“เดินดีๆ หน่อยสิ ตัวเธอหนัก นี่ฉันก็จะหมดแรงอยู่แล้ว” นันทิชาหันไปบอกเพื่อนที่ดูเหมือนจะไร้สติ เมื่อคนอวบทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดมาทางนันทิชา และดูท่าไม่ยอมก้าวเท้าเดินต่อ
“นี่ ฉันรู้นะว่าเธอรู้เรื่อง อย่ามาทำเป็นหมดสติตอนที่จะถึงห้องป้าของเธอ เธอจะให้ฉันตอบคำถามแทนเธอทั้งหมดฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่จะให้ฉันฟังป้าเธอบ่นนั้น ฉันนึกแล้วก็อยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด”
ร่างบางยังคงจำฝีปากของป้านาได้ดี เมื่อคราที่พวกเธอเข้ามาทำอาหารกินกัน ป้านาบ่นเก่งราวกับว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่นันทิชาถอนหายใจยาวออกมา คนอวบเริ่มตอบสนองโดยการค่อยๆ ก้าวเท้าเดิน
ป้านาผู้ซึ่งทำงานบ้านอย่างหนักมาทั้งวัน พักไปได้เพียงครึ่งคืน ต้องลุกมาเปิดประตูให้สองสาวตัวแสบกลางดึก เพราะเสียงเคาะประตูดังสนั่นลั่นห้อง
“ทำไมเมาขนาดนี้” ป้านาถามกึ่งเสียงดัง เมื่อสองตาที่พยายามปรับให้คุ้นกับความสว่าง มองชัดเจนขึ้น พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยเข้ามาเตะจมูกจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิด บวกกับสายตาพิฆาตที่จ้องมองสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“ตึบ” พริมปล่อยร่างตัวเองลงมากองกับพื้นทันที เธอพยายามทำตัวเองให้หลุดไปในห้วงอีกมิติหนึ่ง เพื่อไม่ต้องรับรู้โลกแห่งความเป็นจริงที่ใกล้จะระเบิดเต็มที
“พุธ โธ พุธ โธ" เสียงเบาแสนเบาออกมาจากปากของคนอวบที่นอนหลับตาปี๋ พยายามท่องบทสวด ในขณะที่เสียงหวีดด่าของป้านาดังลั่นห้อง หลังจากนั้นตามด้วยการสดับรับฟังเทศนาอีกหนึ่งกัณฑ์ ภาระหนักในการอธิบายและรับฟังการบทเทศน์ จึงตกมายังนันทิชาที่นั่งผงกศีรษะงึกงักยอมรับความผิดแต่โดยดี หลังจากถูกบ่นไปชุดใหญ่และจัดการหาที่นอนทุกอย่างเสร็จสรรพ ไฟในห้องดับลง
“พริมฉันรู้นะ ว่าเธอได้ยินที่ป้าเธอบ่น จำคำพูดป้าเธอเอาไว้ด้วย มันเยอะเสียจนฉันจำคนเดียวไม่หมดหรอกนะ” นันทิชานอนหันหน้าเข้าหาเพื่อน ก่อนกระซิบพูดเบาๆ ที่ข้างหู มือเล็กเรียวโอบกอดพริมไว้แบบหลวมๆ แล้วค่อยๆ หลับไป
ดนัยนั่งจิบกาแฟร้อนที่ควันโพยพุ่งออกมาจากแก้วพร้อมกับขนมปังชิ้นบาง พลางกดดูข่าวในมือถือก่อนจะเหลือบไปเห็นลูกสาวตัวดี ที่พึ่งก่อเรื่องใหญ่ไว้เมื่อหลายวันก่อน แต่งตัวสวยผิดหูผิดตาเดินฮัมเพลงลงมาจากชั้นบน
“จะไปไหนแต่เช้า” ดนัยวางมือถือลงอย่างเบามือ ก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“จะไปหาแทนค่ะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คบกันแบบไหน พ่อยังไม่เห็นเขามาบ้านเราเลยตั้งแต่ที่ลูกบอกว่าตกลงคบกัน” สายตาของคนอยากได้ลูกเขยเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจจ้องมองเอาคำตอบจากลูกสาวจอมรั้น
“แล้วเรื่องที่พ่อขอร้องเขาไปล่ะ สามีลูกว่าไงบ้าง”
“เขาขอเวลาสักอาทิตย์ แล้วจะเซ็นเช็คให้” หญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป เธอพยายามเก็บซ่อนสายตาของตัวเองไม่ให้เข้ามารับรู้ ด้วยลึกๆ แล้วเธอรู้สึกลำบากใจทุกครั้งที่ดนัยเฝ้าแต่ถามหาประโยชน์ส่วนตัว
“แล้วสินค้าเราล่ะ ที่ขอเปิดโซนใหม่กับห้างของเขา”
“เขาขอเอาเข้าที่ประชุมก่อน ไม่รับปากว่าจะได้ไหม”
ผู้เป็นพ่อพยักหน้าพอใจกับคำตอบของลูกสาวคนโต เมื่อเห็นว่าเช็คมีมูลค่าจำนวนหนึ่งที่เขาขอยืมนั้นได้รับการตอบรับที่ดี หญิงสาวมองหน้าบิดาด้วยความรู้สึกกังวลใจ เธอต้องทนสภาวะกดดันเพื่อเป็นสะพานให้บิดาเอาเปรียบสามีของเธอมานับครั้งไม่ถ้วน แม้สามีเธอจะยังไม่มีปัญหาอะไรในตอนนี้ แต่ในภายหน้าบิดาของเธอจะไม่หยุดเอาเปรียบเขาง่ายๆ ในเวลานี้เธอทำได้เพียงแต่เฝ้ามองการกระทำของบิดาอย่างเงียบๆ ยังไม่อยากขัดใจเพราะท่านคือผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น