"ผมให้เวลา 5 นาที ถ้าตามเธอมารับสายไม่ได้ผมจะบินกลับทันที"
"คะ?!..เอ่อ..ค่ะ" ป้าแม่บ้านรีบวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ
"คุณชอบดอกกุหลาบเหรอคะ" พิมพ์ญาดาเห็นดาวพระศุกร์ยืนมองกุหลาบสักพักแล้ว ก็เลยเดินเข้ามาชวนคุย
"เปล่าค่ะ เห็นมันสวยดี" หญิงสาวมองดอกกุหลาบนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะหันกลับมาหาคนที่สนทนาด้วย
"คุณดาวคะ" ทั้งสองยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ ป้าแม่บ้านก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"คะ"
"คุณยารอคุยสายกับคุณอยู่ค่ะ"
"ดาวไม่มีอะไรจะคุยกับเขาค่ะ" จบคำพูดดาวพระศุกร์กำลังจะเดินไปดูแปลงกุหลาบอีกแปลง
"แต่คุณยาบอกว่า.."
ดาวพระศุกร์ทำเป็นไม่สนใจ ว่าป้าแม่บ้านจะพูดอะไรต่อ
"บอกว่าอะไรคะป้า" คนที่ถามก็คือพิมพ์ญาดา แต่ดาวพระศุกร์ก็ได้ยินเพราะเธออยู่ไม่ไกลนัก และตั้งใจฟังมากด้วย
"คุณยาบอกว่า ถ้าภายใน 5 นาที คุณดาวไม่ไปรับโทรศัพท์ คุณยาจะขึ้นเครื่องกลับมาทันทีค่ะ"
"อื้ม?" พิมพ์ญาดาถึงกับนึกขำขึ้นมา พี่น้องสองคนนี้ไม่ต่างกันเลย
"เขามีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ" ดาวพระศุกร์ถามออกมาเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ในใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองเพล
"ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณรีบไปรับสายเถอะ เหลือเวลาอีกนาทีกว่าเอง"
"เขาคงไม่บ้าบินกลับมาหรอกค่ะป้า"
"แต่ญาดาว่าเขากล้านะ คุณลองไม่ไปรับสายดูสิ พรุ่งนี้ตื่นมาคุณได้เห็นหน้าคุณหิตายะแน่" พิมพ์ญาดาคิดว่าพี่กับน้องคงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่
"คะ?" ดาวพระศุกร์หันความสนใจมาที่พิมพ์ญาดาบ้าง
"เพราะน้องชายของเขาเคยทำมาแล้วค่ะ วันที่คุณพ่อผ่าตัดครั้งแรก" พอจบประโยคเท่านั้นแหละ เห็นแต่หลังของดาวพระศุกร์ไว ๆ เดินเข้าไปในบ้าน
ที่จริงหญิงสาวก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเธอถึงขนาดต้องรีบบินกลับมา แต่ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขา เพราะตอนนี้ปัญหาของเขาคงจะเยอะมากพอแล้ว
ดาวพระศุกร์ยกสายขึ้นมาแนบหูทันทีที่เข้ามาถึง แต่ก็ไม่มีเสียงพูดใด ๆ ออกมาจากปาก
หิตายะได้ยินเสียงหายใจ เขาก็รู้แล้วว่าตอนนี้เธออยู่ในสาย
"ผมรักคุณ"
"คะ!?" ดาวพระศุกร์ไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา และเธอก็ยังไม่ได้ตั้งตัวเลย
"ขอบคุณนะ ที่คุณสอนให้ผมรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง ถ้าผมไม่ได้เจอคุณ ผมคงไม่รู้ว่านี่มันคือความรัก"
"คุณหมายความว่ายังไงคะ" ถ้าเขาอยู่ตรงหน้าคงจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่มันเต้นรัว
"ผมขอไม่พูดเรื่องของผมกับผู้หญิงคนนั้นได้ไหม ผมจะพูดแค่เรื่องของผมกับคุณ" หิตายะรู้แล้วว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ให้กับชมพู่เลย เขาคิดว่าตัวเองรักชมพู่ แต่นั่นมันไม่ใช่..มันแค่ความใคร่ ความอยากเอาชนะ พอได้มาครอบครองแล้วต้องได้รับผิดชอบ ความรู้สึกของเขาไม่ได้โหยหาชมพู่ขนาดนี้ แต่กับผู้หญิงคนนี้ หายใจเข้าหายใจออก ก็คิดถึงแต่เธอ เป็นห่วงแต่เธอ
หิตายะไม่รู้ว่าจะขอบคุณอะไรก่อนดี ที่ทำให้เขาต้องได้แยกจากเธอมาไกลแสนไกลขนาดนี้ และได้มารู้ใจตัวเอง
"ฉันงงไปหมดแล้ว"
"คุณอย่าทำร้ายตัวเองได้ไหม ดูแลตัวเองแทนผมด้วย ถ้าเสร็จธุระทางนี้แล้ว ผมจะรีบกลับไปหาคุณ ผมจะดูแลตัวเองให้ดีเหมือนกัน" เสียงของเขาเริ่มขึ้นจมูกหน่อย
"คุณร้องไห้เหรอคะ" เสียงหญิงสาวก็ไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้เธอเริ่มมีเสียงสะอื้นในลำคอออกมาด้วย
กุหลาบส่วนนี้เป็นของชมพู่ที่ปลูกไว้ พอชมพู่จากไปแม่บ้านก็เลยดูแลต่อ
ที่จริงชมพู่ไม่ได้ตั้งใจปลูกดอกกุหลาบพวกนี้ไว้เพราะชอบอะไรมากมายหรอก แต่ที่ปลูก เพราะเวลาออกมารดน้ำเธออยากจะให้สุขายะมอง
"อาจจะเป็นแมลงหรือเปล่าคะ"
"แมลงก็ไม่น่าจะกินไปทั้งดอกแบบนี้นะคะ เหมือนกับคนมาดึงออกไปเลย"
หลายวันต่อมา.. ที่ต่างประเทศ
"ยาคุยโทรศัพท์กับใครเหรอลูก" พิมพ์ประไพเห็นลูกชายว่างเป็นไม่ได้ ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยตลอด และไม่ได้คุยเรื่องงานเหมือนคุยกับผู้หญิงมากกว่า
"กลับไปที่ประเทศไทยแล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังนะครับ" เขายังไม่พร้อมที่จะเล่าตอนนี้ เดี๋ยวแม่ของเขาไม่สบายใจ ปล่อยให้ท่านดูแลพ่อแบบสบายใจไปก่อน
"แม่ดีใจนะที่ลูกทำใจเรื่องชมพู่ได้ ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้แหละลูก เกิด แก่ เจ็บ ตาย"
"พ่อรู้เรื่องนี้หรือยังครับแม่"
"แม่ไม่กล้าเล่าให้พ่อฟังหรอก ไม่อยากจะให้พ่อไม่สบายใจไปด้วย"
"ดีแล้วครับแม่"
สามวันต่อมา.. ที่ประเทศไทย
"หมดเลยเหรอคะ" วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พิมพ์ญาดาเห็นแม่บ้านยืนมองแปลงกุหลาบแบบบอกบุญไม่รับ
"ค่ะ"
"คุณหิตายะกลับมาวันนี้ด้วย ถ้าเห็นแปลงดอกกุหลาบของ....เอ่อ แล้วเขาจะว่ายังไงล่ะป้า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่หมั้นคู่หมาย