นายหญิงเนตรเห็นเธอเป็นหลานบุญธรรม และชื่นชอบเธอ แต่เธอไม่สามารถอาศัยความเป็นคนโปรดทำตัวหยิ่งยโส และได้ใจจนลืมตัว
เธอจึงคืนกุญแจให้นายหญิงเนตร
เมื่อธิกานต์ที่อยู่อีกด้านเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกอิจฉาริษยาไม่ไหว
เธอรู้ว่านายหญิงเนตรชอบมณิกา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะชอบถึงขนาดที่ตามใจมณิกาขนาดนี้
แค่เพราะมณิกาเรียกแท็กซี่มาหาที่บ้านเก่าตระกูลเดชากุล นายหญิงเนตรไม่ใช่แค่ต่อว่าวายุ แต่ยังมอบรถสปอร์ตราคาไม่ใช่ธรรมดาให้มณิกาอีกด้วย
ตระกูลเดชากุลรวยถึงขนาดไหนกันนะ?
เศรษฐีแนวหน้าของประเทศ ที่มีกำลังทรัพย์แน่นหนา ความเก่งกล้าไม่เป็นสองรองใคร รถที่ตระกูลเดชากุลซื้อ ราคาต้องไม่ต่ำกว่าห้าล้านอย่างแน่นอน
ถึงธิกานต์จะไม่รู้ว่านายหญิงเนตรให้รถรุ่นไหน แต่ก็พอจะรู้ว่าอย่างน้อยราคาต้องห้าล้านแน่ๆ !
ทว่าคนที่ได้รับความรักความเอ็นดูไปกลับเป็นมณิกา!
จะไม่ให้เธออิจฉายังไงไหว
แต่ไม่ว่าในใจจะอิจฉามากแค่ไหน เธอก็ต้องรักษาท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานเอาไว้ เธอเอ่ยพูดพร้อมกับยิ้มนุ่มนวล "คุณย่า คุณย่าดีกับมณิกาจังเลยนะคะ"
"ใช่สิ ก็ณิกาเป็นหลานบุญธรรมของฉัน ในอนาคตพอฉันแก่ลงจนเดินไม่ไหว ก็ยังหวังว่าจะมีเธอมาคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง"
นายหญิงเนตรยกมือขึ้นสางผมหงอก และกุมมือของมณิกาเอาไว้ เอ่ยถามอย่างมีเมตตาว่า "ยัยหนู พอถึงตอนนั้นย่าเดินไม่ไหว แกคงจะมาหาย่าอยู่หรอกใช่ไหม?"
"คุณย่าพูดอะไรกัน ร่างกายยังแข็งแรงถึงขนาดนี้ จุ๊ๆๆๆ ไม่เอาไม่พูดสิคะ" มณิกาทำปากจุ๊ๆ รู้สึกว่าที่นายหญิงเมตรพูดมามันเป็นลางไม่ดีเอาเสียเลย
"งั้นก็รับกุญแจรถไปดีๆ สิ ต่อไปนี้แกจะได้สะดวกมาหาย่าบ่อยๆ ไง "
เธอยื่นกุญแจไปให้มณิกาอีกครั้ง แต่มณิกากลับพูดว่า "คุณย่าเก็บไว้เถอะค่ะ เอามาให้ฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันขับรถไม่เป็น ต่อไปนี้ถ้าจะมาเยี่ยมคุณย่า ฉันจะบอกวายุ ให้เขาพามาแล้วกัน"
"อ๋อ แกขับรถไม่เป็นนี่เอง"
นายหญิงเนตรพยักหน้า "งั้นได้ ต่อไปนี้ก็ให้วายุพามานะ"
ขณะที่พูด นายหญิงเนตรก็ยื่นมือออกไปจิ้มหัวของมณิกา "ว่าแต่ยังเรียกว่า "วายุ" อยู่เหรอ?"
"คะ? อะไร?"
คำถามนี้ทำให้มณิกาชะงักนิ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ประมวลผลแทบไม่ทัน
แต่ว่าวินาทีต่อมากลับได้ยินเธอพูดว่า "ตอนนี้แกเป็นหลานบุญธรรมของฉัน นั่นก็แปลว่าเขาเป็นพี่ของแก ถ้าให้ฉันได้ยินว่าแกเรียกเขาด้วยชื่ออีก ย่าจะไม่ตามใจแกแล้วนะ"
มณิกายิ้มแป้น แลบลิ้นชวนน่าเอ็นดู "ได้ค่ะๆ รู้แล้วค่ะ"
"แล้วก็แก ได้ยินแล้วหรือยัง?"
