"นั่นไม่จริง แกยังไม่รู้จักกู โรลโรลอีกเหรอ? ด้วยความเป็นคนเลวขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรกับแกอีกไหม? สำหรับคนอย่างเขา แกควรระวังเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คราวนี้ถ้าแกล้มลงหรือทำอะไรพลาดไป เขาจะต้องไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอยไปอย่างแน่นอน "
พูดถึงกู โรลโรล แม้ว่าซอง อันยีจะดูหมิ่นและไม่เชื่อในตัวเธอ แต่เธอก็ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
ในฐานะเพื่อนของทัง โรลชูวมาหลายปี เธอได้เห็นแล้วว่ากู โรลโรลทำตัวยังไงต่อทัง โรลชูว ด้วยกลอุบายที่ไม่มีที่สิ้นสุดของกู โรลโรลเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอกังวลมาก
"แกพูดถูก เหตุการณ์นี้ทำลายภาพลักษณ์ของกู โรลโรลและเส้นทางของเธอในวงการบันเทิง ตอนนี้ฉันกลัวว่าเธอจะเกลียดฉันจนสุดหัวใจและจะคิดหาวิธีจัดการกับฉันอย่างแน่นอน"
ทัง โรลชูวเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของซอง อันยี
เธออาศัยอยู่กับกู โรลโรลภายใต้ชายคาเดียวกันมานานกว่าสิบปี เธอคงจะรู้จักกู โรลโรลมากกว่าซอง อันยีไม่น้อย
"ฉันโล่งใจที่แกเองก็คิดแบบนั้น"
ซอง อันยียิ้มและยัดชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างมีความสุข เธอเคี้ยวมันด้วยความเร็วราวปานสายฟ้า “ยังไงก็ตาม แกทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ขนาดนี้ แม่เลี้ยงที่แสนดีของแกไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับลูกสาวคนโปรดของเธอเลยเหรอ?
"ไม่เลย เธอไม่มีความกล้าที่จะทำแบบนั้น ในตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก เธอมีอิสระที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ลับหลัง แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว"
เมื่อเธอเริ่มพูดถึงเซา เซี่ยวหวัน ท่าทีของเธอก็เย็นลงทันที
เธอนึกถึงคืนงานหมั้น ผู้หญิงคนนั้นพยายามแย่งทุกอย่างจากแม่แท้ ๆ ของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกขุ่นเคืองก็ก่อตัวขึ้นในใจของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้
เธอเอาของที่ไม่ใช่ของเธอไปไม่พอเหรอ? เธอถึงต้องการที่จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลทัง
ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในตอนนั้น ทัง โรลชูวอาจจะต้องไปสั่งสอนให้เธอรู้เป็นการส่วนตัวว่าอะไรเป็นอะไร อะไรที่ไม่สามารถแย่งไปได้!
“ทำไมจู่ ๆ แกถึงทำหน้าแบบนั้น? ฉันกลัว... ”
เมื่อเห็นทัง โรลชูวดูงุนงง ซอง อันยีก็ตบหน้าอกของเธออย่างแรง "ฉันกลัว"
ทัง โรลชูวกลับมามีสติและพูดติดตลกว่า "ฉันกำลังคิดว่าจะขายแกยังไง"
"มันขึ้นอยู่กับว่าฉันมีค่าพอหรือไม่ ฉันกลัวว่าแกจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อขายฉัน"
ซอง อันยียิ้มเยาะกับตัวเอง
ทัง โรลชูวหัวเราะ หมอกควันที่เหลืออยู่ในใจของเธอถูกปัดเป่าจนหมดสิ้น
“ขอบคุณนะอันยี โชคดีที่ฉันมีพวกแกอยู่ข้าง ๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉันจะอยู่รอดได้ยังไง”
"หืม?"
ดวงตาอันเฉียบคมของซอง อันยีจับพิรุทบางสิ่งได้ และเธอก็เหล่ทันที "พวกแก? นี่รวมถึงใครอีกนอกจากฉันด้วยเหรอ? เป็นคนที่แกพูดถึงใคตอนนั้นหรือเปล่า? คนที่แกยังไม่ยอมเปิดเผย?"
"อะไรนะ!?"
เสียงของเธอดังขึ้นทันทีโดยไม่ต้องฝึกซ้อม ซอง อันยีกระแทกโต๊ะอย่างตื่นเต้นและลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน "แกแต่งงาน? แกแต่งงานแล้วงั้นเหรอ?"
ทัง โรลชูวดูเหมือนจะเดาปฏิกิริยาของเธอเอาไว้แล้ว เธอพูดด้วยรอยยิ้มแสยะว่า "เงียบก่อน เกิดอะไรขึ้น? ไหนบอกว่าจะไม่ตื่นเต้น จะไม่มีเสียงกรีดร้องและไม่มีการทุบโต๊ะยังไงล่ะ?"
“ไม่จริง แกแต่งงานได้ยังไง? แกแต่งงานเมื่อไหร่?”
ซอง อันยีไม่สามารถซ่อนความตกใจของเธอเอาไว้ได้ และเธอก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้เลย
"หลังจากที่ฉันพบว่าจี ยินเฟงกำลังนอกใจฉัน"
“…"
ดวงตาของ ซอง อันยีเบิกกว้าง "ทัง โรลชูว ได้โปรดอย่าบอกฉันว่าแกสุ่มเลือกคนแปลกหน้าบนถนนเพื่อแต่งงานเพียงเพราะแกต้องการแก้แค้นจี ยินเฟงนะ!"
"ไม่มีรางวัลสำหรับคำตอบที่ถูกต้องหรอกนะ" ทัง โรลชูวยิ้ม
“ทัง โรลชูว แกบ้าไปแล้วเหรอ!?”
ซอง อันยีไม่เพียงแต่ตื่นเต้นและกรีดร้องเท่านั้น แต่เธอกำลังโกรธ “มันคุ้มค่าไหมที่จะยอมสละชีวิตทั้งชีวิตเพื่อจี ยินเฟงคนนั้น การแต่งงานมีผลกับผู้หญิงไปตลอดชีวิต และมันก็กำหนดความสุขของแกไปตลอดชีวิต แก...แก...แก...แกเพิ่งจับคนแปลกหน้ามาแต่งงานงั้นเหรอ? จะบ้าตาย! ผู้ชายคนนั้นคือใคร? เขาอายุเท่าไหร่? เขาอยู่ที่ไหน? หน้าตาเป็นยังไง? เขาเข้ากับแกได้หรือเปล่า?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม