ทุกคนต่างก็อยู่ข้างวิเวียนกันหมด ไม่มีใจเต็มใจยืนเคียงข้างฉันและสนับสนุนฉันเลย
จู่ๆ เอมม่าก็นึกอะไรบางอย่างได้และถามเบาๆ “แอชลีย์ นี่ลูก…”
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรมากกว่านี้เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เอมม่าพูดเป็นนัยกับแอชลีย์ “ลูกต้องปกป้องเด็กไว้…เด็กในท้องของลูกคืออำนาจต่อรองเดียวที่จะต่อกรกับพวกเขา”
ก่อนที่แอชลีย์จะรับปากเอมม่า วิดีโอคอลก็ถูกตัดสายไป
ฉันยังไม่ทันได้มองแม่ให้ดีๆ เลยก่อนที่สายจะตัดไป เมื่อไหร่ฉันจะได้เจอแม่อีกนะ…
แอชลีย์นั่งลงเงียบๆ พลางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและแอบตัดสินใจกับตัวเอง
ฟินนิคมาถึงหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจแวะมาเพราะอยู่ทางเดียวกัน
ตามรายงานของโนอาห์ แอชลีย์วางสายจากเอมม่าไปแล้วในบ้านเมื่อครู่ที่ผ่านมาและโนอาห์กลำลังรอคำสั่งของฟินนิคว่าจะทำอะไรต่อไป
ฟินนิคคิดว่าจำเป็นต้องต่อรองเงื่อนไขกับแอชลีย์ เขาวางแผนที่จะตอบแทนน้ำใจของเธออีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้าย
ในบ้านนั้นแอชลีย์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ฟินนิคอดไม่ได้ที่จะคิดอยู่ในใจ “เด็กผู้หญิงที่จิตใจดีและบริสุทธิ์เมื่อสิบปีที่แล้วหายไปไหนนะ ทำไมเธอถึงแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้”
ความหึงหวงมีอิทธิพลรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ
แอชลีย์ยังคงมีน้ำตานองหน้าแต่เธอก็สงบนิ่ง เธอมองดูฟินนิคที่มาถึงในวีลแชร์ของเขา
ฟินนิคถาม “คุณได้เจอเอมม่าแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ คุณนอร์ตัน แต่ฉันไม่รู้ควรจะขอบคุณหรือว่าโกรธคุณดี ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะทนทรมานแบบนั้นไม่ไหว เธอไม่เคยอยู่อย่างคนบ้านนอกมาก่อน เธอรับมือกับมันไม่ไหวหรอกค่ะ”
ฟินนิคเองก็คิดว่าแอชลีย์พูดถูก ความตั้งใจของฉันไม่ใช่ให้เอมม่าใช้ชีวิตสุขสบาย เธอจะไม่สำนึกถึงความผิดพลาดหากเธอไม่ทุกข์ทรมาน แต่ฉันยังคงเชื่อว่าการลงโทษของฉันยังน้อยไปสำหรับเธอ
แอชลีย์นึกเอาเองว่าฟินนิคต้องตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะส่งเอมม่าไปไกลๆ เธอคิดว่าฟินนิคจะต้องดูหมิ่นเธอแน่หากว่าขอเขาให้ปล่อยเอมม่าตอนนี้ เธอไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไรออกมาในตอนนี้เพราะสถานการณ์ยังไม่เอื้อให้เธอ
เธอกล่าวกับฟินนิค “คุณบอกว่าฉันมีน้ำใจต่อคุณและคุณตั้งใจจะตอบแทนฉัน คุณวางแผนเรื่องนี้ไว้ยังไงบ้าง”
อะไรก็ได้งั้นเหรอ
ฟินนิคกำลังพยามยามอย่างจริงใจที่จะตอบแทนฉันงั้นเหรอ เขาคิดว่าฉันจะขออะไรธรรมดาๆ แล้วเขาก็ทำให้ฉันแค่นั้นน่ะเหรอ
ทิ้งวิเวียนงั้นเหรอ
“ลองขออย่างอื่นแอชลีย์” ฟินนิคเริ่มจะหมดความอดทน
แอชลีย์ยังไม่อยากยอมแพ้เพราะมันเพียงโอกาสเดียวที่เธอจะพลิกสถานการณ์ ดังนั้นเธอจึงคิดพิจารณาเงื่อนไขอย่างระมัดระวัง หากฟินนิคคิดว่าเธอจะพอใจกับเงินแค่สองสามล้าน เขาก็คิดผิดถนัด
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเลือกเงินแต่สถานตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เธอปรารถนาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เงิน
แอชลีย์ยักไหล่ “งั้นก็ลืมมันไปซะ เพราะยังไงคุณก็ไม่ทิ้งวิเวียน สัญญากับฉันสิฟินนิคว่าคุณจะช่วยฉันชุบชีวิตตระกูลมิลเลอร์และให้ฉันแต่งงานกับฟาเบียน สิ่งที่ฉันต้องการคือแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล”
ฟินนิคพยักหน้าตกลงเพราะเขาสามารถทำสิ่งที่เธอขอได้
แอชลีย์ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ จากเก้าอี้ เธอเงยหน้าไปสบตาฟินนิคแล้วพูดว่า “ตอนนี้พาฉันกลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้านค่ะ”
ฟินนิคพยักหน้าก่อนที่จะเข็นวีลแชร์ของเขาออกไป เขาสั่งให้โนอาห์เอารถไปส่งแอชลีย์กลับบ้านตระกูลมิลเลอร์
ขณะเดียวกัน วิเวียนกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทนิตยสารพบว่าเธอกำลังอารมณ์เสียและไม่มีสมาธิกับงานของเธอ ในหัวของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าฟินนิค…
เธอสงสัยว่าเมื่อไหร่กันนะที่ฟินนิคกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางในชีวิตเธอ พอไม่มีฟินนิค ธอรู้สึกราวกับว่าเธอสูญเสียทิศทางในชีวิต เธอรู้สึกเหมือนไม่มีแผน ไม่มีความฝันหรืออะไรเลยที่เธอสามารถจับคว้าไว้ได้ในชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...