คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 53

"พูดเหลวไหลเหรอ? แต่ความจริงก็เป็นเหมือนที่พี่คิดนั่นแหละ วายุวิ่งเข้าไปช่วยฉันออกมาจากกองเพลิง แล้วย้ายฉันมาที่โรงพยาบาลเกื้อกูล"

โรงพยาบาลเกื้อกูลเป็นหนึ่งในกิจการของตระกูลเดชากุล และการที่เธอรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกื้อกูลก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุด

คำพูดยั่วยุของมณิกาทำให้ธิกานต์โกรธจนกำหมัดแน่น ถึงขั้นที่เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนแทบจะมีเลือดออก แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะความโกรธครอบงำอยู่

ความโกรธของเธอพลุ่งพล่านพร้อมจะแผนเผา ถึงขนาดอยากบีบคอมณิกาให้ตายคามือ

แต่ประสบการณ์หลายปีมานี้ ก็สอนให้เธอรู้จักอดทนต่อหน้าผู้คน

ดังนั้นไม่ว่าธิกานต์จะโกรธขนาดไหน ก็สามารถปรับอารมณ์ได้ภายในเวลาเพียงพริบตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "แล้วยังไงล่ะ? ก็แค่นายหญิงเนตรชอบเธอ จึงให้พี่วายุเข้าไปช่วย"

เธอที่โกรธจัดจนเนื้อตัวสั่น

เมื่อนึกขึ้นได้ว่านายหญิงเนตรพักรักษาตัวอยู่ห้องข้างๆ จึงได้แต่อดกลั้นไว้

"ค่ะ คนสวยแบบพี่ พูดอะไรก็ถูกต้องไปหมดเลย"

มณิกาไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก เนื่องจากเธอได้ทำตามแผนของเธอแล้ว

แล้วพูดต่อว่า "ที่พี่มาหาฉันแต่เช้า เพราะพ่อแม่ที่สั่งคนลอบวางเพลิงแต่ไม่สำเร็จของพี่ แล้วจะมาฆ่าฉันปิดปากเหรอคะ?"

"อย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลย"

ธิกานต์ทนการยั่วโมโหของมณิกาไม่ไหว จึงเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า "เธอลืมพ่อแม่ที่บ้านนอกไปแล้วเหรอ?"

เมื่อพูดถึงพ่อแม่บุญธรรม สีหน้าของมณิกาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เธอลุกพรวดขึ้น ก่อนพูดว่า "พี่... พี่... ธิกานต์ มันจะมากไปแล้วนะ!"

"อืม ตอนนี้พ่อแม่บุญธรรมของเธออยู่ในกำมือฉัน ถ้าเธอไม่อยากให้พวกเขาตาย ทางที่ดีเธอควรออกไปจากเมืองจันทรา และช่วยหายไปจากสายตาวายุตลอดไป ไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง"

เธอพูดว่าความเป็นพี่น้อง

กล้าพูดว่า ความเป็นพี่น้อง

นี่คงเป็นคำพูดที่สะอิดสะเอียนได้มากที่สุดในชีวิตนี้

"ความเป็นพี่น้องเหรอ?"

เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากคนอย่างธิกานต์ได้อย่างไร

ดวงตาสดใสของมณิกาเริ่มเปลี่ยนเป็นแววตาที่เย็นชา เธอจ้องหล่อนเขม็ง "สิ่งที่พี่เรียกว่าความเป็นพี่น้องนี่ ก็เป็นหนึ่งในแผนการโหดร้ายของพี่เหรอ?"

"ฉันไม่อยากเสียเวลากับเธออีก ตอนนี้ฉันให้ทางเลือกเธอสองทาง ทางแรกคือเธออยู่ที่นี่ต่อแต่พ่อแม่เธอต้องตาย กับอีกทางคือออกไปจากเมืองจันทรา แล้วอย่ากลับมาอีก"

เนื่องจากนายหญิงเนตรพักรักษาตัวอยู่ห้องข้างๆ ธิกานต์จึงไม่อยากปะทะอารมณ์กับมณิกาเธอมาก

ได้แต่ใช้พ่อแม่ของเธอเป็นเครื่องมือต่อรอง ทว่าธิกานต์ก็รู้สึกว่าเป็นต่อขึ้นมาโดยปริยาย และไม่เกรงกลัวว่ามณิกาจะไปฟ้องนายหญิงเนตรอีกต่อไป

