษาคำพูดแล้วเหรอ?"
เหนือเมฆพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
ผ่านโทรศัพท์ เธอสัมผัสได้ถึงความสบายใจที่ไร้ความกังวลของเหนือเมฆ
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอิจฉาเหนือเมฆ
อิจฉาที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ถึงแม้ว่าเขาจะถูกคนอื่นเยาะเย้ย แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง ทำตามใจตัวเองต้องการ
"รักษาคำพูดอยู่แล้ว อีกหนึ่งชั่วโมง เจอกันที่ร้านอาหารริมทางแซ่ลินตรงถนนประชาสิทธิ์"
"ตกลง ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ให้ผมไปรับคุณไหม?"
"ไม่เป็นไร"
"โอเค เดี๋ยวเจอกัน"
หลังจากวางสาย มณิกาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปที่คลับดิมไลท์
ไปเจอกับผู้จัดการที่คลับ เธอขอลาออก ผู้จัดการก็ตอบตกลง และสั่งให้ฝ่ายการเงินจ่ายเงินเดือนให้เธอทันที
มณิการู้ว่าคลับดิมไลท์อยู่ภายใต้ชื่อวายุ เธอไม่แปลกใจที่ผู้จัดการยอมให้เธอลาออกง่ายขนาดนี้
จากนั้นเธอก็ไปบอกลาเพื่อนๆ ที่แผนกรักษาความปลอดภัย เพราะว่าซีนไม่อยู่ มณิกาก็ทำได้แค่ไว้มีโอกาสแล้วค่อยเลี้ยงข้าวซีน
หลังจากออกมาจากคลับ เธอก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปที่ร้านอาหารริมทางแซ่ลินตรงถนนประชาสิทธิ์ เมื่อเธอมาถึง รถมาเซราติสีน้ำเงินของเหนือเมฆก็จอดอยู่ข้างๆ อยู่แล้ว
เขากำลังนั่งเล่นโทรศัพท์รอเธออยู่ข้างใน
จู่ๆ มณิกาก็รู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเหนือเมฆจะเป็นลูกเศรษฐี แต่เมื่อเทียบกับวายุ เหนือเมฆกลับมีความเป็นมนุษย์มากกว่าเขาซะอีก
ก๊อกๆๆ
เดินเข้าไปเคาะกระจกรถ จากนั้นก็พูดกับเหนือเมฆผ่านหน้าต่างรถ "จีบสาวอยู่เหรอ วันๆ เอาแต่อ่อยสาว ไม่กลัวเวรกรรมบ้างเหรอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า