"ยืนให้ดี อย่าทำเหมือนเป็นโรคกระดูกอ่อน"
"ท่านอ๋องเสวี่ยบอกว่าตอนนี้เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว สามีภรรยาก็ควรจะใกล้ชิดสนิทสนมและรักใคร่กัน และทางที่ดี.....ทางที่ดีก็ควรมีลูกด้วยกัน"
แม้ว่าซือม่อเฟยจะโง่เขลา แต่เขากลับเป็นคนที่กู้ชูหน่วนรักและเอ็นดู
ตอนนี้คนโปรดของนางได้ถูกสั่งสอนไปในทางที่ผิด มีหรือที่นางจะไม่โกรธเคือง
"ส่งคนมาที่นี่ ลงโทษท่านอ๋องเสวี่ยอีกหนึ่งแสนตำลึง และนำมามอบให้ข้าภายในสามวัน"
"ฝ่า....ฝ่าบาท จวนท่านอ๋องเสวี่ยได้นำไปจำนองถึงห้าครั้งแล้ว และไม่สามารถจำนองได้อีกแล้ว ท่านอ๋องเสวี่ย....ไม่มีเงินแล้วเพคะ"
"หากเขาไม่มีเงิน เจ้าก็รับโทษแทนเขา"
"ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปแจ้งท่านอ๋องเสวี่ยให้นำเงินหนึ่งแสนตำลึงมาให้ภายในสามวันเพคะ"
ซือม่อเฟยกล่าวอย่างรู้สึกผิด "ท่านพี่หญิงโกรธหรือ"
"อาม่อของข้าเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามความต้องการของคนอื่น ในใจของข้าแล้ว เจ้าเป็นคนที่ดีที่สุดเสมอ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือม่อเฟยก็โถมเข้ามากอดนางอีกครั้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน "ท่านพี่หญิงดีกับข้าที่สุดเลย"
"อ้อใช่ ท่านพี่หญิงกำลังตามหาเจ้าเสือน้อยอยู่ใช่หรือไม่?"
"เจ้าหรือหรือว่าเขาอยู่ที่ไหน?"
"รู้สิ นั่นไง เขาอยู่ที่นั่น"
ซือม่อเฟยชี้ไปที่ภาพวาดภูเขาและแม่น้ำที่อยู่ที่ผนัง และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่ที่ภาพวาดดังกล่าว จากนั้นก็ฉีกภาพวาดดังกล่าวออกและเผยให้เห็นช่องเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็เปิดช่องลับนั้น
จากนั้นก็มองเห็นศีรษะของเจ้าเสือน้อย
นางรีบคว้าหางของเจ้าเสือน้อย
"โอ๊ย.....เจ็บๆๆ นายท่าน ข้าเจ็บเหลือเกิน"
"ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายครั้ง เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้าเลย?"
"ข้าไม่มีเงิน ข้าไม่มีเงินแล้ว ฮือๆ....."
"ข้าบอกหรือว่าจะขอเงินเจ้า?"
แววตาของเจ้าเสือน้อยเป็นประกายและไม่นานมันก็ยิ้มได้อีกครั้ง
หลายวันมานี้นางก็พูดเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ทว่าสุดท้ายนางก็พยายามคิดหาวิธีเอาเงินของมันไปจนหมด
มันอุตส่าพยายามเก็บออมอยู่นาน รวมกันแล้วก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร แต่กลับถูกนางเอาไปจนหมด
เมื่อนึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่นางหลอกล่อเอาเงินเก็บของมันไป แถมยังบอกว่าหากชนะสงครามมันสามารถหยิบเอาทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในท้องพระคลังได้ตามอำเภอใจ แต่สุดท้าย......
ท้องพระคลังกลับไม่มีทรัพย์สมบัติและของมีค่า ทว่ากลับยากจนเสียยิ่งกว่าอะไร
เจ้าเสือน้อยกล่าวออกมา "ข้าไม่มีเงินหรอก แต่หากเอาชีวิตข้าก็พร้อมเสมอ"
"ดูความตระหนี่ของเจ้าสิ วางใจได้ ข้าจะไม่เอาชีวิตของเจ้าและไม่เอาเงินของเจ้าด้วย ข้าเพียงต้องการหนังเสือของเจ้าเท่านั้น"
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เจ้าเสือน้อยตกใจจนตัวสั่น
หนัง.....
หนังเสือ?
จะเอาหนังเสือไปทำอะไร?
นายท่านคิดจะฉีกหนังเสือของมันไปขายอย่างนั้นหรือ?
