คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 52

เนื่องจากในห้องพักผู้ป่วยและห้องรับแขกมีประตูกั้นอยู่ จึงทำให้นายหญิงเนตรไม่ได้ยินที่บอดี้การ์ดพูด

วายุแสดงสีหน้าเย็นชา เขาอ้อมผ่านบอดี้การ์ดและมุ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยของมณิกา และเห็นมณิกาที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง เพื่อเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล

"คุณจะทำอะไร?"

วายุเดินเข้าไปในห้อง พลางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากออกจากโรงพยาบาล"

มณิกาตอบคำถามของวายุ

ตามแผนเดิม เธอคาดหวังว่าจะทำให้เรื่องไฟไหม้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะเธอจะใช้โอกาสนี้กระชากหน้ากากที่แท้จริงของคนในตระกูลธนัตถ์โชติต่อหน้าสาธารณชน

ถึงขั้นที่มณิกาจงใจปล่อยข่าวลือ เพื่อให้ตัวเองถูกสัมภาษณ์

ในที่สุด ทำให้ข่าวนี้กลายเป็นที่สนใจของนักข่าว แต่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อวายุกลับใช้อำนาจที่มีขัดขวางนักข่าวไม่ให้เข้ามาทำข่าวในโรงพยาบาลได้!

"รีบไปตายเหรอ?"

วายุยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ด้วยใบหน้าหล่อเหลาและเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

แม้ว่าคำพูดจะไม่ค่อยน่าฟังนัก แต่ก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจที่มีต่อเธอ

"ฉันมีแผลไฟไหม้แค่ตรงหลังเท้าและแขนเท่านั้น กลับไปพักฟื้นที่บ้านสักหน่อยก็โอเคแล้ว"

มณิกาไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่อยู่ในอะพาร์ตเมนต์ จริงๆแล้วเธอมีเวลามากพอที่จะเอาตัวรอด แต่เธอกลับไม่หนีไปไหน เพียงเพื่อต้องการให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และดึงดูดความสนใจจากคนภายนอก

เธอยังจงใจให้ไฟไหม้บริเวณหลังเท้าและแขนของเธอ เพื่อให้ทุกอย่างสมจริงมากยิ่งขึ้น

เธอตั้งใจจะลุกเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย แต่วายุยืนหน้าขวางประตูที่เป็นทางออกเดียวของเธอไว้

มณิกาเงยหน้ามองเขาอย่างยากจะเข้าใจ พร้อมกล่าวว่า "ขอทางหน่อยค่ะ"

เธอตั้งใจแน่วแน่เรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว

แต่วายุกลับจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่ไหวติง

ขณะที่สายตาทั้งสองคู่ประสานกันนั้น แววตาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน อีกทั้งยังแฝงด้วยความหมายลึกซึ้งเกินจะเข้าใจ

"ผมจะไม่ขอพูดเป็นรอบที่สอง"

วายุไม่อนุญาตให้เธอออกจากที่นี่

การกระทำของเขาทำให้มณิกากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่พูดออกไปว่า "วายุ คุณไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนี้"

ความคิดต่ออีกฝ่ายของทั้งมณิกาและวายุมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ และเธอที่รู้สึกว่าการเรียกเขาว่าคุณชายวายุ รู้สึกลื่นปากมากกว่าการเรียกชื่อของเขาออกมาตรงๆ ด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสสอดมือสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง ใช้แววตาเยือกเย็นและแฝงไปด้วยความทะนงตนกวาดมองเธอ

โดยไม่ปริปากพูดสักคำ

ขณะที่มณิกากำลังสบตากับเขา จู่ๆ เธอยักคิ้ว พลางถามว่า "นี่คุณกำลังสนใจฉันอยู่เหรอ? หึหึ คุณคงไม่ได้ตกหลุมรักฉันสินะ?"

เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของวายุ ใบหน้าที่ดำคล้ำเผยให้เห็นถึงความอัปลักษณ์นั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยัน อีกทั้งคำพูดก็เต็มไปด้วยคำประชดประชัน

ได้ยินดังนี้ คิ้วดกดำของวายุก็ผูกเข้าหากัน และตามด้วยคำพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินว่า "หลงตัวเอง"

แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของมณิกาดึงวายุกลับไปสู่โลกแห่งความจริง เขาคิดทบทวนกับตนเองว่า ทำไมจึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยหญิงสาวที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองเลย?

หรือจะชอบเธอขึ้นมาจริง ๆ ?

ไม่นะ

คนอย่างวายุไม่มีทางชายตามองหญิงอัปลักษณ์แบบนี้แน่นอน

สาวบ้านนอก ที่ไม่ได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา ไม่คู่ควรกับเขาเสียด้วยซ้ำ

ฝันไปเถอะ!

"ถ้าคุณไม่ได้เป็นหลานสาวบุญธรรมของคุณย่า คุณจะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม"

เขาอธิบายอย่างสมเหตุสมผล

แต่เหมือนเขากำลังโกหกใจตัวเองมากกว่า และนั่นก็ตอบใจตัวเองได้ว่า ทำไมเขาจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอจากกองเพลิง

"ฉัน..."

"ณิกา? พระเจ้าช่วย ณิกา เธอไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม ฉันตกใจมากเลยนะ"

เธอใช้สายตาที่เยือกเย็นแฝงไปด้วยความร้ายกาจจ้องมองไปที่มณิกาครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แล้วพูดกับวายุว่า "พี่วายุคะ พี่ไปเยี่ยมคุณย่าก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไปนะ"

น้ำเสียงอ่อนหวานปนอ่อนโยนแบบนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ชายในเมืองจันทรานับไม่ถ้วนต่างใฝ่ฝัน

แต่ใครจะรู้ว่าภายในรูปลักษณ์ที่งดงาม จะแฝงไปด้วยจิตใจที่โหดเหี้ยม

"ครับ"

วายุตอบรับแบบขอไปที ก่อนเดินจากไป

ธิกานต์ที่ยืนอยู่ตรงโถงทางเดิน ทันทีที่เห็นว่าวายุเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยของนายหญิงเนตรแล้ว จึงมองกลับไปทางมณิกาพร้อมปิดประตูลง ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้อง

ทันใดนั้นเอง ใบหน้าที่งดงามชวนหลงใหล ได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย ชวนให้ผู้คนขนลุก

แต่ฝ่ายมณิกาก็ไม่ได้ใส่ใจ

"พี่สาวคะ พี่มาดูว่าฉันตายหรือยังเหรอ? หึหึ เห็นฉันยังมีปลอดภัย และยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ คงผิดหวังน่าดูสิ?" มณิกาถาม พลางเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าคล้ำของเธอ

ภายใต้คำพูด ก็นำพาบรรยากาศให้ร้อนระอุขึ้นมา

เธอกำลังตั้งใจยั่วโมโหธิกานต์ เพราะต้องการให้หล่อนพูดในสิ่งที่หล่อนสมควรพูด!

"มณิกาเธอช่างโชคดีจริงๆ ที่ไฟไหม้เธอขนาดนี้ยังทำอะไรเธอไม่ได้"

ธิกานต์สวมเดรสยาวปาดไหล่ กระโปรงรัดรูป ผมยาวถึงตำแหน่งเอว แต่งหน้าสวย ดูไร้เดียงสาและอ่อนโยน ให้ความรู้สึกเหมือนคุณหนูตระกูลเดชากุลใหญ่

แต่หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ กลับมีจิตใจที่ชั่วร้าย

"ช่วยไม่ได้นะคะ ก็คนดีผีคุ้ม"

มณิกายักคิ้วก่อนยิ้มอย่างสะใจ

หลังจากนั้นเธอยกมือที่พันผ้าก๊อซขึ้นมา พลางพูดว่า "ฉันแค่โดนไฟไหม้ตรงหลังเท้าและแขนเท่านั้น แผลทั้งสองที่รวมกันยังไม่ใหญ่เท่าฝ่ามือเลยด้วยซ้ำ พี่ลองทายดูสิคะ ว่าใครที่เป็นคนมาช่วยฉันจากกองเพลิง?"

เธอพูดพลางเดินกลับไปนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย สายตาจ้องหล่อนด้วยความรู้สึกสนใจ

คิ้วเรียวของธิกานต์เริ่มขมวดเข้าหากัน แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เหมือนเดาอะไรบางอย่างออก

เธอส่ายหัวไปมา "เป็นไปไม่ได้ เธออย่าพูดเหลวไหลนะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า