ทั้งสองคนจูบกันอยู่สักพักก่อนที่จะผละออกจากกัน ปัญหาของพวกเขาก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้ถูกกำจัดไปหมดแล้ว
ฟินนิครู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะที่เขาจะอธิบายตัวเองให้วิเวียนฟัง
ฟินนิคผละออกจากวิเวียนอย่างไม่เต็มใจนักก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “คุณจำเรื่องที่ผมบอกคุณเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตของผมเอาไว้ตอนผมเด็กๆ ได้ไหม”
“จำได้ค่ะ คุณเคยเอารูปให้ฉันดูด้วย” วิเวียนไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
“เด็กผู้หญิงคนนั้นคือแอชลีย์ มิลเลอร์”
“อะไรนะคะ”
วิเวียนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้
“จะเป็นแอชลีย์ได้ยังไง พวกคุณตรวจสอบดีแล้วเหรอคะ” วิเวียนยังคงไม่เชื่อหูตัวเอง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเชื่อแต่หลังจากที่ได้รู้จักกับแอชลีย์มาหลายปี เธอไม่คิดว่าแอชลีย์จะใจดีพอที่จะช่วยเหลือคนแปลกหน้า
ฟินนิคพูดบอก “ใช่สิ เมื่อเทียบจากรูปกับรายชื่อของคนที่ซื้อชุดลิมิเต็ดอิดิชั่นในตอนนั้นแล้ว แอชลีย์ดูเข้าข่ายมากที่สุด แถมอายุของเธอในตอนนั้นก็ยังตรงกันด้วย”
วิเวียนจำภาพที่ฟินนิคเอาให้เธอดูได้ เด็กผู้หญิงในภาพสวมชุดเจ้าหญิงดิสนีย์รุ่นลิมิเต็ดที่แอชลีย์ก็มีเหมือนกัน ในตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ใครจะไปรู้ว่านั่นคือแอชลีย์จริงๆ
ฟินนิคพูดอย่างรู้สึกผิด “ผมรู้ว่าแอชลีย์ทำเรื่องเลวร้ายกับคุณเอาไว้มากแต่เธอช่วยชีวิตผมเอาไว้ เพราะแบบนั้นผมจึงต้องตอบแทนบุญคุณ”
ในที่สุดวิเวียนก็รู้ว่าท่าทางแปลกๆ ของฟินนิคที่มีต่อแอชลีย์เมื่อสองสามวันก่อนเป็นเพราะว่าเขาพยายามที่จะตอบแทนบุญคุณ ไม่ใช่เพราะว่าเมตตาหรือว่าสงสารอะไร
ฟินนิคยังรักเธอ
“ฟินนิค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันก็คงทำเหมือนกัน”
คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมของฟินนิคเริ่มคลายออก
ทันใดนั้นวิเวียนก็นึกบางอย่างออกและขมวดคิ้ว “แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะโทรหาฉันสักครั้ง ฉันเป็นห่วงแทบแย่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า คุณปล่อยให้ฉันอยู่ที่บ้านคนเดียวได้ยังไง”
เธอรู้สึกว่าใครก็ตามที่เข้าใจเธอก็สมควรที่จะได้รับความเคารพจากเธอ เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจใครก็ตามที่ไม่เข้าใจเธอ
แค่เขานึกถึงเธอโดยที่เธอไม่ต้องร้องขอก็พอแล้ว
วิเวียนพูดขึ้นเสียงแผ่วเบา “ฟินนิค คุณทำถูกแล้วค่ะ คุณต้องขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตคุณเอาไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแอชลีย์ช่วยคุณเอาไว้ พวกเราก็คงไม่ได้เจอกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟินนิคก็ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้งในระหว่างที่พวกเขาสองคนมองดูแสงไฟระยับระยับของเมืองซันไชน์
แสงไฟหลายพันดวงจากตึกและอาคารต่างๆ ทำให้อาคารเหล่านี้ดูเหมือนประดับประดาไปด้วยเพชรราคาแพงและอัญมณีล้ำค่า ถนนที่เรียงรายไปด้วยเสาไฟและป้ายสะท้อนแสงก็ดูสว่างไสวยิ่งกว่าทางช้างเผือก รถยนต์ที่แล่นไปมาบนท้องถนนก็ดูคล้ายกับโคมไฟสีแดงและสีเหลืองที่เคลื่อนที่ไปมาบนถนนยางมะตอย
เมื่อชิงช้าสวรรค์ขึ้นไปถึงจุดที่สูงที่สุด ฟินนิคก็พาวิเวียนไปที่หน้าต่าง
วิเวียนไม่เข้าใจและมองเขาอย่างสงสัย ก่อนที่เธอจะได้ยินฟินนิคพูดพึมพำขึ้นมา “ผมมีบางอย่างจะให้คุณ”
แต่ยังไม่ทันที่วิเวียนจะได้พูดอะไร เธอก็เห็นแสงไฟหลายแสงสว่างวาบอยู่ข้างนอกหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...