กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 963

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนรู้ดีว่านางเป็นคนกล้าหาญมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าเขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่หน่วนต้องการสังหารจักรพรรดินี

จักรพรรดินีเป็นผู้ปกครองผู้นำอาณาจักรรัฐปิง มีหรือจะฆ่าสังหารได้ง่ายดายเช่นนั้น

เขากล่าวตำหนิออกไป "ตระกูลซั่งกวนของข้ามีความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทและไม่มีทางแปรพักตร์ ที่เจ้าพูดมาเมื่อสักครู่นี้ ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้เลยในตอนนี้"

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ

นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะมาเสแสร้งอะไรอีก

"พูดกันตามตรง ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนก็คงพอจะทราบแล้วว่าตระกูลหนิงได้ถูกฆ่าล้างตระกูลไปแล้ว และก็คงรู้ว่าเป็นการลงมือของจักรพรรดินีใช่หรือไม่"

"ข้าจะรู้ได้อย่างไร"

"ท่านรู้แน่นอน ในโลกใบนี้ จะมีใครสามารถฆ่าตระกูลหนิงไปทั้งตระกูลได้อีก นอกเสียจากจักรพรรดินี?"

"จักรพรรดินีอยากฆ่าล้างตระกูลหนิงก็ฆ่า และวันไหนที่นางอารมณ์ไม่ดี นางก็สามารถฆ่าล้างตระกูลซั่งกวนได้เช่นกัน"

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนไม่พอใจนัก เขากล่าวออกมาด้วยความโกรธ "เจ้าก็ฆ่าล้างตระกูลไป๋หลี่ไปไม่ใช่หรือ"

"ข้าได้ฆ่าล้างตระกูลไป๋หลี่ก็จริง แต่ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าข้าได้วางแผนฆ่าล้างตระกูลไป๋หลี่มานานแล้ว และหนึ่งในนั้นยังเป็นเพราะความช่วยเหลือจากตระกูลใหญ่สามตระกูลและรวมไปถึงจักรพรรดินี"

"ตระกูลใหญ่ทั้งสามต่างก็คาดหวังจะให้ตระกูลไป๋หลี่ถูกฆ่าสังหาร ฉะนั้นพวกท่านจึงช่วยจุดไฟ และจักรพรรดินีเองก็ยินยอมโดยปริยาย นางรู้อยู่แก่ใจดีว่าข้าจะทำลายล้างตระกูลไป๋หลี่ และถึงขั้นส่งคนมาขัดขวางกองกำลังที่จะเข้าไปช่วยเหลือตระกูลไป๋หลี่ ท่านเป็นถึงผู้นำตระกูล ไม่ว่าจักรพรรดินีพยายามปกปิดมากเพียงใด ข้าเชื่อว่าท่านก็พอจะรู้อะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย"

"ตระกูลไป๋หลี่ทำเรื่องชั่วช้านับไม่ถ้วน ผู้ที่หวังว่าพวกเขาจะถูกฆ่ากำจัดนั้นมีแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าอาจมีคนแอบอ้างชื่อเสียงของฝ่าบาทเพื่อกระทำสิ่งนี้ขึ้นมาก็ได้"

"หลายปีมานี้ ยอดฝีมือจำนวนมากในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งต่างพากันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ยังอายุน้อย และหลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดินีก็ได้เชิญชายหนุ่มรูปงามผู้ที่มีวรยุทธ์โดดเด่นเข้าร่วมรับประทานอาหาร"

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"

กู้ชูหน่วนดื่มน้ำชาอีกครั้งเพื่อดับกระหายและกล่าวต่อไปว่า "เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกข้าว่า ตอนนั้นที่ตระกูลไป๋หลี่ทำสงครามครั้งใหญ่ มีผู้อาวุโสจำนวนมากที่เพียงแค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้นได้พากันหลบหนีไป พวกเขาไม่ตาย เพราะมียอดฝีมือปิดบังใบหน้ามาช่วยพวกเขาไว้"

"ข้าเคยกลับไปยังเรือนตระกูลไป๋หลี่ และพบศพของผู้อาวุโสเหล่านั้นที่หลบหนีไป พวกเขาล้วนต่างถูกดูดพลังและแก่นสารแท้ในร่างกายไปจนหมด"

"ชายหนุ่มรูปงามที่เข้าวังไปปรนนิบัติจักรพรรดินี ก็ถูกดูดพลังแก่นสารแท้ในร่างกายไปจนหมด และสุดท้ายแล้วกระดูกของพวกเขาหักเป็นสองส่วน รวมไปถึง......หลินซือหย่วนและคนอื่นๆ......"

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนฟังจากที่กู้ชูหน่วนเล่ามาก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

เขาไม่อาจยอมรับได้ว่าคนเหล่านั้นล้วนถูกจักรพรรดินีทำร้ายจนตาย

มีประเด็นที่น่าสงสัยมากมาย อีกทั้งจักรพรรดินียังมีความโหดเหี้ยมชั่วช้า หากนางเป็นคนทำก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด

ทว่า......

ดูดพลังแก่นสารแท้และเลือดของคนอื่นไปจนหมด สุดท้ายแม้แต่กระดูกก็แตกหักเป็นสองส่วน......

