"อึก..." ท่ามกลางแสงสว่างจากหลอดไฟที่ตกกระทบลงมาบนพื้นถนนทอดยาวในเวลาเที่ยงคืนกว่า คะนิ้งหอบหัวใจที่แตกสลายเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ดวงตากลมโตจ้องมองพื้นถนนบนทางเท้าอย่างเลือนลางผ่านม่านน้ำตาพร่ามัว แค่ขยับขาก้าวไปช้าๆยังรู้สึกเหนื่อยล้า หมดเรี่ยวแรงจะเดินต่อ
"อึก..ฮือออ~" เด็กสาวค่อยๆทรุดเข่านั่งลงบนพื้นถนนขรุขระ กอดปลอบตัวเองในวันที่ความเคว้งคว้างย้อนกลับมาทักทายอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ความว่างเปล่า เหมือนต้องอยู่ตัวคนเดียวในโลกใบใหญ่ที่แสนโหดร้าย เพียงแค่คิดว่านับจากนี้ไปจะไม่เหลือใครความหวาดกลัวก็ถาโถมเข้าใส่
"คะ..คิดถึงแม่จัง..อึก..หนูไปอยู่กับแม่ได้รึเปล่า..อึก..ยะ..อยู่บนนั้นคงไม่ต้องเจ็บปวดใช่ไหมคะ" เธอเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดมนในเวลากลางคืนแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ "มีแต่แม่คนเดียวที่ไม่ทำร้ายหนู..อึก..ดะ..เดี๋ยวหนูไปหาแม่นะ..แม่รอหนูนะ..อึก..หนูจะรีบไปหา"
คะนิ้งค่อยๆพยุงตัวที่ไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นอีกครั้ง สติสัมปชัญญะที่ถูกครอบงำด้วยความคิดชั่ววูบทำให้เธอตัดสินใจก้าวขาสั่นเทาลงไปบนถนน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนที่ทำให้เธอหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่แบกรับอยู่เธอจะทำมันอย่างไม่ลังเล
ปี๊นนนนนนนน!!
เสียงแตรรถบีบไล่จากทางด้านหลังดังเข้ามาใกล้ พร้อมๆกับเสียงเบรกลากล้อของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ที่พุ่งมาด้วยความเร็ว หัวใจที่ยังเต้นแรงของเด็กสาวเหมือนจะหยุดนิ่งไปในวินาทีที่ความตายเฉียดใกล้เข้ามา
เอี๊ยดดดดดดดดด!!
ไร้ซึ่งแรงปะทะจากรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ สองขาสั่นเทายังคงยืนประคองร่างกายอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน มีเพียงเสียงล้อรถลากถูกับถนนที่ดังก้องข้างหู สายลมเย็นวาบพัดกระทบร่างจนเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ปลิวไสวในตอนที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ขับเฉียดไปอย่างหวุดหวิด
"อยากตายรึไงวะ!"
"อึก..." น้ำตาแห่งความหวาดกลัวรินไหลเป็นสายเมื่อเจ้าของรถตวาดถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เขาจอดรถเทียบทางเท้าแล้วหันหน้ากลับมาทั้งที่ยังไม่ได้ถอดหมวกกันน็อก แวบหนึ่งเธอเห็นท่อนขาของเขาที่กำลังจะก้าวลงจากรถชะงักไป แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเจ้าของรถคันนั้นก็เดินตรงมาหาเธอ
"อึก..ยะ..อย่าทำร้ายหนู..ฮือออ~" ร่างกายทำงานอัตโนมัติด้วยการถอยหลังหนีเมื่อรู้ว่ามีภัย คะนิ้งสะอื้นไห้ตัวโยนด้วยความหวาดกลัวเมื่อคนแปลกหน้ายื่นมือเข้ามาคว้าแขนไว้
"มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย"
"อึก..." เด็กสาวชะงักไปเมื่อคนตรงหน้าเปิดหน้ากากบังลมขึ้น ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าคมเข้มที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกกันน็อกอย่างชัดเจน
"พะ..พี่สิงหา"
"มาทำอะไรตรงนี้ รู้ไหมว่าถ้าเมื่อกี้พี่เบรกไม่ทันมันจะเป็นยังไง แล้วไอ้ต้นไปไหนทำไมปล่อยให้เมียมาเดินอยู่ข้างถนนแบบนี้ นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะ" สิงหายิงคำถามใส่เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคะนิ้ง แต่กลับต้องชะงักไปเมื่อจู่ๆเธอก็พุ่งตัวเข้ามาสวมกอดแน่น
"อึก..นะ..หนูไม่เหลือใครแล้ว..มะ..ไม่เหลือใครเลย..อึก..ฮือออ~"
"เฮ้ ทะเลาะกับไอ้ต้นมาเหรอ"
"ขะ..เขาสัญญาว่าจะปกป้อง..อึก..แต่เขาทำร้าย..ฮือออ~" เธอซุกใบหน้าเข้าหาแผงอกแกร่งราวกับว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือที่พึ่งสุดท้าย
สิงหาได้แต่ทำหน้างุนงง ถึงอย่างนั้นก็ยกมือขึ้นมาลูบผมเด็กสาวเบาๆ
"อยู่บนฟ้า..."
"..." สิงหาชะงักไปเมื่อได้รู้ถึงเหตุผลที่คะนิ้งทำอะไรขาดสติไปเมื่อสักครู่ ทั้งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เด็กสาวกำลังแบกรับไว้คนเดียว
"บนฟ้ามันไม่น่าอยู่หรอก มันไม่เหมาะกับเด็กน้อยอย่างน้องคะนิ้งด้วย"
"อึก..."
"ไปกับพี่ดีกว่า เดี๋ยวพี่ซื้อขนมอร่อยๆให้กิน ส่วนไอ้ต้นช่างหัวมัน โอเคไหม ไม่พูดถึงไอ้ต้น ตอนนี้มีแค่พี่กับน้องคะนิ้ง"
"ขะ..ขนาดต้นยังทำร้ายหนูเลย..อึก..พี่สิงหาจะไม่ทำใช่ไหม~"
"งั้นถ้าพี่เจอไอ้ต้นพี่จะต่อยมันให้ โอเคไหม แต่ตอนนี้เลิกคิดจะไปอยู่กับแม่ก่อน อยู่กับพี่สนุกกว่าเยอะนะ เลิกคิดที่จะไปอยู่กับแม่ได้เลย" เขาแตะปลายจมูกเชิดรั้นเบาๆ แล้วดันหน้ากากบังลมลงมาปิดหน้าอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือเด็กสาวไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ไม่รอให้เธอเอ่ยปากพูดอะไรอีกก็อุ้มเธอขึ้นไปบนเบาะทันที
คะนิ้งกำแจ็คเก็ตหนังของชายหนุ่มแน่นเมื่อเขาก้าวขึ้นมานั่งคร่อมบนรถ ก่อนจะขับรถมาจากตรงนั้นด้วยความเร็ว ความหวาดกลัวทำให้เธอเผลอสวมกอดเขาอีกครั้ง
คนบนฟ้าคงไม่อยากให้เธอขึ้นไปหา ถึงให้เธอเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดต่อไป แต่ไม่รู้ว่าหัวใจบอบช้ำดวงนี้มันจะแบกรับได้อีกนานแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กินเด็ก 20+