เซา เสี่ยวหวันที่วางแผนพาตัวเองออกจากห้องกักขัง ทว่ากลับมาจบที่โรงพยาบาล ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์
สำหรับเธอแล้ว มันก็ไม่ต่างจากเปลี่ยนที่คุมตัว
ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจ และเครียดกว่าเดิม
“โรวโรว แม่กลับบ้านได้หรือยัง?” เสี่ยวหวันเอ่ยถามลูกสาวด้วยท่าทีเอาเรื่อง
เมื่อเห็นว่าแม่ตัวเองกำลังไม่พอใจ คนเป็นลูกจึงทำได้แค่ปลอบขวัญ “แม่คะ ตอนนี้สถานการณ์มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขอให้แม่อดทนอีกนิด หลังจากนั้นเราจะกลับบ้านกัน”
“แม่จะได้กลับจริง ๆ เหรอ?” หล่อนเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
กู โรลโรลยิ้มฝืนกลับเบา ๆ “ได้กลับอยู่แล้วสิแม่ ถึงเวลา เดี๋ยวหนูขออนุญาตทางโรงพยาบาล ให้ปล่อยแม่กลับไปพักที่บ้านนะ”
เสี่ยวหวันขมวดคิ้ว “แผนแกล้งป่วยมันจะใช้ได้จริง ๆ ใช่ไหม? ทัง โรลชูวกับกลุ่มเพื่อนเธอจะเชื่อหรือเปล่า?”
“ในเมื่อได้รับการรับรองจากแพทย์แล้ว ทำไมเธอจะไม่เชื่อล่ะคะ?” และถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่เชื่อ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้หรอก
“ถ้าเธอขอให้หมอตรวจซ้ำล่ะ?”
“ไม่ว่าเธอจะขอหมอกี่ครั้ง ผลตรวจที่ออกมาก็จะเป็นแบบเดิม”
เพราะแบบนั้น กู โรลโรลถึงไม่กลัวว่าโรลชูวจะมาขอผลตรวจจากหมอไปได้
“แต่ว่า…”
เสี่ยวหวันต้องการจะแย้ง ทว่าโรลโรลกลับเอ่ยตัดบทเสียก่อน “แม่คะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี ยิ่งได้ความช่วยเหลือจากพ่อเข้ามาอีก แม่พักผ่อนตามสบายเลยค่ะ วางใจเรื่องนี้ได้เลย”
“พ่อของลูกเหรอ?” เสี่ยวหวันทำหน้ายุ่ง ก่อนจะตาลีตาเหลือกตกใจ “ลูกไปเจอเขามาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบ
“แม่ ทำไมไม่ยอมบอกหนูตั้งแต่แรก ว่าพ่อเป็นคนมีอิทธิพลขนาดไหน? ถ้าแม่บอกหนู ป่านนี้ทัง กรุ๊ป คงกลายเป็นของหนูไปแล้ว แล้วหนูก็คงไม่ต้องเลิกกับยินเฟงด้วย”
คนเป็นลูกกำลังกล่าวโทษแม่ของตนที่ไม่ยอมบอกเรื่องบิดาทางสายเลือด และทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง
ส่วนเสี่ยวหวันที่รู้ดีว่าไม่ทีทางขัดความต้องการในตอนนี้ของคนเป็นลูกได้ ก็ทำได้เพียงตอบกลับเสียงเบา “แล้วแต่ลูกเถอะ”
…
วันวานผ่านไป สถานการณ์ในหยาง กรุ๊ป ก็ยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จนมาอยู่ในจุดที่หุ้นลดต่ำที่สุดในรอบประวัติศาสตร์ของบริษัท
ไม่ว่าประธานหยางจะใช้วิธีไหนในการเจราจากับทางธนาคาร ทางธุรกรรมการเงินก็ปฏิเสธที่จะให้เขากู้ยืม และเมื่อไม่มีเงินเข้ามาหมุน กระบวนการธุรกิจทุกอย่างในบริษัทจำต้องหยุดชะงักลง
สุดท้าย ประธานหยางก็จนตรอก จนต้องยอมรับข้อเสนอของโมเฟยที่ยื่นขอแลกเปลี่ยนราคาผู้ถือหุ้น
หากยอมแลกถอดออกถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมด นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ประธานหยางไม่ใช้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดในบริษัทอีกต่อไป และตำแหน่งของเขาก็ต้องถูดลงขั้นลงด้วยเช่นกัน
ส่วนทางด้านเซิน โมเฟย เป็นคนที่เชื่อถือได้ หลังจากที่เขาได้รับใบแจ้งยอดของหุ้นที่โอนมาแล้ว เจ้าตัวก็รีบโอนจำนวนเงินดังกล่าวเข้าสู่บัญชีของบริษัททันที ทำให้โปรเจ็คงานที่ค้างอยู่ สามารถดำเนินต่อไปได้
และในขณะเดียวกัน เซิน โมเฟยก็เสนอให้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม