“หยุดเดี๋ยวนี้”
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนได้หยุดการเคลื่อนไหวของจอมมารไว้
“ปล่อยเขาไป”
ทุกคนต่างหันมามองกู้ชูหน่วน
“ปล่อยเขา? เขาเป็นถึงขั้นกลางระดับเจ็ด ไม่มีใครในโลกที่สามารถเอาชนะเขาได้”
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนวางเซี่ยวอวี่เซวียนลงอย่างไม่เต็มใจพร้อมกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“เยี่ยจิ่งหาน ในที่สุดเจ้าก็หายดีแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
“อาหน่วน......”
“อาม่อ วรยุทธ์ของเจ้ากลับคืนมาแล้ว ข้าเองก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
“พี่หญิง อาม่อเองก็ขึ้นไปสู่ขั้นเจ็ดแล้ว อาม่อเองก็เป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เป็นเจ้าสุนัขน้อยขี้อ้อนที่หลงใหลในภรรยาอันเป็นที่รัก”
กู้ชูหน่วนหันไปยิ้มให้พวกเขา
หัวใจของจอมมารเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ แต่เขาไม่เห็นรอยยิ้มของกู้ชูหน่วน
มีบางอย่างที่ผิดปกติไป
และหากกล่าวว่าสิ่งผิดปกตินั้นคืออะไร มันคงเป็นความโศกเศร้าและความเจ็บปวด
แต่เยี่ยจิ่งหานสัมผัสได้ถึงความผิดปกตินี้
เขากลัวว่ากู้ชูหน่วนจะได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว
ดวงวิญญาณทั้งเจ็ดยังไม่หลอมรวม หากความทรงจำของนางกลับคืนมา เกรงว่าชีวิตของนางคงเดินทางมาถึงจุดจบแล้ว
เขากุมมือของกู้ชูหน่วนไว้ “อาหน่วน คนตายไม่อาจฟื้นคืน ระงับความเศร้าโศก เรื่องทั้งหมดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
ฝูกวงและลั่วอิ่งรีบเข้ามาทันที
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นเซี่ยวอวี่เซวียนกำลังนอนจมอยู่บนกองเลือด
สีหน้าของฝูกวงดูไม่ได้
ร่องรอยของความเจ็บปวดและการตำหนิตัวเองฉายออกมาในดวงตาของลั่วอิ่ง
เป็นเพราะเขา
ทั้งหมดเป็นเพราะเขา
หากเขาไม่จัดการกับคนในจวนแม่ทัพ
เซี่ยวอวี่เซวียนจะบุกทำลายเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไร ที่เหวินเส่าอี๋ตามแก้แค้นเซี่ยวอวี่เซวียน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขา
คนที่สมควรตายที่สุดน่าจะเป็นเขา
ควับ......
หยางเหมยและเฉินหลิงฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจ ยกร่างของเซี่ยวอวี่เซวียนบินหนีไปทันที
ลั่วอิ่งเตรียมก้าวออกไป คิดจะชิงร่างของเซี่ยวอวี่เซวียนกลับคืนมา
กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาว่า “ปล่อยพวกเขาไปเถิด เฉินหลิงเป็นคู่หมั้นของเซี่ยวอวี่เซวียน นางรักและเป็นห่วงเสี่ยวเซวียนเซวียนมากกว่าใคร”
“นายท่าน......”
“ฝูกวง เจ้าไปนำแผ่นอักษรสีเหลืองมา”
ฝูกวงชำเลืองมองทุกคน
เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่นี่ จอมมารเองก็อยู่ที่นี่ เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยกองกำลังของกองทัพอี้ก็ไม่อาจแย่งชิงแผ่นอักษรสีเหลืองไปได้
ฝูกวงถึงนำแผ่นอักษรสีเหลืองออกมา
เมื่อแผ่นอักษรสีเหลืองปรากฏออกมา ทุกคนต่างให้ความสนใจ
โดยเฉพาะคนของกองทัพอี้
ผู้อาวุโสอวี๋กล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท มอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้แก่หวงกุ้ยจวินได้หรือไม่ ไม่ว่าฝ่าบาทมีเงื่อนไขอะไร พวกข้าล้วนยินดี”
ขณะที่กำลังลูบผมของเขา จอมมารกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าคิดอะไรอยู่ แผ่นอักษรสีเหลืองเป็นของพี่หญิงคนเดียวเท่านั้น”
ตราบใดที่จิตวิญญาณครึ่งหนึ่งถูกหลอมรวมกับแผ่นอักษรสีเหลือง พี่หญิงของเขาก็สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง
นอกจากพี่หญิง ไม่มีใครมีสิทธิ์จะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองไปทั้งนั้น
เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “อี้หยุนเฟย หากเจ้ายอมปล่อยแผ่นอักษรสีเหลืองไป ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดข้าล้วนเต็มใจมอบให้เจ้า”
ไม่รอให้อี้หยุนเฟยกล่าวออกมา พวกของผู้อาวุโสอวี๋ก็ไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป
“พวกเจ้าทั้งสองจะมากเกินไปแล้ว พวกเจ้าก็รู้ว่านายท่านน้อยของข้าต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองเพื่อรักษาชีวิต แต่พวกเขากลับคิดจะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองไปจากเขา หัวใจของพวกเข้าทำด้วยสิ่งใด? หรือพวกเจ้าเพียงต้องการความโปรดปราน?”
นอกจากความโปรดปราน เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าเหตุใดต้าเฟิงโห้วและเสี่ยวเฟิงโห้วถึงได้ต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองมากถึงเพียงนี้
เพียงแต่......
เหตุผลที่เสี่ยวเฟิงโห้วต้องการแย่งชิงแผ่นอักษรสีเหลือง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะต้องการแย่งชิงความโปรดปราน
เหวินเส่าอี๋เฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา
กองทัพอี้และพวกของเยี่ยจิ่งหานกำลังอยู่ในสภาวะสงคราม
แม้ว่าจอมมารจะอยู่เพียงลำพัง ไม่มีลูกน้องคอยติดตาม แต่ตัวเขาเพียงคนเดียวก็เทียบได้กับกองทหารนับพัน ไม่ง่ายที่จะเข้าไปก้าวก่าย
ทันใดนั้น จิตสังหารจำนวนมากมุ่งไปยังมือของผู้อาวุโสอวี๋
กู้ชูหน่วนไม่สนใจคำเตือนของทุกคน นางนำแผ่นอักษรสีเหลืองใส่มือของอี้หยุนเฟยด้วยตัวของนางเอง
“ในเมื่อมอบให้เจ้าไปแล้ว เจ้าก็รับไว้เถิด ข้าไม่เคยมอบของขวัญให้เจ้ามาก่อน แผ่นอักษรสีเหลืองนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้า”
อี้หยุนเฟยถือแผ่นอักษรสีเหลืองไว้ในมือราวกับแบกรับภูเขาอันหนักอึ้ง
ดวงตาของเขาเป็นสีแดง “น้องหญิง......”
กู้ชูหน่วนมอบรอยยิ้มอันอบอุ่นให้เขา จากนั้นก็หันไปมองที่เยี่ยจิ่งหานและจอมมาร
“ข้ามอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้อี้หยุนเฟยด้วยความเต็มใจ หากใครแย่งมันไปจากเขา ต้องก็ข้ามศพข้าไปก่อน แม้พวกเจ้าจะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองกลับมาได้ก็ตาม แต่ข้าก็ไม่มีวันใช้ประโยชน์จากมัน”
“อาหน่วน”
“พี่หญิง”
“เก็บไว้ให้ดี จำเอาไว้ว่าเจ้าต้องรีบให้ผู้อาวุโสอวี๋ใช้มันเพื่อช่วยชีวิตของเจ้าให้เร็วที่สุด”
พวกของผู้อาวุโสอวี๋คุกเข่าลง ก้มศีรษะอย่างเต็มใจ “ขอบพระคุณฝ่าบาท หากในอนาคตฝ่าบาททรงมีรับสั่ง พวกข้าจะตอบแทนท่านเป็นแน่ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
แม้ว่าเยี่ยจิ่งหานและจอมมารไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ยอมแพ้
เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะยอมให้แผ่นอักษรสีเหลืองตกอยู่ในมือของอี้หยุนเฟยเช่นนี้
แม้ว่าจะทำให้นางขุ่นเคือง พวกเขาก็ไม่มีวันยอมเป็นอันขาด
“แคก แคก......”
เหวินเส่าอี๋กระอักเลือดออกมา
เวลานี้เขายืนขึ้นมา แต่ไม่อาจทรงตัวได้ เขาทำได้เพียงยืนพิงต้นไม้ และก็ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานและจอมมารร่วมมือกันอย่างไรถึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
กู้ชูหน่วนค่อย ๆ ก้าวมาด้านหน้าของเหวินเส่าอี๋ “เสี่ยวเซวียนเซวียนตายไปแล้ว ความแค้นในใจของพวกเจ้าลดลงบ้างแล้วหรือไม่”
“ฮึ......แต่เจ้ายังมีชีวิตอยู่”
“หากข้าตายไป เช่นนั้นจะทำให้ความแค้นในใจของเจ้าดับสลายงั้นหรือ”
เหวินเส่าอี๋หันหน้านี้ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ก็จริง ชีวิตคนนับหมื่น แลกมากับชีวิตของเสี่ยวเซวียนเซวียนเพียงคนเดียวจะทำให้ความแค้นของเจ้าสิ้นสุดลงได้อย่างไร เช่นนั้น......หากรวมข้าเข้าไปด้วยเล่า?”
แครก......
ในมือของกู้ชูหน่วนมีกริชปรากฏออกมาหนึ่งเล่ม
ไม่มีใครคิดมาก่อนว่านางจะใช้กริชแทงเข้าที่หัวใจของตนเองอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากร่างกายของกู้ชูหน่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...