ในช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน หญิงสาวสองคนเดินทางมาที่ร้านทันทีเพื่อทำงานต่อ สองสาวรีบเปลี่ยนชุดแล้วเข้าประจำตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง วันนี้ลูกค้ายังคงแน่นขนัดเช่นเคย พนักงานทุกคนต่างตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
“นี่ทิชา เธอว่าคุณทีภพกับพี่รินใครใจดีกว่ากัน” หญิงร่างอวบจอมทะเล้นแอบอู้งานเดินดุ่มๆ เข้ามาหานันทิชาในขณะที่เธอง่วนอยู่กับรายการอาหารที่กองอยู่เบื้องหน้า
“ตอนนี้คุณทีภพก็ดูใจดีนะ แต่ฉันคิดว่าพี่รินใจดีกว่า คงไม่มีใครสู้พี่รินของฉันได้หรอก เธอมีอะไรหรือเปล่า” ดวงตากลมโตวางมือจากรายการอาหาร แล้วหันหน้ามาถามเพื่อนสนิทอย่างสนใจ
“ผิดแล้วทิชา” พริมหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาแวววับมองนันทิชาอย่างเขินอาย
“คุณทีภพ กับพี่รินต่างกันเยอะเลย ทุกวันนี้ฉันมาทำงานอย่างมีความสุข เธอมองหุ่นเขาสิ...”
สองมือของหญิงร่างอวบนั้น กุมจับกันแน่นพลางยกขึ้นมากัดอย่างเขินอาย เธอหันตรงไปยังชายหนุ่มด้วยท่าทางมันเขี้ยวแทบจะถลาตัวเข้าไป ทีภพผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านในขณะนี้ มีรูปร่างหน้าตาเสมือนนายแบบไม่ผิดเพี้ยน หุ่นสูง ขายาวราวกับหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลี ผิวหน้าเนียนสะอาดหมดจด
หญิงสาวพิจารณาเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทวนแล้วทวนอีกย้ำอยู่อย่างนั้นด้วยสายตาหวานเยิ้มจับใจ นันทิชามองกิริยาของเพื่อนแล้วได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะไปมา จนใจกับเพื่อนจอมเพี้ยนคนนี้ จึงยกมือเคาะศีรษะเพื่อนเพื่อเตือนสติเบาๆ
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าพริม! นั่นเขาไม่ได้เรียกว่าใจดี นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอกเธอแทบจะกลืนกินคุณทีอยู่แล้ว รู้ตัวหรือเปล่า และนี่มันเวลางาน งานก็เยอะ ไปทำงานเลย เดี๋ยวนี้!”
พริมยอมทำตามแต่โดยดี แต่สายตาหล่อนยังคงจับจ้องไปยังผู้จัดการร้าน เสมือนว่าเขาได้ดูดวิญญาณของเธอออกไป สายตาหยาดเยิ้มของหล่อนเป็นประกายแวววาว การถูกจับตามองจากสาวร่างอวบนั้น เสมือนโดนจู่โจมจากท่ามกลางมวลหมู่พนักงาน คนหนุ่มรู้ตัวตลอดว่าโดนโจมตีด้วยสายตาบางคู่ เขาเพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น เพราะยังต้องรักษาบุคลิกของผู้จัดการเอาไว้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ให้นานที่สุด
“ทิชาทำไมวันนี้ดูเธอรีบๆ จะรีบกลับไปไหน” คนอวบยืนมองด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง เมื่อเห็นนันทิชาพยายามเปลี่ยนชุดอย่างรีบร้อน เธอรีบติดกระดุมเสื้อด้วยอาการเร่งรีบผิดไปจากปกติในทุกวัน ร่างบางหันมามันผมอย่างลวกๆ ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก
“คุณลุงข้างบ้านเพื่อนสนิทพ่อฉัน โทรมาบอกว่าท่านไปรับพ่อมาจากเรือนจำได้สองสามวันแล้ว บ้านเราก็ยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลย พ่อจะอยู่ยังไง เงินก็ไม่มี ฉันไปก่อนนะ ฉันรีบ”
นันทิชาหันมาตอบคำถามพริมด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไปเรียกแท็กซี่อย่างรวดเร็ว หวังให้ถึงบ้านเร็วที่สุดด้วยความเป็นห่วงบิดา พริมรีบตามออกมาแต่ไม่ทัน นันทิชาปล่อยให้พริมยืนอ้าปากค้าง ไม่ทันได้สอบถามเรื่องราวใดๆ
“เพื่อนคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมรีบออกไปแบบนั้น”
“นี่คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า” ทีภพโบกมือไปใกล้หน้าเธออีกครั้ง
“ฟะ ฟังอยู่ค่ะ ทิชาไม่ได้กลับแบบนี้บ่อยหรอกค่ะ วันนี้เป็นวันแรกค่ะ” ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ แต่สายตายังคงมองพริมด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจถามเธออีกครั้ง
“คุณ...คุณป่วยหรือเปล่า ทำไมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“หึ ถามมาได้ ก็เพราะคุณไงเล่า เกิดมาท่าไหนถึงได้หล่อได้ขนาดนี้ หล่อจนไม่คิดสงสารผู้หญิงอย่างฉันบ้างเลยหรือไง ว่าต้องมันเก็บกดขนาดไหน” คนอวบปั้นหน้ายิ้มแล้วคิดต่อต้านในใจ
“เป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ” ทีภพพยักหน้ารับรู้
“กินยาด้วยนะ เกิดมีอาการแบบนี้เวลาลูกค้าสั่งอาหาร จะทำให้เกิดการผิดพลาดได้” ทันทีที่ร่างสูงหันเดินกลับเข้าไปในร้าน พริมรีบหยิบยาดมในกระเป๋าเสื้อออกมาจุกไว้ที่จมูกแล้วสูดเข้าไปสุดแรง พยายามลากเท้าตัวเองเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อกลับบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น