"โอเค ฉันไป แต่พี่อย่าทำอะไรพ่อแม่ฉันเลยนะ"

"ขอแค่เธอไปให้พ้น ฉันก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา"

"ตกลงตามนี้"

มณิกาตอบตกลงด้วยความยินดี แล้วพูดเสริม "แต่ว่าตอนนี้ วายุไม่ยอมให้ฉันไปไหน นั่นไง ยังมีบอดี้การ์ดคอยคุมอยู่หน้าประตู พี่ช่วยกันเขาออกไปหน่อยนะคะ"

มุมปากแดงของธิกานต์ยกขึ้น ใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความภูมิใจและความหยิ่งยโส พลางพูดว่า "ก็เอาตัวรอดเก่งดีนี่"

ธิกานต์พูดเสริม "หลังจากที่เธอออกจากเมืองจันทรา พ่อแม่ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่ง เพื่อให้เธอตั้งตัว เธอจะไปไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี อีกอย่างมณิกาเธออย่าโทษฉันนะ ถ้าจะโทษก็ให้โทษโชคชะตาของเธอ"

เมืองจันทรา ในสองคนนี้ จะต้องเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น

"ฉันตกลง"

เธอไม่เพียงแต่ไม่เสียโฉม และไม่ตายด้วย!

ฝ่ายมณิกาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล กลับพบว่านักข่าวหน้าโรงพยาบาลต่างหายไปกันหมด อีกทั้งยังเห็นชายน่าสงสัยหลายคน จ้องเขม็งมาทางเธอ

หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัว จนเธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย

ในขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เป็นจังหวะเดียวกันที่เธอเห็นชายหลายคนมองมาทางเธอจากล็อบบี้โรงพยาบาลเช่นกัน

หนีเสือปะจระเข้!

ในตอนนี้ เธอจึงเริ่มตระหนักได้ว่า เธอประเมินค่าศัตรูต่ำเกินไป

มณิกาแกล้งทำเป็นยอมสยบ แต่มือกลับกดไปยังปุ่มบนนาฬิกา แล้วพูดว่า "ซีน ฉันไม่รู้ว่าเธอได้ยินฉันไหม แต่ถ้าเธอกำลังฟังอยู่ ฉันอยากให้เธอรีบติดต่อบล็อกเกอร์ในเวยป๋อ พร้อมปล่อยคลิปเสียงและคลิปวิดีโอที่ฉันส่งให้เธอทั้งหมดออกไป!"

มณิการู้ว่าการกระทำครั้งนี้เสี่ยงมาก แต่กลับเทียบไม่ได้กับบุญคุณของผู้ที่เลี้ยงเธอมา

พ่อแม่บุญธรรมให้ชีวิตกับเธอ เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนความยุติธรรม เพื่อทดแทนบุญคุณ

อีกอย่าง เธอยังได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ฉบับหนึ่ง หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป พ่อแม่บุญธรรมของเธอจะได้รับเงินก้อนโต ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตที่เหลือแล้ว

สำหรับพ่อแม่บุญธรรมแล้ว เธอไม่ได้กังวลเลย

เพราะเธอจ้างให้คนฝีมือดีที่เหนือเมฆแนะนำมา ให้จับตาดูพ่อแม่บุญธรรมไว้ตลอด24ชั่วโมง ถ้าหากพวกท่านโดนลักพาตัวไป ก็เป็นฝีมือขอใครไปไม่ได้ นอกจากคนของตระกูลเดชากุลเท่านั้น

ในตอนนี้เอง มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี มณิกาจึงได้ดึงเขาไว้ ก่อนพูดว่า "คุณคะ ขอยืมมือถือหน่อยได้ไหม? ฉันต้องการโทรศัพท์ แต่ดันลืมพกโทรศัพท์มาด้วย"

"ครับ ได้สิ"

ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้กับมณิกา ที่จริงมณิกาอยากโทรหาวายุ แต่เธอกลับจำเบอร์ของเขาไม่ได้

นอกจากพ่อแม่แล้ว เบอร์ของเหนือเมฆก็เป็นเพียงเบอร์เดียวที่เธอจำได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า