นายหญิงเนตรถลึงตาใส่วายุ
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว ขาไขว่ห้าง ในมือกำลังถือนิตยสารอยู่เล่มหนึ่ง ท่วงท่าราวกับนายแบบ ทว่ากลับเอาแต่จดจ่ออยู่กับเสียงพูดคุยจากอีกด้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วายุก็ตอบแค่ "อืม" ออกมา
ทว่ามุมปากกลับปรากฏรอยหยักลึกไร้องศา
ในสายตาของธิกานต์ มณิกา วายุ และนายหญิงเนตร ทั้งสามคนดูเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เธอ ดูเหมือนคนนอก ที่ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้
"คุณย่า วันนี้อากาศข้างนอกกำลังเย็นสบายเลย เราออกไปสูดอากาศกันดีไหมคะ?" มณิกาเอ่ยถาม
"ได้สิ ดีเลย"
นายหญิงเนตรลุกขึ้น จับมือของมณิกาเอาไว้ ทั้งสองเดินจูงมือกันออกไป
มองธิกานต์เป็นอากาศตลอดบทสนทนา
ธิกานต์อยากตามไป แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอไปทำอะไรที่ไม่ควรทำ จึงเลือกนั่งอยู่กับวายุ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์
ธิกานต์มองตามสองคนที่กำลังเดินออกไป จากนั้นก็หันมามองวายุด้วยใบหน้าหงอยๆ เหมือนเด็กที่ทำความผิด พร้อมก้มหน้างุด "พี่วายุ ฉันไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า? คุณย่า.....คุณย่า เหมือนจะไม่ชอบฉันมากๆ "
"แต่ว่าฉันเองก็อยากให้คุณย่าชอบฉันบ้าง แบบนั้นพอเราเป็นครอบครัวเดียวกันก็จะได้เข้ากันได้มากขึ้นยังไงล่ะคะ"
ธิกานต์พูดความในใจออกมาด้วยเสียงนุ่มนวล ไม่มีกั๊ก
กลายเป็นว่าการพูดตรงไปตรงมา ทำให้นายหญิงเนตรมีท่าทีที่ดีขึ้น "อืม ก็ถูกของแก"
วันเวลาเหล่านั้นท่าทีที่นายหญิงเนตรมีต่อธิกานต์เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าตระกูลธนัตถ์โชติคิดที่จะนับญาติกับมณิกา เพียงเพราะอยากให้มณิกาบริจาคไขกระดูกให้ชิริวที่กำลังป่วยหนัก เธอจึงสงสารมณิกาเป็นพิเศษ
และก็เริ่มเกลียดตระกูลธนัตถ์โชติ
"ทำตัวเองให้ดี ก็พอแล้ว"
วายุที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเอ่ยพูดกับธิกานต์ขึ้นมาหนึ่งประโยค
เป็นคำพูด ที่ทำให้ธิกานต์ซาบซึ้งอยู่นาน
"คุณย่า น้ำจิ้มเสร็จแล้วค่ะ ลองชิมดูสิ"
เมื่อมณิกาปรุงน้ำจิ้มเสร็จ ก็เดินยกมาให้นายหญิงเนตร จากนั้นก็แกะกุ้งให้เธออย่างคล่องแคล่ว นำไปจิ้มน้ำจิ้ม แล้วป้อนอีกฝ่าย "คุณย่าลองชิมดูค่ะ รสชาติเป็นยังไงบ้าง?"
มณิกาใส่ถุงมือป้อนกุ้งคำโตให้นายหญิงเนตร สีหน้าคาดหวังในคำตอบ
นายหญิงเนตรลิ้มลองเนื้อกุ้งนุ่มๆ สดใหม่กับน้ำจิ้มรสชาติเข้มข้น เอ่ยชมอย่างไม่หยุดปาก "อืม รสชาติไม่เลวเลย ไม่คาว ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มเนื้อกุ้งก็ยิ่งอร่อย ฝีมือไม่เลวเลยนี่นาณิกา"
"อร่อยก็ดีแล้วค่ะ ถ้าคุณย่าชอบก็ทานเยอะๆ นะคะ"
มณิการู้ว่านายหญิงเนตรชอบทานกุ้ง จึงแกะกุ้งพร้อมจิ้มน้ำจิ้มให้เสร็จสรรพ
เมื่อธิกานต์ที่นั่งอยู่ข้างวายุเห็นภาพนี้ จู่ๆ ก็ค้นพบอะไรบางอย่าง เธอเก่งดนตรีศิลปะและวิชาการ แต่อย่างเดียวที่ทำไม่ได้ก็คือทำอาหาร
ในตอนนี้เอง มณิกากับนายหญิงเนตรก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เห็นแบบนั้นในใจเธอก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยา
วายุหยิบไวน์ขึ้นมาจิบ พร้อมทั้งทานข้าวเงียบๆ สายตาเหลือบมองไปยังสองคนตรงข้ามเป็นระยะ นัยน์ตาทอแววลุ่มลึก ริมฝีปากบางเซ็กซี่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า