เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าธิกานต์ จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาบีบคออีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมผลักติดผนัง สีหน้าเย็นยะเยือก "แล้วก็ ถ้าพวกเธอกล้าแตะต้องพ่อแม่ฉันแม้แต่ปลายนิ้วเดียวล่ะก็ ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะลากเธอไปตายด้วย!"
หลายวันมานี้ มณิกาไม่ได้มีปากเสียงกับวิมลและทัพทองต่อหน้าคนในตระกูลเดชากุลเพราะเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถปรองดองกับศัตรูของตัวเองได้
"อื้อ.....แค่กๆ ......"
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันของมณิกา ทำให้ธิกานต์กลัวจนอกสั่นขวัญแขวน เธอรู้สึกเจ็บบริเวณลำคอเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นหายใจไม่ออก "แกปล่อยนะ....ปล่อยฉัน....."
เธอออกแรงดิ้น และขัดขืน แต่กลับพบว่าพละกำลังของเธอสู้มณิกาไม่ได้เลย
ในใจของธิกานต์รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาชั่วขณะ เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองประเมินกำลังของมณิกาเอาไว้ต่ำเกินไป
"ปล่อย? ฉันปล่อยแน่ แต่ว่าคำพูด......"
เธอใช้มืออีกข้างตบแก้มของธิกานต์เบาๆ เอ่ยคาดโทษขึ้นมาว่า "ต้องเป็นคำไหนคำนั้น! อ่อ ใช่สิ ตอนนี้ฉันเป็นหลานบุญธรรมของคุณย่าเนตรนี่นา ถ้าพวกเธอกล้าทำอะไรเกินขอบเขตอีกล่ะก็ ฉันบอกเอาไว้เลยนะ ว่าชาตินี้ทั้งชาติฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอได้แต่งเข้าตระกูลเดชากุลแน่!"
พูดจบ มณิกาก็ปล่อยมือออกทันที
ธิกานต์รู้สึกเหมือนอากาศทะลักเข้ามาในชั่ววินาที เธอสูดลมหายใจเข้ายกใหญ่ มือทั้งสองข้างกุมคอเอาไว้ รู้สึกโกรธและไม่แฟร์ ทั้งๆ ที่เธอดิ้นหนีด้วยสารพัดวิธี แต่ก็ยังสู้มณิกาไม่ได้
เอนกายพิงผนังอย่างหมดแรง กรอบตาแดงช้ำจ้องมองมาที่มณิกา "แกอย่าได้ใจไปหน่อยเลย ฉันไม่มีทางปล่อยให้แกอยู่ดีแน่"
"งั้น....ก็มาลองดูสิ!"
มณิกาส่งเสียงหึออกมา แล้วหมุนตัวเดินออกไป
รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไป แทนที่ด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อของตระกูลธนัตถ์โชติก็จริง แต่มณิกาไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ !
ครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ยังมีครั้งต่อไป
ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่มีทางปล่อยให้คนของตระกูลธนัตถ์โชติมีความสุขอย่างแน่นอน
เมื่อเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร มณิกาก็พบว่าวายุนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เธอจึงนั่งลงแล้วหันไปคุยกับเหนือเมฆ มองข้ามวายุไปราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
ทว่ากลับสังเกตเห็นว่าสีหน้าของชายหนุ่มทอแววอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ
และในตอนนี้เอง ธิกานต์ก็เดินกลับมา นั่งลงตรงข้ามกับวายุพร้อมแสร้งทำตัวไม่มีพิษมีภัย และไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดออกมา
หลังจากทานเสร็จ ก็คิดเงิน ซึ่งวายุเป็นคนจ่าย
มณิกากับเหนือเมฆบอกพวกเขาว่า "บ๊ายบาย" เสร็จก็เดินจากไปทันที
บริเวณด้านนอกร้านอาหาร เหนือเมฆขับรถมาจอดตรงหน้ามณิกา จากนั้นก็ลงมาจากเบาะคนขับ เดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ
มณิกาหลุดขำออกมา "ว้าว เหนือเมฆ นายนี่มันสุภาพบุรุษจริงๆ "
เธอเอ่ยแซวแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ เหนือเมฆปิดประตู แล้วหันกลับไปมองวายุ พร้อมยักคิ้วให้ ราวกับกำลังโอ้อวด จากนั้นถึงได้ถอยกลับไปขึ้นรถ
เมื่อธิกานต์พบว่าสายตาของวายุเอาแต่มองตามรถคันนั้น ความริษยาภายในใจก็ยิ่งกำเริบ แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป "พี่วายุ เราเองก็ไปกันเถอะค่ะ"
ในบ่ายวันนี้ มณิกากับเหนือเมฆไปที่บริษัทกันสองคน เพื่อให้มณิกาคุ้นชินเส้นทาง จนเวลาเลยมาถึงหกโมงเย็น
หลังจากทานข้าวเย็นด้วยกันเสร็จ ทั้งสองก็ออกมาจากร้าน เหนือเมฆออกปากว่าจะไปส่งมณิกาที่บ้าน
แต่มณิกากลับโบกแท็กซี่ พร้อมหันมาโบกมือให้เหนือเมฆ "ฉันกลับเองดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้ที่บริษัท ช่วงนี้นายเองก็ยุ่ง กลับไปพักผ่อนเร็วๆ เถอะ"
"งั้นโอเค บาย"
เหนือเมฆโบกมือลาเธอ
เมื่อมณิกาปิดประตูรถแท็กซี่ คนขับก็ค่อยๆ ออกตัว ขับรถจากไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็เข้ามาจอดในคลับดิมไลท์ มณิกาขึ้นลิฟท์ส่วนตัวมายังชั้นบนสุด เดินเข้าไปในคอนโดของวายุ
แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับพบว่าข้างในมืดสนิท จนมองอะไรไม่เห็น
ตอนที่กำลังจะเดินออกไป ก็บ่นออกมาว่า "คออ่อนอะไรขนาดนั้น ไปดื่มตัวไหนมา? ไม่ได้เรื่อง!"
เธอคิดว่าคนสารเลวนี่ต้องเมาจคิดว่าเธอคือธิกานต์แน่ๆ เลย
คงเป็นเพราะคำสั่งของนายหญิงเนตร ตอนนี้วายุเลยไม่กล้าแตะต้องเธอ
เดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ มณิกาก็กลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็มานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่รู้สึกง่วง สุดท้ายจึงต้องไปเล่นเกมที่ห้องหนังสือ
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมง วายุที่นอนบนเตียงก็ "ตื่น"ขึ้นมาในที่สุด เขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ สวมใส่ชุดนอนผ้าลื่นสีดำ เข้ามานั่งในห้องนอนสักพัก จากนั้นถึงได้เดินไปที่ห้องหนังสือ
วินาทีที่เปิดห้องหนังสือออก ก็เจอเข้ากับมณิกาที่กำลังกดเม้าส์อย่างเมามัน พร้อมแหกปากตะโกน "ปัญญาอ่อนหรือไง? จะเข้าไปให้เขาฆ่าถึงที่เหรอ? เล่นเป็นปะเนี่ย รีบตีป้อมมันสิวะ"
มณิกาเล่นเกมอย่างเมามันส์ แต่เนื่องจากโต๊ะตั้งอยู่ตรงกลางห้องพอดี เธอปรายตามองไปแค่แวบเดียว ก็เห็นทางเข้าห้องหนังสือแล้ว
ในตอนนี้เองถึงได้สังเกตว่าวายุเดินเข้ามา เธอถอดหูฟังออกทันที มองมาที่วายุ เอ่ยถามว่า "ตื่นแล้วเหรอ?"
ถามไปพลาง เล่นเกมส์ไปพลาง
วายุเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้อง เสียงทุ้มหนักดังขึ้นมาว่า "ทำไมยังไม่นอน"
ตีสองแล้ว ยังเล่นเกมอยู่อีก
"บุกเลยๆ เร็วๆๆ ตีป้อมมัน เยส ชนะแล้ว!"
หลังจากเล่นจบอย่างราบรื่น เธอก็เหลือบมองผลคะแนน จากนั้นถึงได้ปิดเกมลง พร้อมกับเหยียดตัวลุกขึ้น "ฉันเล่นเกมจบพอดี คุณมาที่นี่ เพราะ....จะทำงานเหรอ?"
นัยน์ตาของชายหนุ่มกระตุกไหว จากนั้นจึงพยักหน้า "อืม"
"อ่อ โอเคได้"
มณิกากดออกจากเกม แล้วหลีกทางให้เขา "คุณทำงานเถอะ ว่าแต่เมื่อกี้เมาหนักเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมตื่นไวจังล่ะ?"
นัยน์ตาของวายุวาวโรจน์เล็กน้อย ยกมือขึ้นมาบีบหัวคิ้ว "ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า