40
ตึกตัก! ตึกตัก!
ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจฉันถึงยังหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกมีความหวังลึกๆ ทุกครั้งที่อารันแสดงออกเหมือนรักฉันจริงๆ
แล้วไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงยัง…ไม่เลิกรักเขาสักที…
“อย่าเลยค่ะ…” ถึงจะรู้สึกกับอารันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ “…กลับไปเป็นอาหลานกันเหมือนเดิมมันก็ดีอยู่แล้ว…”
“….”
“เพราะแป้งกลัว…” ฉันก้มหน้าพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่ค่อยๆ รื้นขึ้นมาคลอเบ้า “…กลัวว่าจะเกลียดอารันมากไปกว่านี้”
สิ้นสุดคำพูดนั้น พวงแก้มทั้งสองข้างของฉันก็ถูกอาบไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ
“เข้าใจแล้ว…” อารันตอบกลับด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตู ทำให้รู้ว่าเขาออกจากห้องนี้ไปแล้ว
ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่ประตู ก่อนจะนอนฟุบหน้าร้องไห้กับหมอน ทั้งที่ตอนแรกแค่น้ำตาไหลเฉยๆ แต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงได้สะอึกสะอื้นฟูมฟายหนักขนาดนี้กัน
“อึก…ฮือ~”
มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจจะขาดออกจากกันจริงๆ การเดินออกจากชีวิตใครสักคนมันไม่ง่านเลยนะ รักแทบตายแต่สุดท้ายต้องเสียน้ำตา
ในหัวของฉันมันยังเอาแต่นึกถึงภาพวันวานเก่าๆ ที่เรามีความสุขด้วยกัน ทุกสัมผัส ทุกอ้อมกอดของอารันฉันยังจำมันได้ไม่เคยลืม
มันยากที่จะต้องข่มตานอน เพราะทุกครั้งใบหน้าของอารันจะปรากฏขึ้นมาในหัวฉันตลอด แต่พอลืมตาความเจ็บปวดในใจมันก็ชัดเจนและทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาที
ฉันจะจัดการความรู้สึกและผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้ยังไง…
วันต่อมา
วันนี้ฉันมีสอบจึงตื่นแต่เช้า ทั้งที่เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอน ลุกขึ้นไปส่องกระจกดูก็พบว่าใบหน้ามีแต่คราบน้ำตา แถมดวงตาก็ยังปูดบวมเอามากๆ
ถ้าเฮียแปงเห็นฉันในสภาพนี้จะต้องถูกดุแน่ๆ เลย
ฉันรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ทั้งที่หัวใจยังปนเปื้อนความหม่นหมอง จากนั้นก็เอาช้อนแช่ช่องฟรีซมาประคบที่ตาเพื่อลดอาการบวม
ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกแหละนะ
จัดการตัวเองเสร็จแล้วฉันก็ลงมาด้านล่าง น่าแปลกที่ไม่เจอเฮียแปง ปกติเขาจะเป็นคนไปส่งฉันที่มหาลัยนี่นา
หรือว่าเมื่อคืยจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ
“ขอโทษที่มาช้านะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของเชฟคีย์ที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน
“เชฟคีย์ มะ…มาได้ไงคะเนี่ย” รู้สึกตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นเขา
“พอดีไอ้แปงมันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ ผมเลยอาสามารับแป้งไปส่ง” เสียงของเชฟคีย์ติดหอบเล็กน้อย ดูท่าเขาจะรีบมามากเลยนะ ทั้งที่คุณแม่ก็ยังป่วยอยู่
ฉันควรจะรู้สึกดีใจหรือควรจะรู้สึกผิดดีล่ะเนี่ย
“ค่ะ…แล้วคุณแม่ของเชฟเป็นยังไงบ้างคะ”
“โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่หัวแตกแล้วต้องเย็บนิดหน่อย ส่วนอื่นๆ เอกซเรย์ดูแล้วไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
“โล่งอกไปทีนะคะ^_^” พอได้ยินแบบนี้ก็ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ถึงอย่างนั้นฉันก็เกรงใจเชฟคีย์อยู่ดี
ทำไมเฮียแปงถึงได้รบกวนเพื่อนตัวเองมากขนาดนี้กัน
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงแม่ผม ไว้วันนี้ตอนเย็น…ไปเยี่ยมท่านด้วยกันมั้ยครับ ?”
“แป้งน่าจะต้องอยู่ติวหนังสือให้เพื่อนน่ะค่ะ เป็นช่วงสอบพอดี…ไว้ถ้าปิดเทอมแล้วแป้งจะให้เฮียแปงพาไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ^_^”
“พูดแล้วนะครับ^_^”
“ค่ะ^_^”
(ข้อสอบสำหรับลูกสาวพ่อคงจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก)
“คุณพ่อก็พูดเกินไปค่ะ”
(ช่วงนี้เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยมั้ย ขอโทษนะที่พ่อเพิ่งได้โทรหา)
น้ำเสียงห่วงใยของพ่อที่ลอดผ่านปลายสาย ทำเอาฉันตื้นตันใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ขอบตามันร้อนผ่าว ภายในอกอัดแน่นไปด้วยความคิดถึงที่มีต่อคุณพ่อ ยิ่งเพิ่งผ่านเรื่องที่เจ็บปวดอย่างสาหัสมา หากได้อ้อมกอดอุ่นๆ จากท่านมันคงจะดีไม่น้อยเลยจริงๆ
“ปะ…แป้งสบายดีค่ะ” ฉันพยายามคุมโทนเสียงให้เป็นปกติแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
(แป้งสบายดีพ่อก็หายห่วง)
“….” ฉันเม้มปากแน่นไม่ได้พูดตอบอะไร เพราะกลัวจะหลุดเสียงสะอื้นจนคุณพ่อได้ยิน
(ที่พ่อโทรมาก็เพราะคิดถึง และอยากจะฝากแป้งไปเอาเอกสารกับคิรันให้หน่อยที่บริษัทให้หน่อย)
หัวใจฉันมันกระตุกวูบเมื่อได้ยินชื่อของอารัน จะทำยังไงดี ฉันไม่อยากไปเจอหน้าเขา แต่ถ้าปฏิเสธก็คงต้องผิดสังเกตแน่ๆ
“เฮียแปงล่ะคะ” ฉันลองโยนให้เฮียแปงดูก่อน เผื่อจะได้ไม่ต้องไปเอง
(พ่อโทรหาแล้วแปงไม่รับสายเลย คงจะยุ่งๆ เอกสารนี้สำคัญมาก พ่อรบกวนแป้งหน่อยได้มั้ยลูก)
“ดะ…ได้ค่ะ…เดี๋ยวแป้งไปเอาให้…” ไม่มีเวลามาคิดลังเลอะไรมาก ในเมื่อคุณพ่อพูดมาแบบนั้นแล้วฉันจะเลือกอะไรได้
(ขอบใจนะลูก แล้วพ่อจะรีบกลับ คิดถึงหนูนะ)
“แป้งก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ”
หลังจากนั้นคุณพ่อก็วางสายไป ฉันปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วคิดหาทางออกว่าจะเอายังไงดี ไม่อยากไปเจอหน้าเขาเลย เพราะกลัวว่าความหวั่นไหวมันจะเล่นงานจนฉันไม่สามารถก้าวพ้นความเจ็บปวดนี้ไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขย่มรัก คุณอา
ใช้ภาษาได้โคตรลื่น ไม่เกินจริง มีอารมณ์เลย แต่งเก่งมาก...