ความรักสีคราม นิยาย บท 14

นับตั้งแต่ฟาเบียนได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการ วิเวียนซึ่งเคยชอบทำงานล่วงเวลามาโดยตลอด เลิกงานตรงเวลาเป๊ะ วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้านไปที่วิลล่า ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มๆ เธอรู้ว่าอาการหวัดของเธอยังไม่หายดี เพราะยังรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจะแย่

เมื่อวิเวียนได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาใกล้เธอ เธอลุกขึ้นนั่งอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วเธอก็มองเห็นรถวีลแชร์ของฟินนิคอยู่ข้างๆ ตัวเธอ

แทนที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นทางการ ฟินนิคกลับสวมเสื้อสเวตเตอร์ถักสีเทาแบบลำลอง ขับเน้นรูปร่างที่ถูกสลักเสลามาอย่างสมบูรณ์แบบของเขา

“ทำไมวันนี้คุณกลับเร็วจัง” เธอรู้สึกแปลกใจที่เห็นฟินนิคในเวลานี้ของวัน

ฟินนิคเหลือบมองวิเวียนกลับ

ใบหน้าของเธอยังคงซีดเล็กน้อยในขณะที่ดวงตาของเธอเป็นสีแดง ซึ่งหมายความว่าเธอผ่านการร้องไห้มาเมื่อเช้า

“อืม” ฟินนิครำพึง สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง “อาหารพร้อมแล้ว มากินกันเถอะ"

เมื่อวิเวียนไปถึงห้องอาหาร เธอก็จ้องมองไปที่จานอาหารบนโต๊ะ เธออึ้งไปชั่วขณะ

ส่วนใหญ่เป็นซุปและอาหารมังสวิรัติที่มีส่วนประกอบทางโภชนาการมากมาย

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันมาไม่นานนัก แต่วิเวียนสังเกตว่าฟินนิคชอบอาหารรสจัด ทำไมอาหารวันนี้ดูจืดชืดจัง

วิเวียนนั่งลงด้วยความสงสัย ฟินนิคเทซุปไก่ใส่ชามแล้ววางลงตรงหน้าเธอ “นี่จะช่วยให้ร่างกายของคุณอบอุ่น”

วิเวียนรู้สึกประหลาดใจ

อาหารปรุงพิเศษพวกนี้เพื่อให้ฉันหายจากหวัดใช่ไหม

วิเวียนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอธิบายไม่ถูกที่ท่วมท้นอยู่ในหัวใจของเธอ ความอ่อนล้าและความเศร้าโศกในตอนแรกค่อยๆ หายไปในขณะที่ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเข้ามาแทนที่ในไม่ช้า

รู้สึกดีเหลือเกินที่มีใครสักคนคอยดูแล

"คุณคิดอะไรอยู่" เสียงที่นุ่มนวลของฟินนิคดังขึ้นข้างเธอ

เมื่อกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง วิเวียนยิ้มและพึมพำว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”

ทันใดนั้น เธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอพูดเสริมว่า “อ๋อ ใช่แล้ว ฉันจะต้องไปทานอาหารที่บ้านพ่อคืนพรุ่งนี้ ถ้าอย่างนั้น คุณไม่ต้องเผื่ออาหารเย็นให้ฉันนะ”

“โอเค” ฟินนิคตอบ จากนั้นไม่นาน เขาพูดขึ้นมาอีก “เมื่อไหร่ที่ผมว่าง ผมจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของคุณด้วย”

วิเวียนตะลึงงัน “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกค่ะ”

ฟินนิคเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถาม

วิเวียนรู้ตัวว่าปฏิกิริยาของเธอดูไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก เธอรู้สึกเขินอายจึงอธิบายว่า “พ่อแม่ของฉัน…เข้ากันไม่ค่อยได้… สุขภาพของแม่ฉันก็ค่อนข้างแย่เหมือนกัน ก็เลย…”

เมื่อมองดูวิเวียนที่กำลังพะว้าพะวง รอยยิ้มเยาะนิดๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของฟินนิค

วิเวียนไม่รู้ความจริงที่ว่าเขาได้ตรวจสอบภูมิหลังของครอบครัวเธอแล้ว

"จริงเหรอ" แทนที่จะเปิดโปงคำลวงของเธอ เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “เมื่อไหร่ที่คุณว่าง ผมอยากจะพาคุณไปพบครอบครัวของผม”

วิเวียนสะดุ้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฟินนิคเอ่ยถึงครอบครัวของเขา

"พ่อแม่คุณเหรอคะ" วิเวียนถามอย่างระมัดระวัง

มีคนกำลังจะแต่งงานอีกแล้วเหรอ

ช่วงนี้ฤกษ์งามยามดีหรือยังไง ทำไมทุกคนถึงรีบร้อนที่จะแต่งงาน

ตั้งแต่ยังเด็ก เธอรู้ดีว่าแอชลีย์เป็นพวกวัตถุนิยม ตอนนี้เธอจับคนจากตระกูลนอร์ตันได้แล้ว มันคงเป็นเรื่องยากจริงๆ สำหรับเธอที่จะห้ามตัวเองไม่ให้คุยโวโอ้อวด

อย่างไรก็ตาม นั่นคือความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอย่างแน่นอนที่ได้หมั้นกับสมาชิกของตระกูลนอร์ตัน

ในเมืองซันไชน์ สุดยอดสามตระกูลคือตระกูลนอร์ตัน ตระกูลมอร์ริสัน และตระกูลแจ็คสัน พวกเขาเป็นตระกูลที่มีอำนาจและทรงอิทธิพลมานานแล้ว ไม่เหมือนกับพวกมิลเลอร์ที่เพิ่งจะร่ำรวยขี้นมา

ถ้าเธอจำไม่ผิด คู่หมั้นของแอชลีย์ก็เป็นลูกชายของลูกชายคนโตแห่งตระกูลนอร์ตัน เขาไปเรียนต่างประเทศมาเป็นเวลานาน คนนอกส่วนมากจึงไม่รู้จักชื่อของเขา

ขณะที่วิเวียนกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ แอชลีย์ก็ลากเธอไปที่วิลล่าอย่างกระตือรือร้น

ในห้องนั่งเล่น ร่างสูงและผอมเพรียวกำลังนั่งอยู่บนโซฟา หันหลังให้พวกเขา

แอชลีย์ลากวิเวียนเข้ามา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เฟบส์คะ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก เธอคือพี่สาวของฉัน ถึงจะไม่ใช่แม่เดียวกัน แต่เธอก็เป็นพี่สาวในไส้ของฉัน”

เฟบส์เหรอ

วิเวียนตัวแข็งทื่อ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอเห็นชายคนนั้นยิ้มให้เธอ "โอ้ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของคุณจะเป็นคนที่ผมคุ้นเคย”

เขาคือฟาเบียน

วิเวียนตกตะลึงพรึงเพริด รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

เธอไม่มีทางจะนึกภาพออกว่าคู่หมั้นของแอชลีย์คือฟาเบียนเป็นอันขาด

เขาคือหลานชายของตระกูลนอร์ตันเหรอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม