“รีบพูดมาสิ อย่าอืดอาดชักช้า” มีเพื่อนเกิดความรำคาญ
หวางทิงเสว่ยิ้มขึ้น “ถามพวกเขาว่าเข้าห้องหอกันตอนไหน”
เสิ่นเผยซวน “……”
ซางหยู “……”
“โอ๊ย พวกเธอนี่ไม่จบไม่สิ้น สามีฉันอุตส่าห์มาตั้งไกลเพื่อมาดูฉัน เหนื่อยมากแล้ว ไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเธอหรอก” ซางหยูดึงเสิ่นเผยซวนออกจากวงไป
ทิ้งเพื่อนๆของเธอที่ต่างสบตากัน “ซางหยูทำไมเธอใจแคบอย่างนี้”
ซางหยูไม่สนใจ ควงแขนของเสิ่นเผยซวนเดินไปทางริมธาร
พระจันทร์คืนนี้อยู่สูงมาก และก็สว่างมากด้วย หากว่าอยู่ในเมืองยากนักที่จะสังเกตเห็นพระจันทร์บนท้องฟ้า เพราะว่าสายตาได้ถูกบดบังด้วยแสงนีออนหลากหลายสีสัน
โขดหินริมทางถูกน้ำซัดจนสะอาดสะอ้าน เรียบเนียน ซางหยูดึงมือของเสิ่นเผยซวนแล้วนั่งลง จากนั้นเธออิงศีรษะพิงลงที่ไหล่ของเขา
“คุณดูดาวคืนนี้สิ”
เสิ่นเผยซวนแหงนหน้าขึ้นมองดวงดาว ไม่เยอะ แต่มีบางดวงที่ส่องแสงสว่างไสวแพรวพราว
เขาหันหน้ามามองซางหยู เอื้อมมือไปจับเส้นผมที่ปรกอยู่ที่ทรวงอกของเธอแล้วกล่าว “อยู่บ้านคนเดียวกลัวเหรอ”
ซางหยูส่ายหน้า “มีอะไรให้น่ากลัว อยู่คนเดียวมาโดยตลอด”
ชินตั้งนานแล้ว
เสิ่นเผยซวนลืมไปได้อย่างไรว่าชีวิตวัยเด็กของเธอนั้นไม่ได้มีความสุข
“ผมจะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด” เสิ่นเผยซวนกล่าว
ซางหยูตอบอืมแล้วถามขึ้น “วันนี้คุณกลับมา พรุ่งนี้ก็ต้องรีบกลับไปเหรอ”
เสิ่นเผยซวนตอบ “ใช่ ผมอาศัยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กลับมา”
ซางหยูโน้มตัวเข้าไปใกล้ข้างใบหูของเขาแล้วถามเบาๆ “คุณกลับมาเพื่อมาดูฉันเหรอ”
เสิ่นเผยซวนหรี่ตาลงเบาๆ ซางหยูจับเข้าที่ใบหน้าของเขา ให้เขาจ้องหน้าตัวเอง “เพราะว่าคิดถึงฉัน ก็เลยกลับมาดูฉันใช่ไหม”
ซางหยูเงยหน้าขึ้น คู่ดวงตาใสแป๋วจ้องมองเขา
เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ภายใต้แพขนตาที่ยาว ดวงตาเรียบนิ่งราวกับไม่มีคลื่นใด ๆ แต่กลับมีแสงประกายซ่อนอยู่ในส่วนลึก ได้กล่าวเบาๆ “อืม ผมคิดถึงคุณก็เลยกลับมา”
ซางหยูยิ้มอย่างมีความสุข เธอยกแขนขึ้นมาโอบเขา แนบชิดแก้มของเขาแล้วกล่าวว่า “ฉันก็คิดถึงคุณ”
เสิ่นเผยซวนลูบผมของเธอแล้วกล่าว “ที่นี่ยังมีเพื่อนของคุณ”
“พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทของฉัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชอบขี้เล่น แต่ก็รู้จักกาลเทศะ ไม่มารบกวนพวกเราหรอก”
เสิ่นเผยซวนยังคงรู้สึกไม่ดี ไม่ใช่ว่าเขาจะสงวนตัว เพียงแต่รู้สึกว่าตัวเองนั้นอายุมากกว่าพวกเขา แล้วมาอยู่ใกล้ชิดเกินไปกับซางหยูที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ท่ามกลางสถานที่โล่งโจ้ง แลดูไม่ค่อยดี
ถึงแม้ว่าแสงไฟจะมืดก็เถอะ
ซางหยูยิ้ม นี่ต่างหากนิสัยจริง ๆ ของเสิ่นเผยซวน มักจะคิดอะไรรอบคอบ
“อย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะ” เพื่อนๆของเธอยังรออยู่ พวกเขาออกมานานเกินไปมันจะไม่ดี
เสิ่นเผยซวนเห็นด้วย
“เมื่อกลับไปถึง เพื่อนๆก็แยกย้ายกันหมดแล้ว และก็ได้ย้ายเต็นท์ออกห่างจากเต็นท์ของซางหยูไปไกลมาก
เพื่อนๆนี้ช่างน่ารักกันมาก
เขาตอบว่าไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นชิน
พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ตอนเช้าเป็นซางหยูที่ตื่นขึ้นมาก่อน
ทันกับที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี ซางหยูจึงสะกิดเสิ่นเผยซวนหนึ่งทีเพื่อให้เขาลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น
เสิ่นเผยซวนหลับค่อนข้างลึก เมื่อคืนหลับดึกไปหน่อย
ซางหยูจ้องมองเขา ใช้มือผลักเขาเบาๆอีกทีหนึ่ง “ตื่นๆ”
เสิ่นเผยซวนลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เห็นคู่ดวงตาที่มีรอยยิ้มจ้องมองเขาอยู่ อาการง่วงของเขาจึงมลายหายไปในฉับพลัน
ซางหยูยกริมฝีปากขึ้น “พวกเราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”
เสิ่นเผยซวนออกจากเต็นท์มาพร้อมกับซางหยู พบว่ารอบข้างนั้นไม่มีเต็นท์แล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนๆของซางหยูตื่นกันตอนไหน เก็บเต็นท์กันเสร็จก็จากไป
ซางหยูก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เพียงแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา
อันที่จริงก็เพิ่งจะจากไป
พวกเขานั่งอยู่บนโขดหินริมธาร บนฟากฟ้าสีแดงอร่าม ลำแสงค่อยๆสาดส่องขึ้น รัศมีแสงค่อยๆแผ่ขยายกว้าง จนแดงฉานไปทั่ว
พระอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่ขึ้นเป็นสีแดงและขนาดใหญ่ ดูเหมือนไฟ แต่จริง ๆ แล้วไม่ร้อนเลย เมฆที่อยู่โดยรอบก็เหมือนกับถูกแผดเผา ทับซ้อนกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน ดูน่างทึ่งและสวยงาม
ซางหยูกล่าว “ผู้คนต่างบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นที่หนานซานนั้นงดงามที่สุด เห็นแล้วคงจะไม่ได้พูดมั่ว งดงามจริง ๆ”
เสิ่นเผยซวนมองเธอแวบหนึ่ง ยามพระอาทิตย์ขึ้นนั้นงดงามเสมอ เพียงแต่การก้าวเดินของชีวิตนั้นเร็วเกินไป ไม่มีใครที่จะยอมหยุดก้าวเดินเพื่อไปเชยชมความงามของมันเท่านั้นเอง
หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว พวกเขาก็เก็บเต็นท์ลงจากเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม