กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1098

หนุ่มรับใช้ตกอยู่ในความมืดมน

ไม่เข้าใจว่าจอมมารคิดจะทำอะไรกันแน่

ชวนชวนเป็นชื่อที่หยาบคาย เช่นนั้นฮวาฮวาไม่หยาบคายกว่าเดิมงั้นหรือ?

หรือว่าเขาเองก็ไม่ชอบคำว่าฮวา

ฮวาฮวาทำได้เพียงกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ขอบพระคุณม่อกุ้ยจวินที่ทรงตั้งชื่อให้”

“ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้า เจ้าตามข้ากลับไปตำหนักม่อ”

“คือ......ข้าน้อยขอบพระคุณที่ม่อกุ้ยจวินทรงชื่นชม เพียงแต่ไม่รู้ว่าม่อกุ้ยจวินตามหาข้าด้วยธุระอันใด อีกเดี๋ยวข้าจะต้องไปทำงานที่ห้องภัตตาหาร”

“ข้าไม่ได้มีอะไร ข้าแค่ถูกใจในตัวเจ้า หลังจากนี้เจ้าเคยคิดว่าเจ้าจะได้เป็นขุนนางรับใช้ในตำหนักม่อหรือไม่?”

“นี่มัน......ไม่ขอครับ”

“เวลานี้เจ้ารู้แล้ว ยังไม่รีบไปอีก”

ใบหน้าของฮวาฮวาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นขุนนางในตำหนักม่อ มันเป็นความฝันของคนจำนวนมาก

เพียงแค่เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่านายท่านผู้นี้โง่ไปหน่อย?

“จะมัวยืนทำอะไรอยู่ หรือว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะไป?”

“เต็มใจ เต็มใจ ข้าน้อยเต็มใจอย่างมาก เพียงแต่ข้าน้อยกำลังดีใจอยู่”

ไม่สนว่าเขาจะโง่เขลาหรือไม่ ขอแค่ตนเองได้เลื่อนตำแหน่งหลายขั้นเพียงครั้งเดียวมันก็เพียงพอ ชีวิตหลังจากนี้ของเขาจะไม่ลำบากอีกต่อไป

หัวใจของฮวาฮวาเบ่งบานราวกับดอกไม้ รีบเดินตามจอมมารไปทันที

“เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรให้พี่หญิงชอบข้ามากขึ้น?”

“กุ้ยจวินหมายถึงฝ่าบาทงั้นหรือขอครับ?”

“นอกจากนางแล้ว ใครยังคู่ควรกับคำเรียกว่าพี่หญิงของข้า?”

“ขอ ขอ ขอครับ......”

ฮวาฮวาเหงื่อตก

เรียกฝ่าบาทว่าพี่หญิง ทั่วทั้งใต้หล้าจะมีสักกี่คนที่อวดดีเฉกเช่นเดียวกับกุ้ยจวิน

“กุ้ยจวิน มีคนมักพูดว่า หากคิดจะคว้าใจของใครมาครอบครอง ให้คว้าด้วยรสชาติอาหาร กุ้ยจวินลองเข้าครัวด้วยตนเอง ทำอาหารที่ฝ่าบาทชอบ บางทีฝ่าบาทอาจจะเห็นว่าท่านจริงใจ และทำอาหารออกมาได้อย่างเลิศรส ไม่แน่ว่าหลังจากนั้นฝ่าบาทอาจจะเสด็จไปยังตำหนักม่อทุกวัน”

จอมมารลูบผมสีดำของเขาอยู่ครู่หนึ่ง และรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากมุมปากของเขา

“เจ้าพูดถูก ขอแค่ข้าคว้าใจพี่หญิงด้วยรสชาติอาหาร หลังจากนี้นางจะเมินเฉยต่อข้าได้อย่างนั้นหรือ? ว่าแต่ข้าควรทำอะไรดี? ข้าเองก็ไม่เก่งเรื่องอาหารเสียด้วย”

“กุ้ยจวิน ไก่ตุ๋นเหล้าเป็นอาหารขึ้นชื่อของรัฐปิง พวกเราลองมาทำไก่ตุ๋นเหล้าให้ฝ่าบาทเสวยเป็นอย่างไร”

จอมมารก้มหน้าลงทันที

“ไก่อะไร มีไก่ที่ไหนน่ากิน ขี้กองโต แค่นึกข้าก็ขยะแขยงแล้ว”

ฮวาฮวาตกอยู่ในความงุนงงอีกครั้ง

เหตุใดกุ้ยจวินถึงโกรธถึงเพียงนี้?

แน่นอนว่าไก่ก็ต้องขี้

เพียงแค่จัดการกับมันเสียก็สิ้นเรื่อง

อีกอย่าง ไก่ตุ๋นเหล้าเป็นอาหารอันโอชะที่สุดในรัฐปิง

ฮวาฮวาอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ด้วยรอยยิ้มของจอมมาร ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

“คิดออกแล้ว เจ้าไปเก็บดอกไม้ที่งดงามในอุทยานอวี้ฮวามาให้หมด ข้าจะทำขนมไส้ดอกไม้”

“ขะ......ขนมไส้ดอกไม้? เก็บดอกไม้ที่งดงามทั้งหมดในอุทยานอวี้ฮวา?”

ขนมไส้ดอกไม้มีอะไรน่ากิน

และขนมที่คนรัฐปิงชอบกินกันก็ไม่ใช่ขนมไส้ดอกไม้

และ......

หากเขาต้องเก็บดอกไม้ที่งดงามทั้งหมดในอุทยานอวี้ฮวา เช่นนั้น......

เช่นนั้นเฟิงโห้ว หวงกุ้ยจวิน และเหล่าขุนนางในพระราชวังจะยินยอมหรือไม่?

มันจะไม่เป็นการสร้างศัตรูมากเกินไปหน่อยหรือ?

“กุ้ยจวิน ข้าว่าพวกเราเปลี่ยนไปทำอาหารอย่างอื่นกันเถิด”

“เรื่องนี้......เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้”

หากต้องการทำขนมไส้ดอกไม้ มันต้องใช้ถ้วยชามมากขนาดนี้เลยงั้นหรือ

ม่อกุ้ยจวินช่างกล้าเสียเหลือเกิน

โชคดีที่เฟิงโห้วอย่างพวกเขามีจิตใจเมตตา ไม่ชอบแก่งแย่ง

หากเป็นคนอื่นม่อกุ้ยจวินคงถูกประหารไปแล้ว ไม่มีทางกระโดดโลดเต้นเช่นนี้ได้

“เฟิงโห้ว ม่อกุ้ยจวินโอหังเกินไป จะปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ พวกเราจะสั่งสอนม่อกุ้ยจวินสักเล็กน้อยหรือไม่ ”

เหวินเส่าอี๋เย้ยหยันและพูดเบา ๆ ว่า “ออกไปเถิด ข้าต้องการพักผ่อน หลังจากนี้หากมีเรื่องหึงหวงในวังหลัง พวกเจ้าไม่ต้องมารายงานให้ข้าฟังอีก”

สมองของจอมมารนั้นไม่ปกติ ทุกอย่างไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสามัญสำนึก

เขาจะต้องไปสนใจทำไม

อีกอย่าง เขากับมู่หน่วนก็ไม่ใช่สามีภรรยาอย่างแท้จริง

แต่เป็น......ศัตรู

เรื่องหึงหวงระหว่างชายในวังหลัง มันเกี่ยวอะไรกับเขา

เหล่าหนุ่มรับใช้ยังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เห็นใบหน้าอันอ่อนล้าของเหวินเส่าอี๋ พวกเขาก็ไม่อยากรบกวน พวกเขามองหน้ากันและถอยออกไป

“เฟิงโห้ว ข้าน้อยยังมีอีกเรื่องไม่รู้ว่าควรจะกล่าวออกมาดีหรือไม่”

“มีเรื่องอะไรก็พูดออกมา พูดจบก็รีบไป”

“คือ.....คือเรื่องเป็นเช่นนี้ ม่อกุ้ยจวินไม่เพียงแต่เก็บดอกไม้ทั่วทั้งพระราชวังไป แต่......แต่เขายังนำเสื้อผ้าของท่านไปด้วย รวมถึงเสื้อและกางเกงด้านในของท่านด้วย”

ลมหายใจที่เงียบสงบของเหวินเส่าอี๋ จู่ ๆ ก็เย็นตัวลง แรงกดดันของผู้แข็งแกร่งระเบิดออกมาทันที

เหล่าหนุ่มรับใช้หายใจไม่ออก หมอบลงพื้นที่ละคน

“เฟิงโห้วได้โปรด ได้โปรดไว้ชีวิตพวกข้าด้วย”

“องครักษ์ในตำหนักเว่ยหยางตายไปหมดแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดถึงปล่อยให้คนนอกเข้ามาขโมยเสื้อผ้าในตำหนักออกไปได้?”

“เฟิงโห้วโปรดให้อภัย ผู้ที่มานำเสื้อผ้าในตำหนักเว่ยหยางของพวกเราไปไม่ใช่เด็กรับใช้ของตำหนักม่อ แต่......แต่เป็นม่อกุ้ยจวิน เขาเป็นคนมานำไปด้วยตนเอง พวกข้าได้เข้าไปขวาง แต่ก็ไม่สามารถขวางเขาไว้ได้”

“ซือม่อเฟย ข้าไม่ได้อะไรกับเจ้า แต่เจ้ากลับบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์