เธอหยอกล้อเขา
เห็นว่าเธอมาแล้ว เหนือเมฆก็เก็บโทรศัพท์ ผลักประตูและลงมาจากรถ "ผมทำอะไรได้ ใครบอกให้ผมเสน่ห์แรงแบบนี้ สาวๆ พวกนั้นล้วนแต่อยากเข้ามาผมทั้งนั้น"
"ถุ้ย ไร้ยางอาย"
มณิกาทำสีหน้าดูถูก
ในเมืองจันทรา ถึงแม้ว่าเหนือเมฆจะเป็นพวกสำมะเลเทเมาในสายตาของคนอื่น แต่เพราะว่าความแข็งแกร่งของตระกูลโยธิน ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเหนือเมฆ
มีก็แค่มณิกาที่ราวกับผู้ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่กล้าเป็นเพื่อนและพูดจาแบบนี้กับเหนือเมฆ
"ไปกันเถอะ ไม้เสียบเนื้อย่างไม้เสียบเนื้อย่าง เพื่อมากินข้าวมื้อนี้ของคุณ ข้าวกลางวันผมก็ยังไม่ได้กิน"
"แหวะ ทำเป็นพูด ใครจะรู้ว่ากลางวันคุณไปนอนบนเตียงผู้หญิงคนไหนอีก"
พวกเขาพูดคุยกันแล้วเดินเข้าไปช้างใน
มณิกาคิดว่าเหนือเมฆไม่เคยมาที่นี้อย่างไร้เดียงสา เธอจึงสั่งอาหารอร่อยๆ มาตั้งเยอะแยะ
หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จแล้ว เธอถึงตระหนักได้ว่าคนรอบข้างมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ เป็นครั้งคราว
"ไอ้เชี่ย หนุ่มหล่อคนนั้นรวยจังเลย ขับรถมาเซราติรุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่ากว่าสามสิบล้านกว่า"
"ไอ้เชี่ย ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขาขี้เหร่จริงๆ "
"ขี้เหร่แล้วยังรู้จักกับผู้ชายหน้าตาดีและรวยแบบนี้ คาดว่าครอบครัวของเธอก็น่าจะไม่ธรรมดา"
"มีเหตุผล"
......
ฟังเสียงกระซิบกระซาบของฝูงชน พวกเขาก็ได้ยินบ้างสองสามประโยค
มณิกาไม่สนใจอยู่แล้ว เธอหันไปมองเหนือเมฆ "หรือว่า...จะเปลี่ยนไปนั่งข้างใน?"
เธอกลัวว่าเหนือเมฆจะทนต่อสายตาที่แปลกประหลาดและคำพูดจากคนอื่นไม่ได้
"กลัวว่าผมจะอายเหรอ คุณนี่เหลาะแหละจริงๆ "
ในขณะที่เหนือเมฆกำลังพูด เจ้าของร้านก็ถือเบียร์มาสองขวด เขาใช้ตะเกียบเปิดฝาขวดอย่างง่ายดาย เทเบียร์ลงในแก้วที่ใช้แล้วทิ้งสองใบ เขายกขึ้นมาดื่ม "ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็เคยได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังมากกว่านี้ทุกวัน แต่ว่าผมก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีอิสระเหมือนเดิม"
"คนเรา ไม่ควรสนใจสายตาของคนอื่นมากเกินไป เราต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง"
เขาเลิกคิ้วแล้วมองไปที่มณิกา "ต้องฝึกให้มีดหอกฟันไม่เข้าเท่านั้น ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากคำพูดพวกนั้น แล้วยังเป็นวิธีปกป้องตัวเองอีกแบบหนึ่ง มา ชนแก้ว"
"ฉันดื่มไม่ได้"
มณิการู้ว่าตัวเองมีลูกอยู่ในท้อง เธอจึงทำได้แค่โกหกไปว่า "ประจำเดือนมา ฉันดื่มชาดีกว่า "
รู้จักกับเหนือเมฆมาสามสี่เดือนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในคลับดิมไลท์
ออกมากินไม้เสียบเนื้ออย่างแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก
ฟังจากคำพูดของเขา จู่ๆ มณิกาก็คิดว่า บางทีเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่เอาการเอางาน ไม่มีความสามารถเหมือนในสายตาของคนภายนอก
......