"เจ้าเป็นถึงเสือดำโบราณในตำนาน และหนังเสือของเจ้าจะต้องมีมูลค่าอย่างมากแน่ หากนำไปประมูลจะต้องทำเงินได้มหาศาล เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน เจ้ามอบหนังของเจ้าให้กับข้า วางใจได้ หนังของเจ้าจะค่อยๆ งอกเงยออกมาในไม่ช้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็กลับมาเป็นเจ้าเสือน้อยที่น่ารักเหมือนเคย"
"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกไปข้างนอก ข้าจะออกไปข้างนอก"
"ถอดหนังเสร็จเจ้าก็สามารถออกไปข้างนอกได้"
"ฮือๆ.....นายท่านกำลังรังแกข้า"
"ใครบอกให้เจ้าเป็นอสูรร้ายตัวโปรดของข้าล่ะ อาม่อ เอามีดมาให้ข้า"
"อ้อ.....ท่านพี่หญิงมีดอยู่นี่แล้ว เราจะถลกหนังเสือของเขาจริงหรือ? ข้าว่าดวงตาของเจ้าเสือน้อยก็สวยงามดี ไม่เช่นนั้นเราควักลูกตาเขาไปขายดีหรือไม่?"
"ความคิดนี้ไม่เลว ฤดูหนาวใกล้จะมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็ตัดเอ็นของเขาออกมาด้วย ว่ากันว่าสามารถนำไปบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดีเชียว"
"อ๋า......ข้าไม่ยอม นายท่าน ข้าไม่ยอม ฮือๆ....."
"ไม่ยอมก็ได้ นอกเสียจากว่าเจ้าจะยอมจ่ายแทนผู้ซื้อเหล่านั้นเสีย?"
"เงินอะไร?"
"เงินค่าหนังเสือ ลูกตาเสือและเอ็นเสือไงล่ะ"
"นายท่าน นายท่านกำลังหลอกใช้ข้า"
"เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้"
"ข้าไม่ ข้ายอมตาย แต่หากต้องการเงินข้าไม่มีให้หรอก"
"ได้ เช่นนั้นข้าก็จำใจต้องทำ เฮ้อ ถึงอย่างไรข้าก็มีอสูรตัวโปรดมากมาย มีหรือไม่มีเจ้าก็ไม่สำคัญอะไร ข้าคงต้องยอมสละเจ้าไป"
ท่านอ๋องเสวี่ยต่างหากล่ะ
"กลับไปที่เผ่าเพลิงฟ้า หรือตระกูลเหวิน หรือว่ากลับไปที่บ้านของเยี่ยจิ่งหานและอาม่อ?"
"แน่นอนว่ากลับบ้านของพระสวามีเอก ตามหลักบรรพบุรุษที่ทำกันมา เยี่ยกุ้ยเหรินและม่อกุ้ยเหรินไม่มีสิทธิ์ขอร้องให้ฝ่าบาทกลับบ้านพร้อมกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ"
ซี๊ด......
แผ่นหลังรู้สึกหนาวเหน็บ
กู้ชูหน่วนรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
และเมื่อหันหลังไป เยี่ยจิ่งหานก็ได้นั่งอยู่บนรถเข็นไม่ไกลออกไป
ห่างกันเพียงเล็กน้อย และบทสนทนาเมื่อสักครู่เขาต้องได้ยินทั้งหมดแน่
กู้ชูหน่วนโบกมือและให้ขันทีออกไป
เมื่อซือม่อเฟยเห็นเยี่ยจิ่งหาน เขาก็ยิ้มออกมาและตะโกนอย่างดีใจ "พี่เยี่ย"
รอยแตกปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เยือกเย็นของเยี่ยจิ่งหาน
"เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?"
"พี่เยี่ยยังไงล่ะ เราสามคนได้แต่งงานกับท่านพี่หญิงแล้ว ท่านและเหวินเส่าอี๋ต่างเป็นพี่ชายของข้า ต่อจากนี้ไปเราสามคนก็จะได้ใช้ผู้หญิงคนเดียวกัน"
กู้ชูหน่วนแทบอยากเอามืออุดปากของเขา
พูดอะไรไม่คิดเลยจริงๆ
เมื่อเห็นแววตาของเยี่ยจิ่งหานค่อยๆ มืดลง กู้ชูหน่วนก็ลากอาม่อออกไปสองสามก้าว
"ท่านพี่หญิงลากข้าออกมาทำไม ข้ายังมีเรื่องจะถามพี่เยี่ยว่าจะคอยดูแลปรนนิบัติท่านพี่หญิงยังไงอยู่เลย"
"เจ้าหุบปากได้หรือไม่"
"หยุดเดี๋ยวนี้"
เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาและทันใดนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนฝืนพูดออกไป "ดูแล้วอาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นอย่างมาก และวรยุทธ์ก็กลับมามากแล้ว"
"อะไรคือเยี่ยกุ้ยเหริน?"
"จะมีอะไรได้อีก ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าตอนที่ข้าหมดสติไป เมื่อข้าตื่นขึ้นมาข้าก็กลายเป็นจักรพรรดินี และยังได้แต่งงานกับพวกเจ้าทั้งสามคน"
"ข้าหมายความว่าเหตุใดเหวินเส่าอี๋ถึงได้เป็นพระสวามีเอก แต่ข้ากลับเป็นเพียงกุ้ยเหริน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...