หลังจากฮันน่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็คิดไอเดียดีๆ ออก ทำไมเธอไม่รอให้ถึงตอนเล้าโลมก่อนล่ะ? ถ้าเกิดเธอปฏิเสธเขาตอนที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มคงจะเป็นการลงโทษที่ทรมานและเจ็บแสบดีว่าไหม? แบบนั้นสิถึงจะยุติธรรมดีไม่ใช่เหรอ?
หญิงสาวตั้งข้อสงสัยขณะที่ร่างการยังคงเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อน
ฟาเบียนไม่เคยเห็นภรรยาเป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อน และนั่นยิ่งทำให้ความต้องการในตัวเขาเดือดพล่านไปอีก
คุณรุกผมขนาดนี้ แล้วผมจะไม่ยอมให้ความร่วมมือได้อย่างไร? ชายหนุ่มคิดในใจครู่หนึ่งก่อนที่จะโน้มตัวไปจูบริมฝีปากอวบอิ่ม
ในตอนแรกเขาบรรจงจูบหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ไม่นานจึงเริ่มบดขยี้ริมฝีปากนุ่มแรงขึ้นเล็กน้อย ร่างสูงพยายามใช้ลิ้นดันริมฝีปากของภรรยาให้แยกออกจากกันก่อนที่จะสอดใส่ลิ้นเข้าไปลิ้มรสหวานภายในปากบางอย่างหนักหน่วง
หญิงสาวจูบตอบกลับเช่นกันอย่างไม่น้อยหน้า
ซึ่งปฏิกิริยาของภรรยาทำให้ร่างสูงมีความสุขเป็นอย่างมาก ปกติแล้วจูบของเขาจะไม่ได้รับการตอบสนองจากเธอแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะเธอจูบริมฝีปากหนากลับอย่างคล้อยตามนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะดันลิ้นเข้าไปลึกขึ้นเพื่อตักตวงความหวาน
มือบางกอดรัดแผ่นหลังของสามีเอาไว้อย่างแน่นหนาเมื่อร่างกายเริ่มสั่นเทาอย่างเสียวซ่าน ความตั้งใจเดิมที่ต้องการแกล้งชายหนุ่มคงต้องพักไว้ก่อน เธอเองไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงไม่สามารถต่อต้านความรู้สึกเหล่านี้ได้
ฟาเบียนขยับอย่างรวดเร็วขณะเตรียมพร้อมที่จะสานต่อสิ่งที่ทั้งคู่ได้เริ่มก่อนหน้า
เมื่อหญิงสาวเริ่มรับรู้ว่าชายหนุ่มหยุดไปครู่หนึ่ง เธอจึงระงับความอยากที่มีเอาไว้และจ้องเขาเขม็ง “ไปไกลๆ เลย คุณฟาเบียน”
ชายหนุ่มที่ได้ยินเธอไล่เช่นนั้นจึงสับสนว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอจึงเปลี่ยนใจ เธอเพิ่งไล่ผมให้ออกไปงั้นเหรอ?
หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายรุกเอง
“อ้ะ! ฉันบอกแล้วไง…ว่าให้…ออกไปซะ!” ทันใดนั้น ร่างกายเธอก็สัมผัสได้ถึงการรุกเร้าอย่างไม่ยอมแพ้ของชายหนุ่ม ทุกการเคลื่อนไหวและอุณหภูมิร่างกายอันร้อนเร่าของร่างหนาทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
ร่างสูงเมินท่าทีต่อต้านของภรรยา หากเขาได้เริ่มแล้วไม่มีทางคิดจะหยุด
อีกด้านหนึ่ง ฮันน่าเองก็เริ่มเคลิบเคลิ้มจนไม่มีแรงผลักเขาออกจากตัวเธอ
“ห้ะ? พูดเรื่องบ้าอะไร? ถ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันขอวางสาย”
อีเวตต์ตอกกลับปลายสายไปอย่างไม่ยอมรับ ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกเปิดโปงเร็วเช่นนี้ ขณะเดียวกัน ดาราสาวเองก็รู้ทันว่าลีน่ากำลังแกล้งถามคำถามพวกนั้นเพื่อทดสอบเธออยู่
“จะเรื่องจริงหรือเรื่องเหลวไหว คุณรู้ดีกว่าฉันหนิ อ้อ ฉันทราบเรื่องที่คุณกำลังค้นหารถที่ใช้โจมตีฮันน่าระหว่างทางไปงานแต่งแล้วล่ะ คุณและฉันต่างก็รู้ดีทั้งคู่ว่าคุณฟาเบียนสามารถสืบหาความจริงได้เก่งแค่ไหน หากเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา ฉันไม่กล้าคิดเลยล่ะว่าต่อไปเขาจะทำอะไรกับคุณบ้าง”
ลีน่าจงใจพูดเช่นนี้เพื่อยั่วโมโหอีเวตต์ หากดาราสาวรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ลีน่าพูด บางทีเธออาจจะยอมจับมือกับเธอก็ได้
“คุณต้องการอะไรกันแน่?”
เสียงอีเวตต์เริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด ลีน่ารู้สึกได้ถึงเสียงของปลายสายที่เริ่มสั่นเทาด้วยความกลัว
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ฉันต้องการอะไร แต่คุณกำลังจะทำอะไรต่างหาก เอาแบบนี้แล้วกันไปเจอฉันที่ร้านน้ำชา เดี๋ยวฉันจะบอกอีกทีว่าให้ไปรอที่ร้านไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...