เธอเดินเข้ามาในห้องครัว แล้วหยิบถ้วยโจ๊ก เดินถือมานั่งกินบนโต๊ะเดียวกับวายุ
ทั้งสองกินข้าวเงียบๆ ปฏิบัติตามคำพูดที่ว่า "เวลาทานข้าวห้ามพูด" จนกระทั่งกินหมด มณิกาถึงได้วางช้อนลง ทว่ากลับได้ยินวายุพูดขึ้นมาว่า "มื้อเช้าชุดหนึ่งราคาสามร้อย บวกสองมื้อเป็นหกร้อย ส่วนนมให้ฟรี อย่าลืมจ่ายรวมกันล่ะ"
"พรูด....แค่กๆ ....."
มณิกาตกใจกับคำพูดของวายุ "หกร้อย? อาหารของคุณทำมาจากทองคำเหรอ แพงอะไรขนาดนั้น?"
"เห็นแก่ในฐานะที่คุณเป็นน้องสาวของผม ผมไม่คิดค่าเหนื่อยก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
เขาพูดอย่างจริงจัง
มณิการู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม "คุณจงใจนี่นา เอาคืนที่วันนั้นฉันซื้อข้าวเช้ามาให้แล้วเก็บตังกับคุณใช่ไหมล่ะ"
"เพื่อความยุติธรรม ไม่จ่ายก็อ้วกออกมา"
วายยุนั่งหลังตรง มือถือทิชชู เช็ดมุมปากด้วยท่วงท่าสง่า ขนาดแค่เช็ดปาก ก็ยังเผยความเป็นผู้ดีที่ฝังลากลึกออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"อ้วก......?"
ให้ตาย ขับถ่ายออกมาแล้วทั้งนั้น จะไปอ้วกได้ยังไง?
ในใจของเธอเริ่มมีไฟสุม
เธอถลึงตามองวายุอย่างกรุ่นโกรธอยู่นาน จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่ห้อง ไม่นานก็วิ่งออกมา ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่ง "นี่เป็นใบเสร็จที่ฉันซื้อข้าวเช้าให้คุณวันนั้น"
ต่อมา เธอก็ฉีกเสียงดังแควก จากนั้นนำมาประกบกันแล้วฉีกต่อ จนกระทั่งกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วจึงนำเศษกระดาษมาวางไว้บนโต๊ะอย่างใจกล้า "ดูสิ ใบเก็บเงินวันนั้นฉันฉีกทิ้งแล้ว ไหนๆ เราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน มาคิดตังกันแบบนี้เห็นกันเป็นคนนอกเกินไปหรือเปล่า ไม่ดีเลยนะพี่ชาย ฮิๆๆ ดูสิฉันฉีกแล้วเนี่ย ไม่ต้องเก็บตังฉันแล้วโอเคไหม?"
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มยังคงเฉยชาเหมือนเคย เขาเอ่ยเพียงว่า "ผมจะเก็บไปคิดดู"
พูดจบ ก็ลุกเดินกลับไปที่ห้องนอน เพื่อไปหยิบของ เมื่อเปลี่ยนรองเท้า ก็เดินออกไปทันที
เมื่อมณิกาเห็นเขาเมินเธอ ก็หงุดหงิดไม่ไหว "ขี้งก เล่นอะไรเนี่ย งงไปหมดแล้วนะ"
เธอเก็บกวาดห้องรับแขกและห้องอาหาร จากนั้นก็ขับจักรยานไปทำงานเหมือนเดิม
ยุ่งหัวหมุนอยู่ที่บริษัททั้งวัน เพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้งานกับเลขาอย่างจริงจัง
พักเที่ยง เธอก็ไปกินข้าวกับเหนือเมฆเหมือนเดิม มณิกาเอ่ยพูดกับเหนือเมฆว่า "เย็นนี้ไม่ได้กินข้าวด้วยนะ ฉันต้องไปหาเพื่อน พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ฉันจะมาบริษัทให้ตรงเวลา"
"งั้นได้ ไว้เจอกันพรุ่งนี้"
เหนือเมฆตอบกลับอย่างเร็วไว อย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่มณิกาออกไปจากบริษัท เธอก็มาซื้อผลไม้กับอาหารบำรุงที่ซูเปอร์มาเก็ตแถวๆ นั้น แล้วจึงเรียกแท็กซี่ไปที่บ้านเก่าตระกูลเดชากุล
เพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี จากซูเปอร์มาเก็ตไปที่บ้านเก่าตระกูลเดชากุลจึงใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
แต่ใครจะไปรู้ว่ามาถึงที่หมายได้ไม่ทันไร ลงมาจากรถก็เห็นรถของวายุจอดอยู่ก่อนเสียแล้ว
เธอหิ้วของยืนอยู่กับที่ ตอนแรกคิดว่าไหนๆ วายุก็มาแล้ว ไปเจอคุณย่าพร้อมเขาเลยก็ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าในรถคันหรูจะมีธิกานต์อยู่ด้วย
มณิกาหน้าหม่น รู้สึกหมดอารมณ์ในชั่วพริบตา หันหลังเตรียมเดินไป
"ณิกา บังเอิญจังเลย เธอก็มาเหรอ"
ธิกานต์ลงจากรถ ก็เอ่ยทักทายมณิกา
ในตอนนี้เอง วายุก็ลงมาจากรถ ธิกานต์เดินไปหยุดตรงหน้าแล้วคล้องแขนเขาเอาไว้ ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามณิกาพร้อมกัน
นัยน์ตาเย็นเยือกของมณิกามองมาที่ธิกานต์แน่นิ่ง อยากพูดออกไปว่า : แผลหายก็ลืมเจ็บเลยสินะ ลืมคำเตือนที่ห้องน้ำในวันนั้นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
วันนั้นเรื่องในห้องน้ำ ธิกานต์ทั้งโกรธทั้งเกลียด กลับไปบ่นให้พ่อแม่ฟัง แต่ผลสรุปที่ได้ คือให้เธอทนไปก่อน
แม่ของเธอยังบอกอีกว่า รออีกอึดใจเดียวเดี๋ยวคลื่นลมก็สงบ
ธิกานต์ไม่อยากยอม แต่ว่าตอนนี้มณิกาอาศัยฐานะหลานบุญธรรมของนายหญิงเนตร เพื่อทำทุกอย่างที่อยากทำ
หางตาของมณิกาเหลือบมองวายุ นั่งเงียบๆ อย่างสะใจ
กลับเป็นธิกานต์ที่เห็นวายุหน้าหม่นลงเล็กน้อย และเมื่อเห็นท่าทางได้ใจของมณิกา ในใจก็ยิ่งไม่ยอม จึงตอบกลับไปว่า "คุณย่าอย่าโทษพี่วายุเลยนะคะ พวกเราไม่รู้ว่ามณิกาก็มาด้วย"
"แกเป็นพี่ของณิกา เธอเป็นน้องของแก แกดูแกเถอะว่าเหมาะที่จะเป็นพี่ชายไหม? ห๊ะ?!"
อีกฝ่ายยังคงพูดกับวายุ แต่ว่าเพราะความสัมพันธ์ของธิกานต์และมณิกา จึงเหมือนกับกำลังต่อว่าเธออย่างไรอย่างนั้น
ธิกานต์กำหมัดแน่น ไร้ทางตอบโต้
วายุตอบรับพอเป็นพิธี จากนั้นก็นั่งลง
"ระพล ไปเอากุญแจรถของรถคันสีชมพูที่จอดอยู่ในโรงจอดรถมา" นายหญิงเนตรเอ่ยพูดกับคนใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"ครับ นายหญิง"
คนใช้รับคำ จากนั้นก็ไปเอากุญแจรถมา
ด้านมณิกาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบกับนายหญิงเนตร ไม่นานคนใช้ก็นำกุญแจรถมายื่นให้เธอ
นายหญิงเนตรรับกุญแจมา แล้วยัดใส่มือของมณิกา "อ่ะ หนูณิกา รถคันนี้ให้แก ต่อไปนี้แกจะได้สะดวกมาหายายแก่ๆ อย่างฉัน"
แม้ว่ามณิกาจะไม่ค่อยรู้จักพวกเครื่องประดับเพชรพลอย แต่กับยี่ห้อรถยนต์เธอรู้จักเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นสัญลักษณ์ลูกธนูสามดอกพุ่งขึ้นข้างบนที่สลักบนกุญแจ ก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นมาเซราติ
รถหรูขนาดนี้ มาโผล่ที่บ้านเก่าตระกูลเดชากุลได้ ราคาต้องไม่ใช่เล่นๆ แน่นอน
ปกติมณิกาค่อนข้างประหยัด และขี้งก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอชอบอะไรถูกๆ
"ไม่ๆๆ ค่ะ คุณย่า ฉันรับรู้ถึงน้ำใจของคุณย่า แต่ว่ารถคันนี้ฉันรับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า