"งั้นก็รู้ใช่ไหมว่าทำไมคะนิ้งถึงหนีออกจากบ้าน แล้วทำไมคนที่บ้านถึงไม่ตามหาเลยทั้งที่คะนิ้งดูไม่เหมือนลูกคนยากจนเลยสักนิด"
"ขอตอบทีละคำถามนะ คำถามแรกคือทำไมน้องต้องหนีออกจากบ้านใช่ไหม" เธอจีบปากจีบคอพลางยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากอวบอิ่มเบาๆ ทำเอาต้นน้ำที่กำลังจริงจังกลอกตาใส่ "เหมือนว่าพ่อของน้องคะนิ้งจะมีเมียใหม่นะ แล้วก็มีลูกติดด้วยหนึ่งคน"
"เมียใหม่? หมายความว่าแม่ของคะนิ้งเสียแล้วเหรอ ฉันเคยได้ยินคะนิ้งละเมอถึงแม่ตอนมาอยู่กับฉันแรกๆ"
"น้องบอกพัดว่าแม่เป็นมะเร็งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว"
"งั้นสาเหตุที่คะนิ้งหนีออกจากบ้านก็เพราะแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงเหี้ยๆนั่นใช่ไหม"
"สาเหตุหลักมันก็มาจากลูกติดของแม่เลี้ยงนั่นแหละ น้องเล่าให้ฟังตอนมาของานทำว่าเกือบโดนลูกชายแม่เลี้ยงขืนใจเลยตัดสินใจหนีมาตายเอาดาบหน้า"
"..." ต้นน้ำกำหมัดแน่นเมื่อได้ฟังเรื่องราวของคะนิ้งจากปากของพัดชา แม้ว่ามันจะไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้ในตอนแรกแต่ก็ทำให้โมโหขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่คิดไว้มันคือเรื่องจริง
"เรื่องมันมีแค่นี้เหรอ? แล้วพ่อล่ะ เป็นพ่อประสาอะไรถึงไม่สนใจลูกเลย"
"เคยได้ยินไหมว่าผู้ชายหลายคนสามารถมีลูกได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นพ่อที่ดีได้" พัดชาถอนหายใจหนักๆเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ "ถ้าอยากรู้อย่างละเอียดคงต้องไปถามน้องคะนิ้งเองนะ แต่น้องบอกพัดว่าพ่อไม่ได้รักน้องกับแม่หรอก"
"ทำไม?"
"น้องไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง บอกแค่ว่าถึงหนีออกมาพ่อก็ไม่สนใจหรอก เพราะพ่อไม่ได้ต้องการน้องอยู่แล้ว พัดไม่อยากเดาให้เรื่องมันแย่ แค่ฟังเฉยๆก็รู้สึกขยะแขยงผู้ชายแบบนั้นแล้ว รู้สึกดีใจแทนน้องคะนิ้งยังไงก็ไม่รู้ที่หนีออกมาแล้วได้เจอต้น"
"เพราะแบบนี้ใช่ไหมคะนิ้งถึงบอกว่าจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง"
"คงงั้นมั้ง ลองมอมเหล้าน้องแล้วถามดูสิ เผื่อจะรู้อะไรมากกว่านี้"
"ฉันอยากเจอไอ้ลูกเลี้ยงเวรนั่น ฉันจะเจอมันได้ที่ไหน"
"เจอาร์น่ะเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อเจอาร์นะ แต่พัดไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า รู้จักแต่ชื่อเพราะน้องคะนิ้งเล่าให้ฟัง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจอได้ที่ไหน"
"มันเคยมาที่ผับเธอ สืบให้หน่อยว่ามันซุกหัวอยู่ที่ไหน"
"อ้าว เคยเจอกันแล้วเหรอ แต่พัดไม่เคยเห็นหน้านิ จะไปรู้ได้ไงว่าคนไหนคือเจอาร์"
"ให้ไอ้พายสืบให้หน่อย มันมีเส้นสายเยอะนิ ฉันแค่อยากรู้ว่าจะหาตัวมันได้ที่ไหน" แม้น้ำเสียงของต้นน้ำจะราบเรียบ แต่แววตาไม่ได้นิ่งเฉยแบบนั้นเลย
"จะตามหาไปทำไม?"
