บทที่ 132 โมโห
ตอนนี้ในใจของเฉินเฟิงเหมือนกำลังลุกเป็นไฟ ทั้งร่างกายของเขากำลังแผ่รังสีแห่งความโมโหออกมา ในทั้งหมดที่อยู่ในเขตล่าสัตว์ต่างก็รู้สึกเหมือนมีพายุลูกใหญ่กำลังวิ่งผ่าน ทว่าจริงๆ แล้วว่าคนอะไร พวกเขากลับไม่สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
และอีกฝั่งหนึ่ง เสี้ยเมิ่งเหยากำลังจะถูกโยนเข้าไปในกำแพงที่ล้อมรอบไปด้วยเหล็กลวด
หมาป่าสามตัวที่มีดวงตาสีเขียวกำลังจะพุ่งกระฉูดเข้ามา แค่มองจากปฏิกิริยาของสัตว์ เหมือนหมาป่าดำสามตัวนี้กำลังจะฉีกกระชากร่างกายของเสี้ยเมิ่งเหยาให้เป็นชิ้นๆ และอยากจะแน่ใจก่อนว่า เสี้ยเมิ่งเหยามีอะไรข่มขู่ตัวเองหรือไม่
นอกรั้วลวดเหล็ก มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำสีหน้าที่เลือดเย็น และไม่คิดจะเข้าไปช่วยเสี้ยเมิ่งเหยา
ใบหน้าของตู้จื่อเยว่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นดีใจ เหมือนกำลังรอดูการแสดงที่มีเลือดสดพุ่งกระฉูดออกมา
หวังเจียเมิงและหลี่เสว่ เหมือนจะรู้สึกเห็นใจเธอ ทว่านึกไม่ถึงว่าการที่ได้รู้สึกเสี้ยเมิ่งเหยามานานหลายปีแบบนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาจะมีจุดจบที่น่าสงสารแบบนี้
พวกเธอก็คือผู้เพียงผู้หญิงที่ขี้กลัว ตอนนี้ก็ได้หลับตาลง เหมือนจะทนดูภาพที่เสี้ยเมิ่งเหยาถูกหมาป่าดำพวกนี้ฉีกกระชากร่างกายแบบตัวเป็นๆ ไม่ได้
เฉินเฟิง ขอโทษ ฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณอีกต่อไป.......เสี้ยเมิ่งเหยาหลับตาลง ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“บรู้ว!”
หมาป่าดำที่อยู่ตัวแรกร้องคำรามลากเสียงยาว สุดท้ายก็แน่ใจว่าเสี้ยเมิ่งเหยาที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้มีความน่าเกรงขามเลยสักนิด
วินาทีต่อไป หมาป่าดำสองตัวนั้นก็ขย่ำเท้าแรงๆ แล้วกำลังพุ่งเข้าหาเสี้ยเมิงเหยา จากนั้นก็อ้าปากว้าง แล้วกำลังร่วมมือกันมากัดเธอ
ฟันอันขาวโพลนของหมาป่ากัดเข้าไปตรงหัวไหล่ของเสี้ยเมิ่งเหยา จากนั้นเลือดแดงสดจึงพุ่งกระฉูด ทำให้เสี้ยเมิ่งต้องร้องทุกข์อย่างทรมาน
และตอนนี้เฉินเฟิงก็ห่างจากเขตเลี้ยงหมาป่าดำอีกร้อยๆ เมตร!
พอได้ยินเสียงร้องทุกข์ขึ้น.......เป็นเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยา!
ทันใดนั้นเฉินเฟิงจึงแยกเขี้ยวยิงฟัน นัยน์ตาดูแดงก่ำ ตรงหน้าอกเต็มไปด้วยไฟแห่งความโมโหจนควบคุมไม่อยู่ เหมือนกำลังจะระเบิดออกมา จึงกลายเป็นเสียงโมโหที่น่าสะเทือนใจ!
ดูทรงอำนาจ!
ดูทรงอำนาจอันยิ่งใหญ่มากๆ!
ทุกคนต่างก็ยึดเฉินเฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ห่างไปร้อยๆ เมตรต่างก็กลั้นหายใจทันที และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตกเหวที่ลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด! และเหมือนกำลังถูกความเหน็บหนาวที่หนาวไปถึงกระดูกล้อมรอบอยู่!
และหมาป่าที่เป็นผู้นำจึงหยุดทีท่าที่จะฉีกกินเหยื่อ ในสายตาของหมาป่าเห็นว่ามีบุคคลน่ากลัวกำลังเข้ามา พวกมันที่เป็นสัตว์ จึงมีเซ้นท์ในการสัมผัสถึงสิ่งอันตรายได้มากกว่าคนไปหลายร้อยหลายพันเท่า!
ต่อให้เฉินเฟิงยังอยู่นับร้อยเมตร ทว่ามันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความทรงอำนาจของเฉินเฟิง กลับเป็นพลังทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก! มันรู้ดี ถ้ามันยังกัดฉีกผู้หญิงคนนี้อีก สิ่งที่รอมันอยู่ก็คือจุดจบที่ต้องตายอย่างเดียว แต่ไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน!
หมาป่าดำรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที!
จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนี!
ทว่าวินาทีต่อไป เฉินเฟิงที่อยู่ห่างไปร้อยๆ เมตร ก็ได้ไปถึงทันที!
พอเห็นเงาของคนๆ หนึ่งลอยผ่าน พวกหวังเจียเมิงหลี่เสว่ก็ถลึงตามองอย่างไม่กะพริบตา และคนที่ลอยผ่านเมื่อกี้นี้ คือเฉินเฟิงคนไร้ประโยชน์?
ระหว่างห่างแค่ร้อยๆ เมตร เขาใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที?!
ทุกคนต่างก็ขยี้ตาตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองกำลังตาลาย
“ตาย!”
จากนั้นก็มีเสียงอันโมโหของเฉินเฟิงดังขึ้น ทุกคนเงยหน้าขึ้น แล้วสิ่งที่มองเห็น มันทำให้พวกเขาน่าตะลึงงันมากๆ
หมาป่าดำสามตัวที่วิ่งไปเจ็ดแปดร้อยเม็ด หัวของหมาป่าที่เป็นแกนนำจึงโดนใบไม้หลิ่วสามใบแทงทะลุ!
บอร์ดี้การ์ดพวกนี้มองหน้ากัน กลับไม่มีใครกล้าลงไม้ลงมือ
จับเฉินเฟิง? สมองของตู้จื่อเยว่มีน้ำเข้าหรือไง พวกเขาไม่ได้มีน้ำเข้า!
คนที่สามารถใช้ใบไม้หลิ่วสามใบข้าหมาป่าดำสามตัวอย่างโหดเหี้ยม เป็นคนที่พวกเขาที่เหมือนกุ้งตัวน้อยสามารถแตะต้องได้หรอ? ตู้จื่อเยว่นี่แหละคนโง่ที่ไม่สามารถมองออกสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
จริงๆ แล้ว เวลานี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เฉินเฟิง แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนส่งอาหารธรรมดาๆ คนหนึ่ง!
พอเห็นว่าไม่มีใครกล้าแตะต้อง ตู้จื่อเยว่จึงรู้สึกกระวนกระวาย เลยพูดขึ้นอย่างตกใจ “พวกแกมันไร้ประโยชน์ เขาพวกแกมองฉันโดนไอ้สารเลวนี้ทุบตีอย่างนิ่งๆ พี่ชายฉันต้องฆ่าพวกแกแน่นอน!”
บอร์ดี้การ์ดพวกนั้นหดคอให้สั้นลง กลับไม่ได้มีใครกล้าแตะต้องเขาเช่นเคย การไปสร้างเรื่องกวนใจกับตู้จื่อถึง ถึงแม้จะย่ำแย่ ทว่าก็อาจจะไม่ได้ตาย ทว่า
ถ้าไปผิดใจกับเฉินเฟิง กลับต้องตายอย่างไร้ความสงสัยแน่นอน!
ตู้จื่อถึง!
เฉินเฟิงทำนัยน์ตาที่เลือดเย็น ตอนนั้นที่อยู่ห้องประชุม เขาก็เดาออกแล้ว ตู้จื่อเยว่อาจจะเป็นน้องสาวของตู้จื่อถึงนึกไม่ถึงว่ามันคือความจริง!
เฉินเฟิงถึงตรงหน้าตู้จื่อเยว่
สัมผัสได้ถึงความเลือดเย็นในนัยน์ตาเฉินเฟิง สุดท้ายตู้จื่อเยว่ก็เริ่มสักที จากนั้นก็เริ่มข่มขู่เฉินเฟิงด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม “แกจะทำอะไร? ฉันจะบอกนะ พี่ชายฉันคือตู้จื่อถึง เขาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน เขาต้องฆ่าแกให้ตายแน่นอน!”
“แกอยากจะตายยังไง?” เฉินเฟิงพูดด้วยเสียงเย็นชา แล้วไม่ต้องบอกว่าเป็นตู้จื่อเยว่ ต่อให้ตอนนี้ตู้จื่อถึงยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็จะทำให้ตู้จื่อถึงเสียใจที่ได้มาอยู่บนโลกใบนี้
พอเห็นเฉินเฟิงทำนัยน์ตาที่อาฆาตขึ้นมาจริงๆ ไม่เหมือนกำลังแกล้งทำ เรือนร่างที่ผอมบางของตู้จื่อเยว่สั่นงันงกไม่หยุด จากนั้นก็รีบวิ่งไปอยู่ข้างหลังของโจวเซ่าฟึง “ที่รัก ไอ้สารเลวนี้มันจะฆ่าฉัน คุณต้องรีบจัดการมันเดี๋ยวนี้”
น่องขาของโจวเซ่าฟึงกำลังสั่นงันงก ให้เฉินเฟิงจัดการเขาให้สิ้นซากมากกว่า ถ้าให้เขาจัดการเฉิงเฟิงให้สิ้นซาก นี่เขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่
“พี่ใหญ่ท่านนี้ มีเรื่องอะไรก็เจรจากันดีๆ ก็ได้ มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือกันเลยนะ” โจวเซ่าฟึงยิ้มแฉ่งขึ้น ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำตามเฉินเฟิงไปก่อน จากนั้นก็รอให้คนของตู้จื่อถึงมาค่อยว่ากัน ยังไงทางฝั่งนี้ก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตู้จื่อถึงก็คงจะรู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...