วรยุทธ์ขั้นนี้ช่างชั่วร้ายเกินไปหรือไม่

จักรพรรดินีเป็นผู้นำของรัฐ ทั้งอาณาจักรนี้เป็นของนาง เหตุใดนางถึงต้องฝึกฝนวรยุทธ์ชั่วร้ายเช่นนั้นด้วย?

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "วรยุทธ์ชั่วร้ายเช่นนี้ เจ้าก็ทำได้ไม่ใช่หรือ?"

กู้ชูหน่วนตกตะลึงเล็กน้อย

เรื่องการดูดพลังวรยุทธ์ของคนอื่นนั้น นางเคยทำมาก่อนก็จริง

ทว่าตอนนี้นางกลับไม่รู้ว่าจะไปดูดพลังของคนอื่นได้อย่างไร

ตอนนั้นนางก็รู้สึกประหลายใจอย่างมาก

และเพราะเรื่องนี้ ทุกสำนักและทุกตระกูลต่างพากันกล่าวหาว่านางเป็นปีศาจชั่วร้าย และอยากจะกำจัดนางทิ้งเสีย

"ตระกูลซั่งกวนช่างยกย่องเยินยอข้าเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งเท่านั้น จะมีพลังมากมายที่ไหนไปดูดกลืนวรยุทธ์และแก่นสารแท้ในร่างกายของคนอื่นได้ หากข้ามีความสามารถเช่นนั้น ข้าคงไม่ต้องพวกท่านซุ่มโจมตีเพื่อจะฆ่าฟันหรอก"

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนหลับตาลง เพื่อสัมผัสถึงพลังของวรยุทธ์ของกู้ชูหน่วน และทันใดนั้น เขาจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อสายตา

ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนคิดว่านางกำลังพูดล้อเล่น

ทว่าสีหน้าและท่าทางของกู้ชูหน่วนกลับไม่เหมือนกำลังพูดเล่นเลยสักนิด

หัวใจของท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนเต้นแรงไม่หยุด หากไม่ได้ประคองพนักเก้าอี้ไว้ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถยืนตรงได้อย่างแน่นอน

"ระดับเจ็ด......ใช่ระดับเจ็ดจริงๆ หรือ......เป็นไปได้อย่างไร......ไม่มีทางเป็นไปได้......"

"ข้าเป็นคนฆ่าสังหารตระกูลไป๋หลี่ไปก็จริง ทว่าก็มีจักรพรรดินีที่คอยแอบบงการอยู่เบื้องหลัง นางได้ดูดพลังวรยุทธ์ของยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนของตระกูลไป๋หลี่ไป และผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือนาง"

"นางปล่อยให้ตระกูลไป๋หลี่ถูกฆ่าสังหารลง นางสามารถฆ่าล้างโคตรตระกูลหนิง และดูดพลังวรยุทธ์ทั้งหมดของทุกคนในตระกูลไป โดยไม่เหลือผู้รอดชีวิตไว้สักคน แม้แต่สัตว์ก็ไม่หลงเหลือสักตัว และอีกไม่นาน นางคงจะฆ่าล้างโคตรตระกูลซั่งกวนเข้าสักวัน"

"เรื่องความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ข้าเชื่อว่าท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนคงจะเข้าใจ"

"เจ้าทำแต่เรื่องอัปยศ ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร"

"เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจท่าน ข้าเพียงแค่บอกความจริงกับท่านเท่านั้นว่าระดับวรยุทธ์ที่แท้จริงของจักรพรรดินีได้ไปถึงระดับเจ็ดแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครสู้นางได้ นอกเสียจากร่วมมือกัน หากท่านไม่เตรียมการเสียแต่เนิ่นๆ เป้าหมายต่อไปของนางก็จะเป็นตระกูลซั่งกวน อย่างไรเสีย เนื้อและกระดูกของตระกูลซั่งกวนก็หอมหวานมากที่สุด และไม่ยากที่จะกัดกินเข้าไป"

ประโยคหลังนั้น ทำให้ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนสีหน้าแย่ลงอย่างมาก

ความหมายของกู้ชูหน่วนก็คือ เหวินเส่าอี๋จัดการได้ยากที่สุด

ตระกูลซั่งกวนของพวกเขา เพียงแค่จักรพรรดินีต้องการทำลาย เพียงแค่กระดิกปลายนิ้วก็สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย

"หากเป็นจริงตามที่เจ้าพูดมา ว่าวรยุทธ์ของจักรพรรดินีถึงระดับเจ็ดแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้นำของรัฐ ต่อให้เราร่วมมือกัน จะสามารถจัดการนางได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?"

"เพียงแค่เราสองคนล่ะก็ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน"

ดูเหมือนว่าท่านผู้นำซั่งกวนจะดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย

เขาโบกมือและกล่าวออกไปอย่างเฉยเมย "ช่างเถอะ ต่อให้วรยุทธ์ของนางไม่ใช่ระดับเจ็ด เพียงแค่นางเป็นจักรพรรดินีของรัฐปิง พวกเราก็ไม่อาจสู้นางได้หรอก"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์