"แค่อยากปิดบัญชีกับมัน"
"โอ๊ะโอ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันก็หางานให้กูแล้วเหรอ" น้ำเสียงขี้เล่นของใครคนหนึ่งดังขัดขึ้นพอดี ทำให้ต้นน้ำที่กำลังหงุดหงิดชะงักไป ดวงตาคมเบนไปหาเจ้าของเสียงนั้นอัตโนมัติ
"อย่ามองกูตาขวางแบบนั้นสิ เมื่อกี้ยังอยากขอความช่วยเหลือจากกูอยู่เลยไม่ใช่ไง?" พารันที่เพิ่งเปิดประตูห้องนอนออกมายกยิ้มยียวน แล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนขอบโต๊ะทำงาน
"มึงแอบฟัง?"
"พูดว่าแอบฟังก็ไม่ถูก เพราะกูอยู่ในห้องนอนตั้งนานแล้ว"
ต้นน้ำตวัดสายตามองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองทันที แต่พัดชาก็ยิ้มหวานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"มึงตอแหลคนทั้งโลกได้ แต่มึงตอแหลกูไม่ได้หรอก แม่มดอย่างมึงมันไว้ใจไม่ได้"
"ฉันไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น แล้วก็ไม่มีเวลามาแกล้งคนอื่นหรอก แกไสหัวไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน"
"คนอย่างมึงแค่อ้าปากกูก็เห็นลิ้นไก่แล้ว" พารันพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปนอนบนโซฟาเงียบๆ พัดชาเองก็ไม่ได้สนใจจะต่อปากต่อคำเหมือนกัน
"เป็นไรวะไอ้ต้น เอาแต่นั่งมองนาฬิกา ถึงเวลากลับไปกินนมแล้วรึไง" สหรัฐถามหยอกล้อเมื่อเห็นต้นน้ำเอาแต่ก้มมองนาฬิกาข้อมือหลังจากนั่งกินเหล้ากันมาชั่วโมงกว่า
"แล้วนี่ผีจิตสำนึกดีเข้าสิงรึไงมึงถึงแดกโค้กแทนเหล้า?" บดินทร์เป็นเจ้าของคำถามนั้น ทำเอาต้นน้ำที่โดนรุมสาดคำถามใส่ถอนหายใจเบาๆ
"เหมือนกูจะเคยโดนด่าว่าติดนมจนลืมเหล้า" สหรัฐแสร้งพูดลอยๆ "แต่เหมือนตอนนี้จะมีหมาติดนมเมียมากกว่ากูแล้วว่ะ"
"ดีแค่ไหนที่มันไม่ปั๊มนมเมียใส่ขวดมาดูดในผับ" เหมราชที่นั่งอยู่ข้างๆบดินทร์อดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหน แต่ต้นน้ำก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาทำทีเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดแดกดันของสามเพื่อนรัก
โว้วววววววววววววว!!
เสียงโห่ร้องของผู้คนในผับทำให้สี่หนุ่มที่กำลังนั่งคุยกันรีบหันไปยังต้นทางของเสียงอย่างพร้อมเพรียง
"โห่อะไรกันวะ" บดินทร์ถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
ต้นน้ำขมวดคิ้วยุ่งเมื่อมองเห็นใครคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคะนิ้งเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา และเป็นต้นเหตุของเสียงโห่ร้องนั้น เขาพยายามเพ่งมองท่ามกลางความมืดสลัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อเธอคนนั้นเป็นฝ่ายเดินฝ่าความมืดสลัวมาหา
"ต้น~"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กินเด็ก 20+