และในขณะเดียวกัน ตระกูลธนัตถ์โชติ
เมื่อทัพทองได้ข้อมูลที่ส่งคนไปสืบมาแล้ว เขาก็รีบกลับไปที่บ้านของตระกูลธนัตถ์โชติทันที เอาผลของข้อมูลเล่าให้ธิกานต์และวิมลฟัง "มณิกาท้องลูกของวายุ สองเดือนแล้ว"
"อะไรนะ ท้อง...ท้องเหรอ เป็นไปไม่ได้ มณิกาขี้เหร่ขนาดนั้น พี่วายุจะไปมีอะไรกับเธอได้ยังไง"
ผลลัพธ์แบบนี้ ไม่ว่ายังไงธิกานต์ก็รับไม่ได้
เธอหยิบข้อมูลบนโต๊ะขึ้นมาดู นอกจากข้อมูลของการตรวจสอบต่างๆ แล้ว ยังมีรูปภาพของวายุและมณิกาที่อยู่โรงพยาบาล
"ได้ยินมาว่านายหญิงเนตรอยากให้วายุมีลูก จึงวางยาเขา แต่ใครจะรู้ว่ามณิกาบังเอิญไปหาวายุ พวกเขาสองคนก็เลยมีอะไรกัน"
ทัพทองอธิบาย
แต่ว่าใบหน้าของของเขากลับเต็มไปด้วยความโมโห "เด็กคนนั้นโชคดีจริงๆ "
วิมลนั่งอยู่บนโซฟา ดูข้อมูลอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พูดอะไร
แต่ธิกานต์ทนไม่ไหว "ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าลูกในท้องของมณิกาคลอดออกมา ฉันจะแต่งงานกับวายุได้ยังไง"
"ฉัน... ฉันอยากค่ะ อยากแน่นอน" ธิกานต์พูดกระอึกกระอักด้วยความตื่นเต้น "แต่ว่า... พี่วายุ พี่ขอแต่งงานกะทันหันเกินไป ฉันยังไม่ได้เตรียมตัว ..."
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เธอก็ลืมกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ ทำตัวเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมีความสามารถไปหมดแล้ว
เพราะว่า วายุถามเธอว่า อยากจะแต่งเข้าไปในตระกูลเดชากุลรึเปล่า! ? !
"ถ้าคุณตกลง ผมจะประกาศหมั้นกับคุณต่อสาธารณะในอีกสี่วัน"
ลูกของในท้องของมณิกาสองเดือนกว่าแล้ว วายุรู้ว่าจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงต้องหมั้นให้เร็วที่สุด
แบบนี้ หลังจากที่ลูกของมณิกาคลอดออกมา เขากับธิกานต์ค่อยแต่งงานกัน มันก็เป็นเวลาที่เหมาะสม
ธิกานต์ดีใจเป็นอย่างมาก จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดนั้นคุ้มค่า
เธอพยักหน้า "ฉันตกลงค่ะ ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับพี่"
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ธิกานต์ตื่นเต้นและมีความสุขมากแค่ไหน
ได้เป็นเจ้าสาวของวายุอย่างสมหวัง เป็นหน้าเป็นตาให้กับวงค์ตระกูล แล้วยังเป็นความปรารถนาสูงสุดของเธอ
"อีม เรื่องอื่นผมจะให้นภัทรไปปรึกษากับครอบครัวคุณ"
ท่าทีของวายุเย็นชา ถึงแม้ว่ากำลังคุยเรื่องงานหมั้นกับธิกานต์ แต่เขาก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม ทำให้ผู้คนเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก
หลังจากวางสายไป ธิกานต์มองไปที่วิมลด้วยความตื่นเต้น เธอน้ำตาคลอเบ้า และในวินาทีต่อมา เธอก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของวิมล "ฮือๆ ... หม่ามี๊ พี่วายุจะหมั้นกับหนู พี่วายุบอกว่าอีกสี่วันจะหมั้นกับหนู!"
"จริงเหรอ?"
"อืมๆ จริงค่ะ จริงแท้แน่นอน"
"ดีแล้ว ดีแล้ว กานต์ของเราเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมีความสามารถ ได้แต่งงานกับคุณชายวายุก็เพราะสวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กัน"
วิมลตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ เธออารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ธิกานต์ที่กำลังตื่นเต้นก็สงบลง ใบหนาเล็กๆ เมื่อกี้ยังที่ตื่นเต้นอยู่ก็หายไปในทันที
มองดูเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอขมวดคิ้ว "พี่วายุกำลังจะหมั้นกับหนู แล้วเด็กที่อยู่ในท้องของมณิกายังจะต้องเก็บไว้อยู่ไหม"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า